กาญจนบุรี - เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในจังหวัดกาญจนบุรี กว่า 400 คน รวมตัวบุกศาลากลางจังหวัดยื่นหนังสือผู้ว่าฯกาญจนบุรี แก้ปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำ ทำให้กลุ่มเกษตรกรทั้งหมดต้องขาดทุนจนได้รับความเดือดร้อน รองผู้ว่าฯโดดรับหน้าเสื่อรับปากจะแก้ปัญหาให้ โดยเตรียมนำเข้าที่ประชุมถก 19 พ.ย.นี้ที่ ก.เกษตรฯ
วันนี้ (18 พ.ย.) เวลา 10.30 น.เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดใน จ.กาญจนบุรีกว่า 400 คน ได้รวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเรียกร้องให้ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ช่วยแก้ไขปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำ โดยมีแกนนำ คือ นายกุ้ยลิ้ม อดุลยธรรม ประธานกลุ่มผู้ปลูกสับปะรดระดับจังหวัดกาญจนบุรี และ นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี พร้อมประชาชนชาวอำเภอ บ่อพลอย ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาสับปะรดตกต่ำ โดยมี นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้รับมอบหนังสือจากตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด และทำการพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรดังกล่าว
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 400 คน ที่เดินทางมาด้วยรถยนต์กระบะจำนวน 50 คันและรถยนต์ 6 ล้อ 1 คัน ได้เดินถือป้ายมาที่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกับใช้เครื่องขยายเสียงตะโกนเรียกร้องขอพบ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ลงมาพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อน
นายกุ้ยลิ้ม เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมาพบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในครั้งนี้ เนื่องจากว่า กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด อ.บ่อพลอย ซึ่งมีสมาชิกอยู่ประมาณ 400 ราย ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของราคาสับปะรดตกต่ำเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่าน ราคาสับปะรดที่โรงงานรับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 7-8 บาท แต่ปัจจุบันนี้ทางโรงงานได้รับซื้อสับปะรดอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 3-3.50 บาท ทำให้กลุ่มเกษตรกรทั้งหมดต้องขาดทุนจนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งต้นทุนการปลูกสับปะรดของกลุ่มเกษตรกรอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 4.50 บาท
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดราคาสับปะรดต่ำ เนื่องจากโรงงานแปรรูปสับปะรดเพื่อการส่งออก ได้รับผลกระทบจากผู้สั่งซื้อในตลาดต่างประเทศ มีการชะลอการสั่งซื้อสับปะรดแปรรูปที่นำเข้าจากประเทศไทยลดลงเรื่อยๆ ทำให้โรงงานสับปะรดแปรรูปลดกำลังการผลิตลง เนื่องจากราคาเงินบาทอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินบาทเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว อยู่ที่ 32 บาท ต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสับปะรดทั้งระบบที่มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ปลูกสับปะรดกว่า 31,000 ไร่ ปริมาณการผลิตโดยรวมในปี พ.ศ.2551-2552 คาดว่า น่าจะมีปริมาณ 106,000 ตัน มีเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดประมาณกว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคม 2551-มิถุนายน 2552 เป็นช่วงของฤดูผลผลิตสับปะรดออกมากที่สุด ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำมากกว่านี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด จึงได้เดินทางมาที่สาลากลางจังหวัด เพื่อให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด โดยขอให้ประกันราคาการรับซื้อผลผลิตสับปะรด ในราคาหน้าโรงงานในเขตจังหวัดกาญจนบุรีขั้นต่ำ กิโลกรัมละ 4.50 บาท ไปจนสิ้นสุดฤดูการผลิต ในวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ซึ่งเป็นการป้องกันการขาดทุน
ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวภายหลังว่า หลังจากที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องราคาสับปะรดตกต่ำ ซึ่งทางโรงงานรับซื้อราคาสับปะรดหน้าโรงงานที่กิโลกรัมละ 3-3.50 บาท แต่ราคาต้นทุนการผลิตของกลุ่มเกษตรกรนั้น อยู่ที่กิโลกรัมละ 4.50 บาท ซึ่งในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา 15.00 น.จะมีการประชุมของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกหระทรวงเกษตรฯเป็นประธานและมีงบประช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรอยู่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะให้ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อมูลในการช่วยเหลือด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น กลุ่มเกษตรกรทั้งหมดจึงได้ทยอยเดินทางกลับ