มหาสารคาม- นักวิชาการ มรภ.มหาสารคาม ชี้ การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการวางแผนสร้างสถานการณ์จากฝ่ายรัฐ ย้ำไม่ใช่ทางออกปัญหา แนะจับตารัฐบาลฉวยโอกาสปฏิวัติตนเอง
นายตะวัน เกียรติบุญญาฤทธิ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น หาก 2 ฝ่ายต่างอยู่ในฐานที่มั่นของตนเอง เหตุการณ์รุนแรงคงไม่เกิดขึ้น กลุ่มพันธมิตรฯก็ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบ ฝ่าย นปช.ก็ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง ต่างมาแสดงความคิดเห็นมาชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นสิทธิที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ไม่เห็นด้วยที่ใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ
แต่มีผู้สังเกตว่า การปะทะดังกล่าวเป็นแผนการของใครผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา ในเรื่องของมาตรการตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการนั้น มองว่า คงจะเป็นมาตรการสุดท้าย เมื่อไม่สามารถที่จะทำให้รัฐบาลเห็นความต้องการของประชาชน ประชาชนมีสิทธิที่จะรวมตัวกันเพื่อเสนอมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลได้ยอมรับความต้องการของประชาชน
เพราะฉะนั้นมาตรการตัดน้ำตัดไฟ หากไม่มีทางอื่น คงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนอาจจะต้องได้รับความเดือดร้อนบ้าง แต่หากสามารถแก้ปัญหาโดยรวมของประเทศชาติได้ก็เห็นด้วย สำหรับทางออกตอนนี้ คือ นายกฯควรจะลาออก
นายธีรวัฒน์ ลอยวิรัตน์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่ามา นำมาสู่พระราชกำหนดฉุกเฉิน ในส่วนตัวคิดว่า นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล อยากจะประกาศตั้งนานแล้ว เพียงแต่รอเงื่อนไขบางประการเท่านั้น หากยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงคงยังไม่ประกาศ เพราะฉะนั้นถือได้ว่ารัฐบาลอาศัยเงื่อนไข หรือความชอบธรรมที่จะสามารถประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ โดยถือห้วงจังหวะและเวลา ที่มีเหตุการณ์รุนแรง มีคนเจ็บ คนตายเกิดขึ้น ในการปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปก.และกลุ่มพันธมิตรฯ
คำถามที่ตามมา คือ พร้อมหรือยังที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว คิดว่า สถานการณ์ยังไม่สุกงอมเต็มที่ แต่อย่าลืมว่า นายกฯ เคยเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2519 น่าจะจับจุดได้ในเรื่องต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่กังวลและคิดว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายมากขึ้น คือ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกปัญหา และเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มพลังของมวลชน แรงกดดันต่างๆ ออกมามากขึ้น ทั้งฝ่าย นปก.และพันธมิตรฯ คิดว่าเหตุการณ์ต่างน่าจะจบลงภายในอาทิตย์นี้
ตนเกรงว่าจะเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารตัวเองของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อนั้นจะนำมาซึ่งการฉีกรัฐธรรมนูญ การประกาศของคณะปฏิวัติ และเข้ารูปแบบเดิมตามวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไทยในอนาคตต่อไป
นายตะวัน เกียรติบุญญาฤทธิ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น หาก 2 ฝ่ายต่างอยู่ในฐานที่มั่นของตนเอง เหตุการณ์รุนแรงคงไม่เกิดขึ้น กลุ่มพันธมิตรฯก็ชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบ ฝ่าย นปช.ก็ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง ต่างมาแสดงความคิดเห็นมาชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นสิทธิที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ไม่เห็นด้วยที่ใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ
แต่มีผู้สังเกตว่า การปะทะดังกล่าวเป็นแผนการของใครผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา ในเรื่องของมาตรการตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการนั้น มองว่า คงจะเป็นมาตรการสุดท้าย เมื่อไม่สามารถที่จะทำให้รัฐบาลเห็นความต้องการของประชาชน ประชาชนมีสิทธิที่จะรวมตัวกันเพื่อเสนอมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลได้ยอมรับความต้องการของประชาชน
เพราะฉะนั้นมาตรการตัดน้ำตัดไฟ หากไม่มีทางอื่น คงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนอาจจะต้องได้รับความเดือดร้อนบ้าง แต่หากสามารถแก้ปัญหาโดยรวมของประเทศชาติได้ก็เห็นด้วย สำหรับทางออกตอนนี้ คือ นายกฯควรจะลาออก
นายธีรวัฒน์ ลอยวิรัตน์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่ามา นำมาสู่พระราชกำหนดฉุกเฉิน ในส่วนตัวคิดว่า นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล อยากจะประกาศตั้งนานแล้ว เพียงแต่รอเงื่อนไขบางประการเท่านั้น หากยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงคงยังไม่ประกาศ เพราะฉะนั้นถือได้ว่ารัฐบาลอาศัยเงื่อนไข หรือความชอบธรรมที่จะสามารถประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ โดยถือห้วงจังหวะและเวลา ที่มีเหตุการณ์รุนแรง มีคนเจ็บ คนตายเกิดขึ้น ในการปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปก.และกลุ่มพันธมิตรฯ
คำถามที่ตามมา คือ พร้อมหรือยังที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว คิดว่า สถานการณ์ยังไม่สุกงอมเต็มที่ แต่อย่าลืมว่า นายกฯ เคยเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2519 น่าจะจับจุดได้ในเรื่องต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่กังวลและคิดว่าสถานการณ์อาจจะบานปลายมากขึ้น คือ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกปัญหา และเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มพลังของมวลชน แรงกดดันต่างๆ ออกมามากขึ้น ทั้งฝ่าย นปก.และพันธมิตรฯ คิดว่าเหตุการณ์ต่างน่าจะจบลงภายในอาทิตย์นี้
ตนเกรงว่าจะเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารตัวเองของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อนั้นจะนำมาซึ่งการฉีกรัฐธรรมนูญ การประกาศของคณะปฏิวัติ และเข้ารูปแบบเดิมตามวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไทยในอนาคตต่อไป