ศูนย์ข่าวขอนแก่น - แนวร่วมพันธมิตรฯหนุ่มชาวเมืองหมอแคน เปิดร้านขายอาหารตามสั่งกลางเมืองขอนแก่น หวังใช้เป็นจุดนัดพบพี่น้องพันธมิตรฯ แลกเปลี่ยนความเห็นสังคม-การเมือง เผยประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายชุมนุมกู้ชาติ ช่วยให้เรียนรู้การเมืองภาคประชาชนมากขึ้น ซ้ำรู้ทันสันดานนักการเมืองขี้ฉ้อ ลั่นหากมีชุมนุมไล่รัฐบาลชั่วอีกพร้อมลุย
หากใครได้มีโอกาสสัญจรผ่านไปทางถนนชีพาขอนทางไปสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น จะสังเกตเห็นใต้ถุนโรงแรมโสภณ ดีมา โฮเต็ล ตรงข้ามมูลนิธิขอนแก่นสามัคคีอุทิศ จะมีร้านอาหารตามสั่งเปิดใหม่ ป้ายขนาดไม่ใหญ่นักเขียนว่าร้าน “ภารดรภาพ” ร้านอาหารตามสั่งแห่งนี้แม้ไม่ใหญ่โต แต่ดูสะอาดตา สบายๆ
เมื่อมองเข้าไปภายในร้านจะพบว่าบนผนังจะตกแต่งไปด้วยภาพเหตุการณ์เรื่องราวการชุมนุมต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ตัดเก็บมาจากภาพข่าวหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ขณะที่บนฝาผนังอีกด้านหนึ่งมีป้ายไม้ขนาดย่อมเขียนด้วยอักษรไทยคำโตว่า “ร้านนัดพบพันธมิตรฯ”
นุชา อินทร์ทอง หรือชื่อเล่นว่า “นุ” เล่าถึงที่มาของร้านภารดรภาพแห่งนี้ว่าหลังจากแกนนำพันธมิตรฯได้ประกาศสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา พี่น้องพันธมิตรฯ ต่างแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา เขาเองก็เก็บสัมภาระเดินทางกลับจังหวัดขอนแก่น เพราะถือว่าภารกิจกู้ชาติได้บรรลุเป้าหมายระดับหนึ่งแล้ว แต่ด้วยระยะเวลาหลายเดือนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในที่ชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรฯ ทั้งที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และทำเนียบรัฐบาลนั้นมันนานมาก จนดูเหมือนว่าเมื่อไม่มีการชุมนุมแล้ว ชีวิตเหมือนกับขาดสิ่งสำคัญไปสักอย่าง คิดถึงแต่บรรยากาศการชุมนุมที่ห้อมล้อมไปด้วยมิตรภาพ ความเอื้ออาทรของพี่น้องคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เหมือนๆ กัน
“ยอมรับนะว่ารู้สึกเหงามาก หลังจากที่พันธมิตรฯยุติการชุมนุม งานที่เคยทำประจำคือการรับจ้างวาดภาพตามผนังโบสถ์ก็ไม่มีแล้ว เพราะช่วงมีชุมนุมกู้ชาติ ผมหยุดรับงานหมดเลย เขาก็ส่งให้คนอื่นทำแทนไปแล้วก็เลยคิดว่าน่าจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นงานที่สามารถหาเลี้ยงชีพได้และยังได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องพันธมิตรฯด้วยกันอยู่”
ท้ายที่สุด งานใหม่ที่ นุชา อยากทำก็มาลงเอยที่การขายอาหารตามสั่ง คิดหลายตลบแล้วน่าจะลงทุนน้อยที่สุด อย่างน้อยไม่ต้องจ้างพ่อครัวแม่ครัว เพราะตัวเขาเองทำอาหารเป็นอยู่แล้ว โชคดีที่มีคนแนะนำให้มาเช่าใต้ถุนอาคารโสภณ ดีมา โฮเต็ล เดิมเป็นห้องอาหารของโรงแรม เจ้าของให้เช่าในราคาพอรับได้ การลงทุนในครั้งแรกเมื่อเริ่มต้นเปิดใหม่ๆ มีพี่ๆ พันธมิตรฯ หลายคนช่วยเหลือ ทั้งให้ยืมเงินทุน ให้จาน ช้อน รวมถึงคำแนะนำอื่นๆ อีกมากมาย
นุชา เล่าต่อว่า ร้านนี้เปิดขายก่อนสิ้นปี 2551 ราว 1 อาทิตย์ใช้ชื่อร้านว่า “ภารดรภาพ” ชอบชื่อนี้เพราะมีความหมายดี แต่จะเป็นที่รับรู้ในกลุ่มว่าเป็นร้านนัดพบพันธมิตรฯมากกว่า เป็นไปตามเป้าหมายหลักของการเปิดร้าน ที่เราต้องการให้เป็นจุดนัดพบ แลกเปลี่ยนความเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯทั้งในขอนแก่นและจังหวัดอื่นๆที่แวะเวียนมา ตอนนี้คนก็เริ่มรู้จักกันบ้างแล้ว หลายคนบอกว่าฝีมือทำอาหารอร่อยก็แวะเวียนมากินเป็นประจำ ราคาก็ไม่แพงเป็นกันเอง
