นักวิชาการเมืองดอกบัว ชี้ “สมัคร” ดื้อตาใส ลาก ปท.ถอยหลัง-ยั่วยุรัฐประหาร

อุบลราชธานี - นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ชี้ การประชุม 2 สภาเป็นแค่พิธีการ แก้ปัญหาชาติไม่ได้ การสไตรก์ของสหภาพรัฐวิสาหกิจจะเพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้ “สมัคร” ใช้วิธีตัดสินปัญหาตามวิสัยทัศน์ของตัวเอง ส่วนนักวิชาการจากศิลปศาสตร์ ระบุ นายกรัฐมนตรีดื้อตาใสอ้างรักษาระบบ โดยไม่เหลียวมองออกนโยบายทำร้ายประชาชนเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง จนกลายเป็นเงื่อนไขการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

นายธีระพล อันมัย อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงการประชุมของ 2 สภาเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) ว่า นายสมัคร สุนทรเวช ก็ยังยึดมั่นถือมั่นว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเพียงกลุ่มคนข้างถนน จะมาเรียกร้องอะไรกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ต้องรักษาระบบไว้ แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านจะเสนอให้ใช้วิธียุบสภา เพื่อเป็นทางออกในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ นายสมัคร ก็ไม่ยอมรับ

นายธีระพล ยังแสดงความเป็นห่วงว่า เมื่อรัฐบาลปฏิเสธทางออกที่รับได้ของทุกฝ่าย อะไรจะเกิดขึ้น สังคมจึงต้องควรตั้งคำถามกับการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา เป็นการบริหารงานที่ต้องการรักษาระบอบไว้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะการอนุมัติโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการเขื่อนบ้านกุ่มกั้นแม่น้ำโขง ซึ่งมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท แต่ไม่ผ่านการศึกษา มันสะท้อนให้เห็นอะไร เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มหรือไม่ แล้วประชาชนได้ประโยชน์อะไรบ้าง

“หากนายกรัฐมนตรีต้องการยึดมั่นในระบบตามที่กล่าวอ้าง นโยบายต่างๆ ของรัฐต้องเป็นตัวสะท้อนถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ก็จะทำให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่สามารถนำมากล่าวอ้างใช้เคลื่อนไหวได้ ตรงกันข้ามนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาส่วนใหญ่มีแนวโน้มฉ้อฉล จึงกลายเป็นเงื่อนไงอยู่ในขณะนี้ ซึ่ง นายสมัคร ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น” นักวิชาการรายนี้ให้ความเห็น

ด้าน นายสุเชาว์ มีหนองหว้า อาจารย์ภาควิชาการปกครองท้องถิ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า การประชุมของ 2 สภาเป็นการแสดงบทบาทของรัฐบาลและสภาที่ต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ที่น่าชื่นชม แต่ก็เป็นแค่เพียงพิธีการ เพราะมันเลยเวลาของการเจรจาไปแล้ว

ส่วนการป้องกันไม่ให้มีการใช้กำลังเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง ต้องหาตัวกลางที่ทั้ง 2 ฝ่ายเคารพมาร่วมทำ แต่ตอนนี้มันก็ผ่านเวลานั้นไปแล้วเช่นกัน ขั้นตอนต่อไปจากนี้ ก็คือ ต้องเกิดการแตกหัก แล้วตามมาด้วยการถูกแทรกแซงทางการเมืองจากทหาร

“ท่าทีแข็งกร้าวของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการยื้อเวลาให้มากที่สุด ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ เพราะต่างชาติเกิดความลังเลทั้งการเข้ามาท่องเที่ยวและการลงทุน เนื่องจากต่างชาติไม่มั่นใจต่อภาพรวมของเสถียรภาพทางความมั่นคงของรัฐบาลนี้ และการที่สหภาพรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมสไตรก์หยุดงานเพิ่มขึ้นอีก เมื่อนั้นรัฐบาลคงจะต้องทำอะไรสักอย่างตามวิสัยทัศน์ของคุณสมัครในเร็วๆ นี้” อาจารย์ที่สอนวิชาการปกครองท้องถิ่นรายนี้ กล่าว