อุบลราชธานี-หน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน 1669 จ.อุบลราชธานี ซึ่งประสบปัญหาขาดงบประมาณ เพราะน้ำมันรถมีราคาแพงได้ออกซิเยนต่อลมหายใจ โดย สปสช.จับมือ อบจ.ทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท ออกช่วยผู้เจ็บป่วยฟรีได้เช่นเดิม
นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี น.พ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ น.พ.ธีรพล เจนวิทยา ผู้อำนวยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขตพื้นที่อุบลราชธานี น.พ.วุฒิไกร มุ่งหมาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และนายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ลงนามบันทึกความร่วมมือจัดตั้งกองทุนบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนงบประมาณใช้บริหารจัดการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน
ทั้งนี้ เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เติมรถมีราคาแพง ทำให้มีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยรถส่วนหนึ่งลาออกไปทำงานอื่น เนื่องจากมีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้เจ็บป่วยที่เรียกใช้บริการ
นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีกล่าวว่า เดิมเมื่อมีการเจ็บป่วยฉุกเฉินมูลนิธิเอกชนจะมีบทบาทนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล แต่หลังจากหน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยเบื้องต้น จึงพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินเปิดให้บริการ 1669 ออกช่วยเหลือผู้ป่วยครอบคลุมทุกพื้นที่ของจังหวัด ทำให้ปัจจุบันมีสถิติประชาชนเรียกใช้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินวันละกว่า 200 ราย นับเป็นผลสำเร็จในการช่วยเหลือประชาชนเชิงรุกผ่านหน่วยรถแพทย์ฉุกเฉินแห่งนี้
"แต่ที่ผ่านมาช่วงน้ำมันมีราคาแพง ส่งผลต่อการบริหารจัดการด้านงบประมาณ การทำบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นสัญญาณให้โครงการดังกล่าวยังสามารถเดินหน้าได้ต่อไป"
ด้าน น.พ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า การลงนามความร่วมมือให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินครั้งนี้ เป็นการต่อสัญญาการให้บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินกับชาว จ.อุบลราชธานี เพราะจากผลสำรวจของเอแบคโพล์ระบุว่าชาวอุบลราชธานี รู้จักการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรืออีกชื่อคือหน่วยกู้ชีพ 1669 มากที่สุดในประเทศ
จากสถิติทางการแพทย์ยังพบว่า มีประชาชนเรียกใช้บริการมากขึ้นถึง 100% ในทุกปี ซึ่งแสดงว่าเมื่อประชาชนอุบลราชธานีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก็สามารถเข้าถึงบริการการนำส่งถึงโรงพยาบาลโดยหน่วยงานนี้ทันที ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตและพิการลงได้ปีละจำนวนมาก
เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงเชื่อว่าการพัฒนาด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จะขยายตัวมากขึ้นจากแรงสนับสนุนของหน่วยงานท้องถิ่นที่เข้ามาร่วมดูแลโครงการ สปสช.ซึ่งเป็นหน่วยงานตรงของหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน จึงสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไปอย่างเต็มที่
ส่วนนายพรชัย โควสุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกล่าวว่า อบจ.เป็นองค์กรที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนทั้งจังหวัด จึงต้องตอบแทนประชาชน เบื้องต้น อบจ.ได้สนับสนุนรถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉินตามโครงการกู้ชีพเฉลิมราชย์ 60 ปี 1669 จำนวน 60 คัน
ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่พอใจของประชาชนผู้ใช้บริการอย่างมาก อนาคต อบจ.จะร่วมมือกันกับ สปสช. สสจ. และ อสม.จัดทำโครงการพาหมอไปหาผู้ป่วยถึงบ้าน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นด้วย
นายชัยกล่าวต่อว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะมีการจัดตั้งกองทุนใช้บริหารจัดการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยรวมรถกู้ชีพฉุกเฉินของโรงพยาบาล มูลนิธิเอกชน และรถกู้ชีพเฉลิมราชย์ 60 ปี ทั้ง 85 คัน โดยใช้งบประมาณภายใต้การสนับสนุนของ สปสช.ปีละ 21 ล้านบาท และงบประมาณของ อบจ. อบต.
รวมทั้งเทศบาลอีกปีละ 21 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวลดปัญหาการขาดแคลนงบประมาณ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินให้หมดไป สำหรับผู้ป่วยยังสามารถเรียกใช้บริการ 1669 ได้ฟรีเช่นเดิม
