อุบลราชธานี- นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ขอพลเมืองอาวุโส ทั้ง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และ นพ.ประเวศ วะสี พลเมืองอาวุโส ที่ทุกฝ่ายเชื่อถือเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ด้านนักรัฐศาสตร์ชี้พรรคร่วมควรถอนตัวเพื่อชาติ ดัดหลังไม้แก่เพราะไปไม่ไหวแล้ว
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี รายงานความเคลื่อนไหวแสดงความเห็นกรณีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนมีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนักวิชาการและองค์กรภาคเอกชนประสานเสียงคัดค้านการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เพราะจะทำให้สถานการณ์ในและนอกประเทศเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนไม่มั่นใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะอาจลุกลามเกิดการประท้วงรัฐบาลไปทั่วประเทศได้
ด้านทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.จอมจิน จันทรสกุล นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า รัฐบาลต้องยุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสันติวิธี เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประเทศ โดยทางออกที่ดีที่สุด คือ การใช้การเจรจาต่อรองผ่านระบบรัฐสภาจะช่วยให้สถานการณ์เบาบางลง หรือขอให้คนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ทุกคนนับถือเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดความปรองดองทั้ง 2 ฝ่าย โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
สำหรับผู้ใหญ่ที่เหมาะสมอย่างกรณีที่ผ่านมา ก็มี คุณอานันท์ ปันยารชุน หรือ นพ.ประเวศ วะสี ก็เป็นที่นับถือ จึงน่าจะช่วยประเทศได้ ส่วน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หากท่านลงมาช่วยได้ก็จะเป็นการดีเช่นกัน
ขณะเดียวกัน นายสุเชาว์ มีหนองหว้า อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวถึงการถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองลดความร้อนแรง และถือเป็นทางออกเดียวให้สังคมไทยขณะนี้ เพราะมีการเรียกร้องจากหลายฝ่าย ทั้งจากที่ประชุมระดับอธิการบดีทั่วประเทศที่ต้องการให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกหรือยุบสภา
แต่ปรากฏว่า คุณสมัคร ก็ยืนยันไม่ออกและไม่ยุบสภา ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดควรถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อหาทางออกให้สังคม
นายสุเชาว์ กล่าวต่อว่า หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนตัว เชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช จะเลือกใช้วิธียุบสภาเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด และเปิดโอกาสให้คนทั้งประเทศตัดสินใจกันใหม่ ซึ่งถึงขั้นนั้นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับ เพื่อยุติความขัดแย้งอื่นที่ตามมาภายหลัง “โดยทุกฝ่ายต้องยอมรับกันได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยงหรือเดินกลับมาสู่วังวนวงจรเดิมอีก”
สำหรับ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินขณะนี้ ไม่อยู่ในสถานะที่สามารถใช้บังคับได้ เพราะหลายฝ่ายไม่ยอมรับการที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ออกมาใช้โดยไม่สมเหตุสมผลด้วย
