ศรีสะเกษ- ขนอาหารโต๊ะจีน 18 โต๊ะเตรียมต้อนรับ “นายกฯ หมัก” พร้อม “ผบ.ทบ.” ตรวจเยี่ยมทหารไทยบนเขาพระวิหารพรุ่งนี้เผย ไทย-กัมพูชา ปรับลดกำลังทหารในบริเวณวัดเหลือฝ่ายละ 10 นายแล้ว แต่ยังตรึงกำลังรอบเขาพระวิหารเท่าเดิม ขณะที่ สห.เขมร ยังคงอยู่ในวัดจำนวนมาก ด้านชาวกันทรลักษ์ หนุนเจรจา รมต.ต่างประเทศไทย-กัมพูชาประสบผลสำเร็จแต่ไทยต้องไม่เสียดินแดน จี้แก้ปัญหากัมพูชาขนชาวบ้านกลับมายึดชุมชนร้านค้าเชิงเขาพระวิหารอีกจำนวนมากเช่นเดิม
ช่วงบ่ายวันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า ได้มีการปรับลดกำลังทหารทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น ล่าสุด จนถึงขณะนี้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายบนเขาพระวิหารยังไม่ได้มีการปรับลดกำลังตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด แต่มีการลดกำลังทหารภายในวัดเขาพระวิหาร ที่ตั้งอยู่บริเวณโคปุระชั้นที่ 2 ด้านทิศตะวันตกของประสาทพระวิหารลงเหลือฝ่ายละประมาณ 10 นาย และมีสารวัตรทหารกัมพูชาเข้ามาดูแลความเรียบร้อยทั่วไปและดูแลพฤติกรรมทหารกัมพูชาอย่างเข้มงวด
โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยังคงตรึงกำลังรอบบริเวณเขาพระวิหารกันตามปกติ ไม่ได้มีความตึงเครียด เนื่องจากทหารทั้ง 2 ฝ่าย ตรึงกำลังกันมาเป็นเวลานานทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยเป็นมิตรต่อกันมากกว่าในช่วงแรกที่มาเผชิญหน้ากัน
พล.ต.กนก เนตระคะเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กล่าวว่า การปรับกำลังทหารไทยที่บริเวณเขาพระวิหารนั้นต้องรอคำสั่งจากหน่วยเหนือว่าจะให้มีการปรับกำลังทหารเมื่อไรและเท่าใด ซึ่งคาดว่าคงรอการเจรจาครั้งที่ 2 ระหว่าง นายเตซ บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย กับ นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาที่ อ.ชะอำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) นี้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะทราบผลว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะนี้ทหารไทยก็ได้มีการสับเปลี่ยนกำลังทหารเพื่อให้ทหารส่วนหนึ่งลงมาพักผ่อน และให้ทหารชุดใหม่ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่แทนหมุนเวียนกันไปตามปกติ ส่วนที่บริเวณวัดเขาพระวิหารนั้นมีกำลังทหารไทยและกัมพูชาลดลงเหลือเพียงฝ่ายละ 10 นาย เพื่อสำหรับประสานงานกันเท่านั้น เพื่อไม่ให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันมากเกินไป
ส่วนที่มีข่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมทหารไทยที่บริเวณเขาพระวิหารในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) นั้น ตนและคณะนายทหารทุกนายได้เตรียมการต้อนรับไว้พร้อมแล้ว พล.ต.กนก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทหารกัมพูชาและทหารไทยได้มีการปรับลดกำลังทหารออกจากบริเวณวัดกัมพูชาบนเขาพระวิหาร โดยเหลือทหารฝ่ายละประมาณ 10 นาย ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น.เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) แต่ทางฝ่ายกัมพูชาได้ส่งกำลังสารวัตรทหารหลายสิบนายพร้อมอาวุธปืนทันสมัยครบมือเข้ามาดูแลความเรียบร้อยค่อนข้างเข้มงวด
โดยทหารกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายกำลังทหารลงไปอยู่ที่บริเวณบ้านโกมุย ต.กันตร๊วจ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ซึ่งอยู่ห่างจากเขาพระวิหารประมาณ 3 กิโลเมตร (กม.) ขณะที่ทหารไทยได้เคลื่อนย้ายกำลังลงมาอยู่ที่บริเวณด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหารและอยู่ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ห่างจากบริเวณวัดเขาพระวิหารประมาณ 2 กม.และยังคงมีกำลังทหารกัมพูชาและทหารไทยส่วนหนึ่งตรึงกำลังอยู่รอบบริเวณเขาพระวิหารเป็นจำนวนมากเช่นเดิม
ทั้งนี้ คาดว่า การปรับกำลังทหารที่บริเวณวัดเขาพระวิหารในครั้งนี้ เพื่อสร้างบรรยากาศในการเตรียมการต้อนรับ นายสมัคร สุทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่จะเดินทางมาเยี่ยมทหารไทยบนเขาพระวิหาร รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในการเจรจาแก้ไขปัญหาเขาพระวิหารระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย-กัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่ง (18 ส.ค.) ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทหารไทยได้มีการสั่งอาหารโต๊ะจีน จำนวน 18 โต๊ะ ขึ้นไปที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเตรียมอาหารไว้ต้อนรับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะ ที่จะมาตรวจเยี่ยมทหารบนเขาพระวิหารไว้เรียบร้อยแล้ว
ทางด้าน นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า พวกเราอยากให้การเจรจากรณีพิพาทเขาพระวิหารระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยและกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) ประสบผลสำเร็จ แต่ไทยจะต้องไม่เสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด ซึ่งตนได้แต่คาดหวังว่ารัฐบาลไทย ที่นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเป็นรัฐบาลที่ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม จากการที่พวกเราได้ตรวจสอบล่าสุดพบว่า ขณะนี้ที่บริเวณชุมชนร้านค้าที่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นประสาทพระวิหาร นั้น ได้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาพากันอพยพเข้ามาอยู่อาศัยและเปิดร้านจำหน่ายสินค้ากันเช่นเดิมเป็นจำนวนมากแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้พากันอพยพออกไปจากการที่ทหารไทยเข้าไปตรึงกำลังบริเวณรอบเขาพระวิหาร ซึ่งลูกค้าที่มาหาซื้อสินค้าเป็นบรรดานักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่พากันมาเที่ยวชมปราสาทพระวิหารและทหารกัมพูชาที่ตรึงกำลังเผชิญหน้าอยู่กับทหารไทย
“ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าบริเวณรอบเขาพระวิหารพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน ฉะนั้นตามหลักที่ไทย-กัมพูชาตกลงกันไว้เมื่อปี 2543 คือต้องไม่ให้ทหารและประชาชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปอยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวอย่างเด็ดขาด แต่ฝ่ายกัมพูชากลับได้นำให้ชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่อาศัยตั้งร้านค้า จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง รัฐบาลไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน ก่อนที่ประเทศไทยจะเสียดินแดนเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้” นายสนอง กล่าว