กาญจนบุรี – นักท่องเที่ยวร้องสมาคมสื่อมวลชนกาญจนบุรี ถูกช่างถ่ายรูปแพล่องขู่บังคับให้ซื้อภาพตัวเอง ขณะเดินทางลงแพล่องเมืองกาญจน์ในราคา 120 บาทต่อภาพต่อจาน ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี สั่งการตำรวจลงตรวจสอบหากพบให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที เพราะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองกาญจน์เสียหาย
วันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 09.00 น.นายวินิจ โรจนวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่มาจาก จ.เพชรบุรี ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวแพล่อง ใน จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2551 เวลาประมาณ 13.30 น.ที่ผ่านมา ตนพร้อมกับเพื่อนๆ จำนวน 45 คน ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่ง 1 ในโปรแกรมของการท่องเที่ยว ก็คือ การเดินทางมาล่องแพชมธรรมชาติสองฝากฝั่งลำน้ำแคว เมื่อคณะตนได้เดินทางมาถึงยังท่าเทียบแพแห่งหนึ่ง พวกตนก็หยิบสัมภาระของตัวเองลงจากรถบัสแล้วก็เดินทางไปยังแพที่ได้ติดต่อไว้ทันที
ในขณะที่กำลังเดินทางลงแพล่อง ได้มีเด็กหนุ่มอายุประมาณ 25-30 ปี จำนวน 3 คน ได้ยกกล้องถ่ายภาพที่ห้อยไว้ที่คอมาทำการถ่ายภาพตนและเพื่อนในขณะเดินทางลงแพล่อง
นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ตนพบช่างถ่ายภาพทั้ง 3 คน ตนก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่า การถ่ายภาพดังกล่าวเป็นมาตรการการดูแลการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงไม่ได้สอบถามเด็กหนุ่มทั้ง 3 คนว่า ถ่ายภาพไปทำไม
จนกระทั่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านไป 1 คืน กับความสนุกสนานกับธรรมชาติในค่ำคืนนั้นบนแพล่องเมืองกาญจนบุรี เวลา 09.30 น.ของวันที่ 28 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย แพล่องที่เราเช่าไปจึงได้ล่องแพกลับมายังบริเวณที่จอดแพในตอนต้น ก่อนที่แพจะถึงฝั่ง ตนและเพื่อนได้มองมายังบริเวณฝั่งก็พบกับเด็กหนุ่มทั้ง 3 คนที่ถ่ายภาพในวันนั้นกำลังยืนเรียงจานอยู่ที่โต๊ะพับ 2 ตัวที่วางต่อกัน
เมื่อแพล่องมาเทียบฝั่ง ตนและคณะจึงได้เดินทางขึ้นฝั่ง ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังรถบัสที่จอดรออยู่บนถนน เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน ได้หยิบจานแบนขนาด 10 นิ้ว ซึ่งภายในจานมีรูปภาพอะไรสักอย่างติดอยู่ตรงกลางของจาน เด็กหนุ่มทั้ง 3 ได้ร้องบอกคณะตน ว่า เชิญมาดูภาพของท่านได้ที่จานกระเบื้อง ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ พวกตนก็ไปดูพร้อมทั้งหยิบภาพของตัวเองขึ้นมาดูพร้อมกับความงง ว่า ถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในขณะที่ดูรูปตัวเองอยู่นั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ร้องตะโกน บอกว่า ให้ท่านที่มีภาพที่จานช่วยจ่ายเงินด้วยในราคาใบละ 120 บาท พวกตนก็งง ทำไม่ต้องจ่ายเงินด้วย ซึ่งตอนแรกตนนึกว่า เป็นโปรโมชันของการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ที่มอบให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาล่องแพเมืองกาญจนบุรี
นักท่องเที่ยวกล่าวต่อว่า จานกระเบื้องดังกล่าวที่ติดรูปพวกตนไว้บางคนก็ยอมจ่ายเงินให้ เพราะเห็นว่าเป็นภาพของตัวเอง จึงยอมจ่าย แต่บางคนไม่รับและไม่จ่าย ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน ออกอาการอารมณ์เสียทันที โดยเด็กหนุ่มทั้ง 3 คน บอกคณะตนว่า ใครมีรูปอยู่ที่จานจะต้องเสียเงินทุกคน ทำให้ตนและเพื่อนบางคนไม่พอใจคำพูดดังกล่าวของเด็กหนุ่มจนได้เกิดปากเสียงกัน ตนจึงได้อธิบายถึงสาเหตุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวพวกตนไม่ได้จ้างให้ถ่าย แต่นี่เป็นการถ่ายภาพกันเองโดยไม่มีใครจ้างไม่มีใครบอกให้ถ่าย เด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล่าวว่า พวกตนลงทุนในการทำภาพที่จานเพื่อเป็นที่ระลึกในแต่ละครั้ง พวกเขาจะต้องลงทุนไปก่อน หากพวกตนไม่ซื้อรูปไปแล้วของที่เหลือจะไปขายให้กับใครได้ ตนจึงตัดความรำคาญโดยบอกไปว่า “งั้นพวกผมยอมจ่ายเงินในราคาทุนก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน กล่าวว่า ต้นทุนตกใบละ 100 บาท ตนจึงขอต่อ 70 บาท เด็กหนุ่มไม่ยอมขอเป็น 80 บาท ตนและเพื่อนๆ จึงตัดปัญหายอมจ่ายเงินไปคนละ 80 บาท
นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า ที่พวกตนเดินทางมาร้องเรียนสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้สื่อช่วยไปตรวจสอบพฤติกรรมของคนทั้ง 3 คนด้วย ขืนปล่อยให้คนเหล่านี้มีพฤติกรรมข่มขู่และบังคับเหมือนผู้มีอิทธิพลให้นักท่องเที่ยวยอมซื้อยอมจ่ายเงินเช่นนี้ ตนรับรองได้เลยว่า ในอนาคต จ.กาญจนบุรี จะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวต่อไป โดยเฉพาะการเดินทางมาท่องเที่ยวล่องแพไม่มีใครไปล่องแพแน่นอน เพราะมาใดก็จะพบกับปัญหาเช่นนี้ตลอดแล้วใครจะมาเที่ยวครับ
หลังจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร้องเรียนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปเข้าพบกับ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว หลังจากนั้น นายชัยวัฒน์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จิรสันต์ ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าวของช่างถ่ายภาพตามแพล่องว่า มีจริงดังคำร้องเรียนของนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมาร้องเรียนมายังสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรีหรือไม่
หากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวของนักท่องเที่ยวเป็นความจริง ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายทันที เพราะถ้าปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี รับรองได้ว่าในอนาคตจะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาล่องแพอย่างแน่นอน
วันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 09.00 น.นายวินิจ โรจนวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่มาจาก จ.เพชรบุรี ซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวแพล่อง ใน จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2551 เวลาประมาณ 13.30 น.ที่ผ่านมา ตนพร้อมกับเพื่อนๆ จำนวน 45 คน ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่ง 1 ในโปรแกรมของการท่องเที่ยว ก็คือ การเดินทางมาล่องแพชมธรรมชาติสองฝากฝั่งลำน้ำแคว เมื่อคณะตนได้เดินทางมาถึงยังท่าเทียบแพแห่งหนึ่ง พวกตนก็หยิบสัมภาระของตัวเองลงจากรถบัสแล้วก็เดินทางไปยังแพที่ได้ติดต่อไว้ทันที
ในขณะที่กำลังเดินทางลงแพล่อง ได้มีเด็กหนุ่มอายุประมาณ 25-30 ปี จำนวน 3 คน ได้ยกกล้องถ่ายภาพที่ห้อยไว้ที่คอมาทำการถ่ายภาพตนและเพื่อนในขณะเดินทางลงแพล่อง
นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ตนพบช่างถ่ายภาพทั้ง 3 คน ตนก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่า การถ่ายภาพดังกล่าวเป็นมาตรการการดูแลการท่องเที่ยวของจังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงไม่ได้สอบถามเด็กหนุ่มทั้ง 3 คนว่า ถ่ายภาพไปทำไม
จนกระทั่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านไป 1 คืน กับความสนุกสนานกับธรรมชาติในค่ำคืนนั้นบนแพล่องเมืองกาญจนบุรี เวลา 09.30 น.ของวันที่ 28 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับประทานอาหารเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย แพล่องที่เราเช่าไปจึงได้ล่องแพกลับมายังบริเวณที่จอดแพในตอนต้น ก่อนที่แพจะถึงฝั่ง ตนและเพื่อนได้มองมายังบริเวณฝั่งก็พบกับเด็กหนุ่มทั้ง 3 คนที่ถ่ายภาพในวันนั้นกำลังยืนเรียงจานอยู่ที่โต๊ะพับ 2 ตัวที่วางต่อกัน
