ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “เทอดดำริ” ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลกว่า 1,200 ล้านบาท ผุดโรงงานเอทานอล ครบวงจรพร้อมโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ปลายปี 52 เล็งใช้วัตถุดิบหลักจากข้าวฟ่างหวานกว่า 85% ดันสร้างความร่วมมือม.ขอนแก่น ผลิตเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร ส่วนตลาดไร้ปัญหา พุ่งเป้าส่งออก 100% ที่ตลาดจีน/อินเดีย มั่นใจศักยภาพตลาดขนาดใหญ่มีฐานประชากรกว่า 2,500 ล้านคน
วันนี้ (21พ.ย.) ที่ห้องประชุมสารสิน อาคารแก่นกัลปพฤกษ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีลงนามทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยรศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กับดร.สุพล ศิวิลัย ประธานบริษัทบริษัท เทอดดำริ จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาพลังงานทดแทน โดยบริษัทเทอดดำริ เตรียมการวางแผนก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลขนาดกำลังการผลิตประมาณ 200,000 ลิตร/วัน ที่อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ดร.สุพล ศิวิลัย ประธานบริษัทบริษัท เทอดดำริ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีโครงการที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล ในลักษณะการลงทุนครบวงจร ก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลกำลังผลิต 200,000 ลิตร/วัน ควบคู่กับโรงไฟฟ้าชีวมวล ในบริเวณเดียวกัน ที่อ.ด่านขุนทด จ.นคราชสีมา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท แยกเป็นการลงทุนผลิตเอทานอลประมาณ 600 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าชีวมวล 600 ล้านบาท
จุดเด่นของโรงงานเอทานอลที่จะก่อสร้างประมาณปลายปี 2552 นี้ จะติดตั้งเครื่องจักรผลิตจากประเทศเยอรมัน โดยใช้วัตถุดิบหลักจากข้าวฟ่างหวานมากถึงร้อยละ 85 พืชพลังงานชนิดใหม่ที่สามารถแปรรูปเป็นเอทานอลจากลำต้น ส่วนที่เหลือเป็นพืชที่ปลูกได้ในพื้นที่อาทิอ้อย มันสำปะหลัง โดยบริษัทฯสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับข้าวฟ่างหวาน ที่จะนำมาแปรรูปเป็นเอทานอลได้
แผนงานหลังจากลงนามร่วมกันแล้ว บริษัทจะส่งทีมงานพร้อมกับนักวิชาการมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าไปสำรวจพื้นที่รอบโรงงาน เตรียมการในด้านงานส่งเสริมเกษตรกรรอบโรงงาน ปลูกข้าวฟ่างหวานป้อนโรงงานให้เพียงพอต่อการผลิต ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะเข้ามาช่วยเหลือในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวฟ่างหวานป้อนให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปลูกให้เพียงพอกับความต้องการผลิตของโรงงาน
ส่วนด้านการตลาด บริษัทจะผลิตเพื่อการส่งออก 100% ตลาดหลักคือ จีนและอินเดีย แต่ละประเทศมีประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน รวมกันมากกว่า 2,500 ล้านคน ถือเป็นตลาดใหญ่ของโลก อีกทั้งได้ทำสัญญาซื้อขายเอทานอลไว้ล่วงหน้าแล้ว ราคารับซื้อข้าวฟ่างหวานจากเกษตรกร จะเป็นราคาที่เกษตรพึงพอใจ และทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่อ.ด่านขุนทดและใกล้เคียงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแน่นอน
ขณะเดียวกันการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล จะนำกากข้าวฟ่างหวานมาเป็นวัตถุดิบเป็นเชื้อเพลิง ปั่นกระแสไฟฟ้า ส่งจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตเอทานอล ขณะเดียวกันจะทำให้การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย
