อุบลราชธานี-อดีตผู้สมัครสอบตกพรรคพลังประชาชนเขต 1 อุบลฯ เข็นมวลชนต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หนุนรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ให้อยู่ต่อ ด้านนักวิชาการแนะประชาชนต้องทำการเมืองให้เป็นอำนาจของประชาชน พร้อมเสนอนายกรัฐมนตรีทำสิ่งดีไว้เป็นเกียรติประวัติของคนไม้ใกล้ฝั่ง
วันนี้ (31ส.ค.) ที่ลานหน้าศาลากลาง จ.อุบลราชธานี มีประชาชนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลประมาณ 400 คน นำโดยนายโกวิทย์ ธรรมานุชิต อดีตผู้สมัครสอบตกพรรคพลังประชาชนเขต 1 และนายธีรภัทร วัชรพล หรือดีเจต้อย นักจัดรายการวิทยุชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจากนายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นำประชาชนเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล พร้อมปราศรัยโจมตีสหภาพรัฐวิสาหกิจ ที่หยุดงานประท้วงรัฐบาลเป็นพวกบ่อนทำลายชาติ
ระหว่างการปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำเต็นท์มากางจำนวนนับสิบหลัง เพื่อให้ผู้ชุมนุมใช้หลบแดด เพราะแกนนำประกาศอาจมีการชุมนุมยืดเยื้อไปถึงค่ำวันนี้ และก่อนการชุมนุมจะเกิดขึ้นในตอนเช้าวันเดียวกันแกนนำผู้ชุมนุม มีการนำรถติดเครื่องขยายเสียงแล่นตระเวนประกาศชักชวนประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้มาชุมนุมมากที่สุด เพื่อแสดงพลังให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทราบ แต่ปรากฏว่า มีจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่มาก สำหรับเหตุการณ์ทั่วไปขณะนี้ ยังไม่มีความรุนแรง
ด้านนายธีระพล อันมัย อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงการนำมวลชนออกมาชุมนุมว่า เป็นสันดานของนักการเมืองที่ชอบอ้างมาจากการเลือกตั้ง จึงมักอ้างสิทธิชาวบ้าน เพื่อให้มองข้ามว่าที่ผ่านมานักการเมืองทำอะไรบ้าง มีการฉ้อฉลโกงบ้านเมืองอย่างไร เพราะนักการเมืองยังมองการเมืองเชิงโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญ ก็จะอ้างความชอบธรรมแล้วปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง แต่พอมีคนเห็นต่างก็จะเอาชาวบ้านมาชุมนุมต่อต้าน เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นนักการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเอง มากกว่าเพื่อประชาชน แล้วที่สุดก็มีการปลุกระดมนำไปสู่ความรุนแรง
นักวิชาการรายนี้กล่าวต่อว่า และหลังความรุนแรงในอดีตที่ผ่านมาประเทศ จะมีการเริ่มตั้งต้นกันใหม่ แต่ก็จะกลับมาสู่จงจรการเมืองแบบเดิม ซึ่งวันนี้ประชาชนต้องเริ่มมองว่าต้องเป็นการเมืองของประชาชน ไม่ใช่การเมืองแค่การเลือกตั้ง เพราะการเมืองเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตของเรา และทำอย่างไรให้รู้ทันนักการเมืองพวกนี้ รวมทั้งต้องทำให้นักการเมืองรู้ว่าสุดท้ายประชาชนคือเจ้าของอำนาจที่ใช้นักการเมืองเป็นตัวผ่าน ไม่ใช่เป็นอำนาจของตัวนักการเมืองเอง
สำหรับการเข็นมวลชนออกมา ก็เป็นสันดานของนักการเมืองที่หวงอำนาจ และนักการเมืองที่ต้องการรับใช้นาย ถ้านายสมัคร สุนทรเวช คือ คำตอบของปัญหา ต้องคิดทำเพื่อประชาชน อย่าทำให้เกิดการเผชิญหน้าของมวลชน 2 กลุ่ม เพราะต้องรู้สึกละอาย ใจถ้าชาวบ้านต้องออกมาทำร้ายกัน
"นายสมัครที่อายุก็กว่า 72 ปี น่าจะต้องคิดถึงบั้นปลายของชีวิต และเกียรติประวัติที่จะได้รับการบันทึกว่า ทำอะไรดีๆให้กับบ้านเมืองไว้บ้าง มันจะไม่ดีกว่าหรือ" นักวิชาการรายนี้กล่าว