เมื่อแพล่องมาเทียบฝั่ง ตนและคณะจึงได้เดินทางขึ้นฝั่ง ในขณะที่กำลังเดินทางไปยังรถบัสที่จอดรออยู่บนถนน เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน ได้หยิบจานแบนขนาด 10 นิ้ว ซึ่งภายในจานมีรูปภาพอะไรสักอย่างติดอยู่ตรงกลางของจาน เด็กหนุ่มทั้ง 3 ได้ร้องบอกคณะตน ว่า เชิญมาดูภาพของท่านได้ที่จานกระเบื้อง ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ พวกตนก็ไปดูพร้อมทั้งหยิบภาพของตัวเองขึ้นมาดูพร้อมกับความงง ว่า ถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในขณะที่ดูรูปตัวเองอยู่นั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ร้องตะโกน บอกว่า ให้ท่านที่มีภาพที่จานช่วยจ่ายเงินด้วยในราคาใบละ 120 บาท พวกตนก็งง ทำไม่ต้องจ่ายเงินด้วย ซึ่งตอนแรกตนนึกว่า เป็นโปรโมชันของการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ที่มอบให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาล่องแพเมืองกาญจนบุรี
นักท่องเที่ยวกล่าวต่อว่า จานกระเบื้องดังกล่าวที่ติดรูปพวกตนไว้บางคนก็ยอมจ่ายเงินให้ เพราะเห็นว่าเป็นภาพของตัวเอง จึงยอมจ่าย แต่บางคนไม่รับและไม่จ่าย ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน ออกอาการอารมณ์เสียทันที โดยเด็กหนุ่มทั้ง 3 คน บอกคณะตนว่า ใครมีรูปอยู่ที่จานจะต้องเสียเงินทุกคน ทำให้ตนและเพื่อนบางคนไม่พอใจคำพูดดังกล่าวของเด็กหนุ่มจนได้เกิดปากเสียงกัน ตนจึงได้อธิบายถึงสาเหตุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวพวกตนไม่ได้จ้างให้ถ่าย แต่นี่เป็นการถ่ายภาพกันเองโดยไม่มีใครจ้างไม่มีใครบอกให้ถ่าย เด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล่าวว่า พวกตนลงทุนในการทำภาพที่จานเพื่อเป็นที่ระลึกในแต่ละครั้ง พวกเขาจะต้องลงทุนไปก่อน หากพวกตนไม่ซื้อรูปไปแล้วของที่เหลือจะไปขายให้กับใครได้ ตนจึงตัดความรำคาญโดยบอกไปว่า “งั้นพวกผมยอมจ่ายเงินในราคาทุนก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มทั้ง 3 คน กล่าวว่า ต้นทุนตกใบละ 100 บาท ตนจึงขอต่อ 70 บาท เด็กหนุ่มไม่ยอมขอเป็น 80 บาท ตนและเพื่อนๆ จึงตัดปัญหายอมจ่ายเงินไปคนละ 80 บาท
นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว กล่าวต่อว่า ที่พวกตนเดินทางมาร้องเรียนสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรี ในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้สื่อช่วยไปตรวจสอบพฤติกรรมของคนทั้ง 3 คนด้วย ขืนปล่อยให้คนเหล่านี้มีพฤติกรรมข่มขู่และบังคับเหมือนผู้มีอิทธิพลให้นักท่องเที่ยวยอมซื้อยอมจ่ายเงินเช่นนี้ ตนรับรองได้เลยว่า ในอนาคต จ.กาญจนบุรี จะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวต่อไป โดยเฉพาะการเดินทางมาท่องเที่ยวล่องแพไม่มีใครไปล่องแพแน่นอน เพราะมาใดก็จะพบกับปัญหาเช่นนี้ตลอดแล้วใครจะมาเที่ยวครับ
หลังจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร้องเรียนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปเข้าพบกับ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว หลังจากนั้น นายชัยวัฒน์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จิรสันต์ ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าวของช่างถ่ายภาพตามแพล่องว่า มีจริงดังคำร้องเรียนของนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมาร้องเรียนมายังสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดกาญจนบุรีหรือไม่
หากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวของนักท่องเที่ยวเป็นความจริง ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายทันที เพราะถ้าปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี รับรองได้ว่าในอนาคตจะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาล่องแพอย่างแน่นอน