xs
xsm
sm
md
lg

พธม.โคราชฉลองชัยส่งท้ายสุดเหวี่ยง ลั่น’52 เป็นปีแห่งการเมืองภาคปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวที “สร้างสรรค์ปีใหม่ 2552 บทเรียนเลือด หลอมรวมร่วมศรัทธา จักฟันฝ่า สานฝันอย่างมั่นคง” ที่ บริเวณลานข้างอนุสาวรีย์ย่าโม ได้รับความสนใจอย่าล้นหลาม ในงานอัดแน่นไปด้วยแกนนำพันธมิตรฯ นักวิชาการขึ้นเวทีให้ความรู้การเมืองใหม่ การแสดงดนตรี พร้อมอาหารการกินเพียบ
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เวทีใหญ่ “สร้างสรรค์ปีใหม่ 2552 บทเรียนเลือด หลอมรวมร่วมศรัทธา จักฟันฝ่าสานฝันอย่างมั่นคง ” ของพันธมิตรฯ โคราชภาคดึกยิ่งคึกคักเหล่านักรบมือตบออกลีลาสนุกสุดเหวี่ยงร่วมกันปล่อยลูกโป่ง ประกาศเป็นปีแห่งการเมืองภาคประชาชน ขับเคลื่อนขบวนการ “ประชาภิวัฒน์” เดินหน้า “การเมืองใหม่” อย่างเต็มรูปแบบ ด้านแกนนำเสนอแนวคิดตั้งพรรคการเมืองพันธมิตรฯ ย้ำจับตารัฐบาล “ปชป.สายพันธุ์ยี้ห้อย” ใกล้ชิด

วันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ร่วมกับกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย และ เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.นครราชสีมา และภาคอีสาน จัดเวทีชุมนุมปราศรัยใหญ่ “สร้างสรรค์ปีใหม่ 2552 บทเรียนเลือด หลอมรวมร่วมศรัทธา จักฟันฝ่า สานฝันอย่างมั่นคง” ที่ บริเวณลานข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ชุมพล อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีเหล่าพันธมิตรฯจาก จ.นครราชสีมา และใกล้เคียงเข้าร่วมงานจำนวนมาก

ทั้งนี้ นักรบมือตบทุกคน ต่างได้ร่วมกันรับประทานอาหารที่บรรดาแม่ยกพันธมิตรฯ พ่อค้านักธุรกิจและคณะกรรมการจัดงาน ได้จัดตั้งซุ้มอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม ให้บริการฟรีร่วม 20 ซุ้ม อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมหาซื้อสินค้าของที่ระลึกพันธมิตรฯ กู้ชาติ เช่น มือตบ เสื้อ หมวก ผ้าพันคอ ผ้าโพกหัว กันจำนวนมาก

ส่วนกิจกรรมบนเวทีปราศรัย ได้มีบรรดาศิลปินกู้ชาติ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นบรรเลงเพลงสร้างความครึกครื้นสนุกสนาน สลับกับการขึ้นปราศรัยเติมเต็มปัญญา ข้อมูล สถานการณ์บ้านเมืองของแกนนำพันธมิตรฯ และเหล่านักวิชาการ เช่น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 3 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 1 นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด, ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ ดร.ทวิช จิตสมบูรณ์ นักวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ส่วนศิลปินกู้ชาติ ที่มาสร้างความครื้นเครงในงาน เช่น วงดนตรี บอยโคราช วงแฮ้งคอดำ วงสหภาพ วงจุ๋ม ด่านเกวียน หรั่ง ร็อคเคสตร้า วง ประทีป ขจัดพาล ซูซู ฯลฯ

ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประชาชนชาวพันธมิตรฯ หลายคน คงคลางแคลงใจในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการดึงเอา “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มการเมือง “ยี้” ที่สุดในประเทศเข้าร่วมรัฐบาล หลังจากประชาชนได้ร่วมกันลุกขึ้นต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ขับไล่รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ต้องสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน และบาดเจ็บพิการ อีกเป็นจำนวนมาก จนชัยชนะเป็นของประชาชนในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเราพร้อมที่จะให้โอกาส รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้บริหารแก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ทั้งนี้ รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ ต้องทุ่มเททำงานเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่บนความถูกต้องชอบธรรม ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ได้พ้นผิดจากคดีทุจริตโกงชาติกินเมืองทั้งหลาย และที่สำคัญ รัฐบาลต้องดำเนินการกับตำรวจ และนักการเมืองผู้มีส่วนร่วมในการสั่งเข่นฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ และเหตุการณ์อื่นๆ อย่างเด็ดขาดถึงที่สุดและไม่มีละเว้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่า การกระทรวงอุตสาหกรรม และ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการเดินสายพบเครือข่ายพันธมิตรฯ อเมริกา ได้ขึ้นนำผู้ชุมนุมร่วมกันจุดเทียนแห่งธรรมเพื่อฉลองชัยชนะของประชาชนที่ร่วมชุมนุมต่อสู้ขับไล่ทรราชกันมายานนานกว่า 6 เดือน

พร้อมร่วมกันปล่อยโคมไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 9 โคม และปล่อยป้ายผ้า “2552 ปีแห่งการเมืองภาคประชาชน” ขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อแสดงความจงรักภักดี และประกาศให้ปีหน้า เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนของขบวนการประชาภิวัตน์และการเมืองใหม่เต็มรูปแบบ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กล่าวปราศรัยบนเวที ระบุว่า พันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถือดาวกันคนละดวง มาวันนี้ถึงเวลาแล้วที่พันธมิตรฯ ต้องสร้างพรรคการเมืองให้เป็นของตัวเองขึ้นมา เพื่อมาเป็นรัฐบาลสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้น เพราะจะไปคาดหวังกับพรรคการเมืองเก่าที่มีอยู่นั้น เชื่อได้ว่าการเมืองใหม่ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

พวกเราต่อสู้กันมาด้วยความยากลำบาก แต่มาถึงตอนนี้เหมือนตีงูให้กากิน ฉะนั้นควรถึงเวลาที่พันธมิตรฯ ต้องคิดแล้วว่า เราต้องมีพรรคการเมืองเป็นของตัวเอง หากไม่มีใครเป็นนายกฯ ตัวเองจะเป็นนายกฯ ให้ดู เพราะถ้าเราไม่ต้องการอำนาจเราก็ไม่ต้องต่อสู้ให้เหนื่อย

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ภาคประชาชนยังต้องดำเนินต่อไป แต่การต่อสู้ที่เกิดขึ้นใหม่นั้นต้องจัดระบบให้ดี จัดองค์กรให้ดีเพื่อให้การต่อสู้เป็นไปอย่างยั่นยืนและเข้มแข็ง เช่น ในต่างประเทศมีการจัดตั้งคณะกรรมการองค์กรภาคประชาชนขึ้นอย่างชัดเจนในทุกมลรัฐ หากมีการส่งสัญญาณการต่อสู้ภาคประชาชนเกิดขึ้น คณะกรรมการชุดนี้จะออกมาปฏิบัติภารกิจทันที

“ภารกิจข้างหน้าแม้จะใหญ่หลวงแต่เชื่อว่าพลังประชาชนจะยังเข้มแข็ง ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด” นายไชยวัฒน์ กล่าว

ด้าน นายพิภพ ธงไชย กล่าวปราศรัยว่า พันธมิตรฯ ยังคงเดินทางหน้าผลักดันสร้างการเมืองใหม่ โดยเฉพาะปีหน้า 2552 การเมืองใหม่จะต้องเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ จะต้องเป็นการเมืองที่สะอาด ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเร่งสร้างจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งดำเนินการ

“วันนี้พวกเราจะต้องให้โอกาสรัฐบาลชุดนี้ได้ทำในเรื่องที่ถูกต้อง แต่หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยไม่ทำ จะพบกับพวกเราอีกครั้ง การต่อสู้ภาคประชาชนจะกลับมาแน่นอน” นายพิภพ กล่าว

ขณะที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยปิดเวทีรอบดึกคนสุดท้ายในเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม โดยเน้นการฉายภาพเส้นทางการโกงชาติกินเมืองและความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ตั้งแต่เริ่มแรกกับการเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งมอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมที่เทงบประมาณจำนวนมหาศาลลงไปยังระดับรากหญ้าและดึงเม็ดเงินเหล่านั้นหมุนเวียนเข้ามาสู่กระเป๋าของตัวเองและพวกพ้อง ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย 30 บาทตายทุกโรค, กองทุนหมู่บ้านละล้าน, หวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว เป็นต้น ทำให้ทักษิณ ร่ำรวยมีเงินหลายแสนล้านทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยจนเกิดปรากฏการณ์การออกมาต่อสู้ของเครือข่ายพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ เพื่อขับไล่และจัดการกับทรราชโกงชาติ กินเมือง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและผลักดันให้มีการเมืองใหม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเมืองใหม่ที่ได้ในวันนี้ จากชัยชนะเบื้องต้นของภาคประชาชนจากการร่วมกันต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งประวัติศาสตร์ จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 10 คน บาดเจ็บและพิการกว่า 600 คน คือรัฐบาลประชาธิปัตย์ผสมพันธุ์กับ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองยี้ที่สุดในประเทศนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพียงการเมืองเก่าของแท้ ไม่ใช่การเมืองใหม่อย่างที่ประชาชนพันธมิตรฯ วาดหวัง

“ดังนั้นการเมืองภาคประชาชนและขบวนการประชาภิวัฒน์ ต้องเดินหน้าต่อไปไม่สามารถที่จะหยุดได้ ที่สำคัญต้องจับตาการทำงานของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดตามที่พวกเราได้ประกาศที่จะให้โอกาสกับพวกเขาไปแล้วตั้งแต่ต้น” นายสมเกียรติ กล่าวในตอนท้าย








กำลังโหลดความคิดเห็น