นุชา ยังบอกอีกว่า พี่น้องพันธมิตรฯท่านใดที่มีสินค้าจะฝากขายก็นำมาฝากขายได้ โดยเฉพาะสินค้าที่ทำจากภูมิปัญญาชาวบ้านหรือสินค้าแฮนด์เมดหรือสินค้าที่เกี่ยวกับสัญลักษณ์การต่อสู้ของพันธมิตรฯทางร้านจะเป็นศูนย์กลางช่วยขายให้ ถือเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามแบบฉบับพันธมิตรฯกู้ชาติหัวใจเดียวกัน
สำหรับงานวาดภาพ นุชา กล่าวว่า “ผมยังไม่ทิ้งเพราะเป็นอาชีพที่เขามีความถนัด จะว่าไปแล้วผมมีศักดิ์เป็นรุ่นน้องของ “เฮียตี๋” จบวิชาศิลปะจากโรงเรียนเพาะช่างเช่นเดียวกัน นอกจากขายอาหารตามสั่งแล้ว ทุกวันนี้ผมยังรับจ้างงานเขียนภาพอยู่ โดยเฉพาะภาพในเชิงศิลปะไทยโบราณ พี่น้องพันธมิตรฯรายใดที่สนใจติดต่อได้ที่ร้าน”
ในส่วนตัวเขาเองขณะนี้กำลังวาดภาพโศกนาฏกรรม 2,500 ศพพี่น้องไทยมุสลิมกรือเซะที่ถูกอำนาจรัฐในยุคทักษิณเป็นนายกฯสั่งฆ่า เป็นงานชิ้นสำคัญที่เขาตั้งใจเขียนเพื่อเป็นอนุสรณ์ตอกย้ำความโหดเหี้ยมของรัฐบาลทักษิณ คาดว่าใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเสร็จเพราะรายละเอียดค่อนข้างมาก
นุชา เปิดเผยว่า หากกิจกรรมใดที่เป็นการต่อต้านระบอบทักษิณ เขาพร้อมจะเข้าร่วมทุกเมื่อ ตัวเขาเองเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกคือตั้งแต่ ปี 2548 เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารประเทศของทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศนโยบายประชานิยม ทั้งโครงการกองทุนหมู่บ้านละล้าน โครงการ SML หรืออีกหลายโครงการที่เป็นการทุ่มงบประมาณเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเหมือนกับเงินให้เปล่า โดยไม่พยายามสอนให้ชาวบ้านได้เรียนรู้พึ่งตนเอง ซึ่งเงินงบประมาณเหล่านั้นล้วนมาจากเงินภาษีประชาชนหรือเงินกู้จากแหล่งเงินทุนอื่นๆ
“ตั้งแต่ปี 2544 ที่คุณทักษิณเข้าสู่การเมืองเต็มตัว แม้เขาจะอ้างว่ารวยแล้ว ไม่โกงกิน จะช่วยคนยากคนจน ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อ เพราะดูอย่างไร ผมก็เห็นว่าคุณทักษิณเป็นนักธุรกิจเต็มตัว โดยสันดานนักธุรกิจนั้นย่อมหวังผลกำไรเป็นที่ตั้ง แล้วท้ายที่สุดเราก็เห็นธาตุแท้ของเขา ผมไม่เคยเลือกพรรคไทยรักไทยเลยหรือพรรคอะไรก็ตามที่คุณทักษิณอยู่เบื้องหลัง” นุชากล่าว และว่า
ประสบการณ์เข้าร่วมชุมนุมไล่รัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณกับพี่น้องพันธมิตรฯอย่างยาวนานเกือบ 200 วันที่ผ่านมานั้น ทำให้เขาได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับการเมือง สันดานนักการเมือง ที่สำคัญได้เรียนรู้แนวทางการต่อสู้งานการเมืองภาคประชาชน
ขณะเดียวกันเขาค้นพบว่า ในสังคมพี่น้องพันธมิตรฯที่ชุมนุมได้อย่างยาวนาน 5-6 เดือนนั้นมีแต่ความเอื้ออาทร รู้จักการเสียสละ แต่ละคนเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว แม้จะพบปัญหาอุปสรรคมากมาย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทุกนาที และอานิสงส์ที่เกิดแก่ตัวเขาเองหลังยุติการชุมนุมนั้น ทำให้เขาเลิกดื่มเหล้าไปโดยปริยาย จากเดิมเป็นคนมีทิฐิสูงตอนนี้มีความรอบคอบเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น รู้จักการทำงานเป็นทีม
นุชา ย้ำอีกว่า สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในครั้งนี้ เชื่อว่าพี่น้องพันธมิตรฯจำนวนไม่น้อยก็น่าจะค้นพบเช่นกัน เป็นความงดงามของชีวิตที่ได้จากการชุมนุมกู้ชาติที่เขาจะเก็บเป็นความทรงจำที่ดี สอนลูกสอนหลานต่อๆไป