เครือข่ายประชาสังคมอีสานประณามรัฐ-เคลื่อนแสดงท่าทีไม่เอารัฐวันพรุ่งนี้

อุบลราชธานี -เครือข่ายประชาสังคมภาคอีสาน 6 จังหวัด นำโดยแพทย์ อาจารย์ และประชาชน รุมประณามรัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” สร้างสถานการณ์ยืมมือทหารเข่นฆ่าประชาชน พร้อมประกาศใช้ดาวกระจายชุมนุมเดินขบวน แสดงออกคัดค้านการใช้มาตรการดังกล่าวทั่วภาคอีสานเริ่มวันพรุ่งนี้


วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่โรงแรมกิจตรงวิลล์รีสอร์ท อ.เมือง จ.อุบลราชธานี องค์กรเครือข่ายประชาสังคมภาคอีสาน 6 จังหวัด ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุดรธานี เลย ขอนแก่น และอุบลราชธานี ได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อเช้าวันที่ 2 ก.ย.หลังกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ นปช.เคลื่อนมวลชนเข้าปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม.จนมีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และเสียชีวิต 1 ราย

แถลงการณ์ระบุว่า ช่วงกลางดึกของคืนวันเดียวกันนี้ มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธของกลุ่ม นปช.ยกกำลังบุกเข้าไปที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยมีเจตนามุ่งเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชน ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายร่างกายจำนวนไม่น้อย และเสียชีวิต 1 ราย โดยเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคพลังประชาชน รวมทั้งนายทหารบางคนที่มีความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชาชน สร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินในตอนเช้าวันเดียวกันนี้

ดังนั้น การกระทำของรัฐบาล จึงส่อให้เห็นเจตนาว่าต้องการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจัดการชุมนุมโดยสันติปราศจากอาวุธ และเป็นการใช้สิทธิการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อแสดงการมีส่วนร่วมทางการเมืองต่อการบริหารงานที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาล กระทั่งทำให้ประชาชนนับแสนคน ที่เห็นด้วยได้ตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมมากยิ่งขึ้นทุกวัน

เครือข่ายประชาสังคมภาคอีสาน 6 จังหวัด มีความเห็นว่า การประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และจะนำไปสู่ความรุนแรง รวมทั้งเกิดความสูญเสียเลือดเนื้อชีวิตของคนไทยด้วยกันเอง

จึงข้อเรียกร้อง 1.คัดค้านการออกพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะเป็นการออกโดยขาดความชอบธรรม เพื่อนำไปเป็นข้ออ้างใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน จึงขอให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินทันที

2.รัฐบาล โดยทหาร ตำรวจ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอาวุธเข้าปราบปรามสลายการชุมนุม โดยต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการเข่นฆ่า ทำร้ายร่างกายและจิตใจประชาชน เพราะผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้สูงอายุ ทหารและตำรวจยังต้องป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาก่อกวน ยั่วยุ หรือใช้ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์เมื่อกลางดึกวันนี้

3.รัฐบาลจะต้องไม่แทรกแซง ปิดกั้น บิดเบือนการทำงานของสื่อสารมวลชนในทุกกรณี และสื่อมวลชนต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาอย่างมีอิสระ รวมทั้งต้องรายงานความจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่ปิดกั้นเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารของประชาชน

4.รัฐบาลต้องยุติการยั่วยุ หรือปลุกระดมมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อป้องกันความแตกแยก แบ่งข้าง การมุ่งทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เพราะนำมาแต่ความสูญเสียให้แก่ประเทศชาติ สุดท้ายคือ นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรีต้องลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที เนื่องจากขาดความชอบธรรมและขาดความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนแล้ว

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายประชาสังคมภาคอีสาน 6 จังหวัด และอดีต ส.ว.อุบลราชธานี กล่าวว่า การออกแถลงการณ์คัดค้านการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะการบริหารงานที่ผ่านมารัฐบาล คือ ต้นตอของปัญหาบริการงานไม่ชอบธรรม จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาตัวเองอย่างน้อยให้ลาออก หรือยุบสภา เพราะถ้านายกรัฐมนตรีคิดว่าตัวเองยังถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก เพราะการชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นความรู้สึกร่วมกันของประชาชน

การออกแถลงการณ์ของเครือข่ายไม่ใช่จะเห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง และต้องการให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบและหาทางออกให้พลเมือง

ทั้งนี้ เห็นด้วยกับการประกาศท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ฐานะผู้ควบคุมการใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะไม่ใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามประชาชนผู้ชุมนุม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการเมือง ก็ควรจะแก้ด้วยการเมือง โดยไม่ยืมมือทหารมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอีก

ด้านนายสมพันธ์ เตชะอธิก แกนนำเครือข่ายภาคประชาสังคมภาคอีสานและอาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึก เพราะเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้เกิดแรงต้านจากมวลชน ซึ่งทราบว่ามีกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเริ่มเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล

ส่วนมาตรการของเครือข่ายภาคประชาสังคมภาคอีสาน เพื่อกดดันการประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินจากนี้ไป สมาชิกของเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วภาคอีสาน จะประสานมือตั้งเวทีและจัดเดินขบวนประท้วงตามจังหวัดต่างๆ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยหากมีการใช้ความรุนแรงเข้าสลายผู้ชุมนุม และต้องการให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากนายกรัฐมนตรี เพราะได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองมากแล้ว