กาฬสินธุ์ - พบใบสั่งรัฐบาลหอกหักสั่งผู้ว่าฯทั่วประเทศบังคับ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ส่งชาวบ้าน อบต.ละ 5 คน ร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ อ้างถวายพ่อหลวง แฉหลอกลวงชาวบ้านใช้เป็นข้ออ้างสนับสนุนรัฐบาล พันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ส่งสัญญาณอันตรายรวมพลด่วน
วันนี้ (27 ส.ค.) เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า ความเคลื่อนไหวต่อท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศ ที่ทยอยเดินทางเข้ารวมพลในการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ ร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนสามารถเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลท่ามกลางสถานการณ์ ที่มีการปรับกระบวนการในการทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่าทีต่อกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ยังคงมีการทยอยเดินทางเข้าไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แรงเชียร์ต่อกระบวนการสนับสนุนเกิดจากความเชื่อมั่นในกลุ่มแกนนำ ที่มีแนวทางที่ชัดเจนเพื่อขับไล่ รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่หมดความชอบธรรม ที่ยังดื้อดึงต่อการขับไล่ของประชาชน
แหล่งข่าวแจ้งว่า การเดินสายเพื่อทำความเข้าใจต่อประชาชนในภาคอีสานยังคงเกิดขึ้นในทุกจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึง ตัวปัญหาที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมทุจริต จนทำให้ประเทศชาติล่มจ่ม แต่ในทางเดียวกัน กลุ่มลิ่วล้อ บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็ยังคงมีความพยายามในการสร้างข่าวเท็จต่อพี่น้องประชาชนพร้อมกับปลุกปั่นให้ประชาชนแย่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย
โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในขณะนี้หลังจากผลต่างในการต่อต้านระบอบ รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ บรรดาลิ่วล้อ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ถูก กลุ่มพันธมิตรฯต่อต้านการจัดสรรงบประมาณคนละ 60 ล้านบาท
ทั้งยังมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ได้มีการจัดสรรงบประมาณผ่าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ งบส.ส. คนละ 25 ล้านบาท แล้วอ้างให้ประชาชนเข้าไปร่วมกันทำประชานิยมเป็นกระบวนการสร้างความชอบธรรม
“วิธีการกระจายเงินให้ ท้องถิ่น จึงเป็นการดิ้นรนเพื่อที่จะฉีดยาเข็มสุดท้ายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงการเลือกตั้งดังนั้นประชาชนในพื้นที่ควรที่จะร่วมตรวจสอบงบประมาณที่กระจายเข้าไปตาม อบต.เพราะ ส.ส.มักจะเลือก พื้นที่ที่สามารถเข้าไปโกงภาษีของประชาชนได้ง่าย”
แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุอีกว่า การดิ้นรนของระบอบทักษิณ ยังคงพบเห็นจากภาพของ อดีต ส.ส.เก่าของ ไทยรักไทย ที่มีความพยายามในการสร้างอิทธิพล การคุกคามประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ที่มีการข่มขู่ไปต่างๆ นานา จึงจำเป็นที่ประชาชนทุกคนจะต้องร่วมมือกันเข้าไปต่อต้านระบอบ ทักษิณ ให้สิ้นซาก เนื่องจากในขณะนี้เชื่อว่า การเคลื่อนไหวกดดันจะทำให้สังคมไทย การปกครองของไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ จะยังคงมีการส่งคนเข้าไปสมทบกันอย่างต่อเนื่อง ทุกวันโดยเฉลี่ยจะเดินทางเข้า กรุงเทพฯ มากกว่าวันละ 500 คน
ด้านแหล่งข่าวในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีใบสั่งจากรัฐบาล โดยสั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ได้จัดส่งชาวบ้านเข้าไปร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ “พ่อหลวง” ในวันที่ 30 สิงหาคม 2551 ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีประชาชนเดินทางเข้าไปมากกว่า จังหวัดละ 1,000 คน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละจังหวัดจะมีมากกว่า 150 แห่ง ทั้งเทศบาล อบต.เทศบาลตำบล
“กรณีการเกณฑ์คนเข้าไปสมทบท่ามกลางสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มองได้ถึงกระบวนการสร้างสถานการณ์ เพื่อนำพาให้เกิดความรุนแรงในทุกกรณี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่การเกณฑ์ตัวแทนจาก ท้องถิ่นเข้าไปจะเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจับตาว่า การเคลื่อนพลเข้ากรุงด้วยการอ้างกิจกรรมนี้ จะเป็นการสร้างสถานการณ์ไปสู่กระบวนการสร้างความรุนแรงหรือไม่ ในเรื่องนี้จึงต้องการให้ กลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศได้เตรียมการรับมือ เป็นการด่วน”
วันนี้ (27 ส.ค.) เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า ความเคลื่อนไหวต่อท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศ ที่ทยอยเดินทางเข้ารวมพลในการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ ร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนสามารถเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลท่ามกลางสถานการณ์ ที่มีการปรับกระบวนการในการทำความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่าทีต่อกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ยังคงมีการทยอยเดินทางเข้าไปสมทบกับกลุ่มพันธมิตรกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แรงเชียร์ต่อกระบวนการสนับสนุนเกิดจากความเชื่อมั่นในกลุ่มแกนนำ ที่มีแนวทางที่ชัดเจนเพื่อขับไล่ รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่หมดความชอบธรรม ที่ยังดื้อดึงต่อการขับไล่ของประชาชน
แหล่งข่าวแจ้งว่า การเดินสายเพื่อทำความเข้าใจต่อประชาชนในภาคอีสานยังคงเกิดขึ้นในทุกจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึง ตัวปัญหาที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมทุจริต จนทำให้ประเทศชาติล่มจ่ม แต่ในทางเดียวกัน กลุ่มลิ่วล้อ บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็ยังคงมีความพยายามในการสร้างข่าวเท็จต่อพี่น้องประชาชนพร้อมกับปลุกปั่นให้ประชาชนแย่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย
โดยเฉพาะในกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งในขณะนี้หลังจากผลต่างในการต่อต้านระบอบ รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ บรรดาลิ่วล้อ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่ถูก กลุ่มพันธมิตรฯต่อต้านการจัดสรรงบประมาณคนละ 60 ล้านบาท
ทั้งยังมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ได้มีการจัดสรรงบประมาณผ่าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ งบส.ส. คนละ 25 ล้านบาท แล้วอ้างให้ประชาชนเข้าไปร่วมกันทำประชานิยมเป็นกระบวนการสร้างความชอบธรรม
“วิธีการกระจายเงินให้ ท้องถิ่น จึงเป็นการดิ้นรนเพื่อที่จะฉีดยาเข็มสุดท้ายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงการเลือกตั้งดังนั้นประชาชนในพื้นที่ควรที่จะร่วมตรวจสอบงบประมาณที่กระจายเข้าไปตาม อบต.เพราะ ส.ส.มักจะเลือก พื้นที่ที่สามารถเข้าไปโกงภาษีของประชาชนได้ง่าย”
แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุอีกว่า การดิ้นรนของระบอบทักษิณ ยังคงพบเห็นจากภาพของ อดีต ส.ส.เก่าของ ไทยรักไทย ที่มีความพยายามในการสร้างอิทธิพล การคุกคามประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ ที่มีการข่มขู่ไปต่างๆ นานา จึงจำเป็นที่ประชาชนทุกคนจะต้องร่วมมือกันเข้าไปต่อต้านระบอบ ทักษิณ ให้สิ้นซาก เนื่องจากในขณะนี้เชื่อว่า การเคลื่อนไหวกดดันจะทำให้สังคมไทย การปกครองของไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯกาฬสินธุ์ จะยังคงมีการส่งคนเข้าไปสมทบกันอย่างต่อเนื่อง ทุกวันโดยเฉลี่ยจะเดินทางเข้า กรุงเทพฯ มากกว่าวันละ 500 คน
ด้านแหล่งข่าวในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีใบสั่งจากรัฐบาล โดยสั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ได้จัดส่งชาวบ้านเข้าไปร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ “พ่อหลวง” ในวันที่ 30 สิงหาคม 2551 ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีประชาชนเดินทางเข้าไปมากกว่า จังหวัดละ 1,000 คน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละจังหวัดจะมีมากกว่า 150 แห่ง ทั้งเทศบาล อบต.เทศบาลตำบล
“กรณีการเกณฑ์คนเข้าไปสมทบท่ามกลางสถานการณ์ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มองได้ถึงกระบวนการสร้างสถานการณ์ เพื่อนำพาให้เกิดความรุนแรงในทุกกรณี ทั้งนี้ ส่วนใหญ่การเกณฑ์ตัวแทนจาก ท้องถิ่นเข้าไปจะเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจับตาว่า การเคลื่อนพลเข้ากรุงด้วยการอ้างกิจกรรมนี้ จะเป็นการสร้างสถานการณ์ไปสู่กระบวนการสร้างความรุนแรงหรือไม่ ในเรื่องนี้จึงต้องการให้ กลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศได้เตรียมการรับมือ เป็นการด่วน”