ศรีสะเกษ - “กษิต” รมว.ต่างประเทศ บุกพิสูจน์เขตแดนไทย “เขาพระวิหาร” จ.ศรีสะเกษ พร้อมพบกับ รองผบ.สส.กัมพูชา และตรวจเยี่ยมทหารไทยท่ามกลางการคุ้มกันเข้มงวด ย้ำการแก้ไขปัญหาต้องใช้สันติวิธี-ด้วยเหตุและผล รวมทั้งความเข้าอกเข้าใจกันในข้อเท็จจริงของทั้ง 2 ฝ่าย หนุนเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารชี้เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวและเกิดสันติสุข เผย “กษิต” ฉุนถูกถามกรณีเขมรบุกสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรบริเวณเขาวิหาร
วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 ลำมาลงจอด ที่สนามหน้าโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นได้เดินทางโดยรถยนต์ขึ้นไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และเข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา จากคณะนายทหารกองทัพภาคที่ 2
โดยได้รายงานสถานการณ์ข้อเท็จจริงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศและคณะทราบว่า การเกิดความขัดแย้งจากกรณีพิพาทพื้นที่ทับซ้อนบริเวณใกล้เคียงกับปราสาทเขาพระวิหาร เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีการอ้างสิทธิและถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งตั้งแต่ ก.ค. 2551 เป็นต้นมาได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกำลังพลของทหารฝ่ายไทยกับกัมพูชา จำนวน 4 ครั้ง ทำให้เกิดความสูญเสีย ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ ได้เน้นใช้การเจรจาและมีการวางกำลังพลของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้มีการเจรจาแก้ไขปัญหาในระดับรัฐบาลของ 2 ประเทศ ส่วนกรณีการก่อสร้างอาคารขึ้นในบริเวณตลาดชุมชน และ วัดแก้วสิขาคีรีสวาระ นั้น ทางการไทยได้ทำการประท้วงต่อรัฐบาลกัมพูชา แล้วจำนวน 20 ครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543
ทางด้าน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวมอบนโยบายการปฏิบัติงานของหน่วยทหารในระดับพื้นที่ ว่า ขอให้มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื้อใจกันและเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งรัฐบาลขอให้ความมั่นใจในการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง
จากนั้น คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางขึ้นไปที่วัดแก้วสิขาคีรีสวาระ บริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร และได้หารือกับ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศกัมพูชา โดยนายกษิตกล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความปรารถนาและมีความมุ่งมั่นในอันที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ ตลอดจนความมั่งคั่งต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ
ส่วนปัญหาการกระทบกระทั่งกันตามพื้นที่ชายแดน ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีว่าหากมีเหตุเสียงปืนดังก็จะมีการสอบสวนร่วมกันก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แสดงว่ามีความต้องการและมุ่งมั่นในการที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติในพื้นที่
นายกษิตกล่าวกับ พล.อ.เจีย ดารา อีกว่า ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่หัวหิน-ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย จะได้เจรจากับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ซึ่งในระหว่างนี้รัฐบาลได้พยายามขับเคลื่อนกรอบการเจรจา ซึ่งจำเป็นต้องเสนอให้รัฐสภาได้พิจารณาเพื่อที่จะให้ระดับ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา สามารถมีการประชุมเจรจาเป็นครั้งที่ 4 ต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลไทยมีความตั้งใจอย่างมากที่จะให้มีการแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนในด้านต่างๆ
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะตรวจเยี่ยมสร้างขวัญทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่รอบบริเวณเขาพระวิหาร และได้เดินทางขึ้นไปที่ตัวปราสาทพระวิหาร เพื่อดูสภาพข้อเท็จจริงของเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร โดยมีกำลังทหารไทยคุ้มกันอย่างเข้มงวด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อต้องการมาเยี่ยมสร้างขวัญให้กำลังใจทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร พร้อมทั้งตรวจสอบแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร สำหรับการแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหารนี้ยังไม่ทราบว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้สิ้นสุดเมื่อใด เพราะว่ายังไม่ได้มีการเจรจากัน แต่ตนจะเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ถอนทหารทั้ง 2 ฝ่ายออกจากบริเวณเขาพระวิหารนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องมีการพูดคุยกันในการประชุมร่วม ซึ่งต้องมีการปรับกำลังกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทราบว่าขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
นายกษิตกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่มีการเรียกร้องให้เปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตแดนไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถจะทำการได้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งโอกาสก็เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งไทย-กัมพูชา ที่จะมีจิตใจที่ดีต่อกัน
หากเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร หรือเปิดเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหารได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเกิดสันติสุขของทั้ง 2 ฝ่าย และจะเกิดความเป็นปึกแผ่นในอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในหลายๆ ด้านและเป็นสิ่งดีทั้งนั้น ก็ต้องเร่งร่วมกันทั้ง 2 ประเทศในการแก้ปัญหาเขาพระวิหารด้วยเหตุและผล และที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความเข้าอกเข้าใจกันในข้อเท็จจริงและในสังคมไทยก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย
ส่วนการที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรที่บริเวณใกล้กับแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารนั้น นายกษิตกล่าวว่า “ก็ไม่เป็นไร เราก็จะเข้าไปดูกัน อย่าถามคำถามอะไรที่รู้ๆ กันอยู่”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาตรวจเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่เขาพระวิหารในครั้งนี้ ของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ นายทหารกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งห้ามสื่อมวลชนท้องถิ่นใน จ.ศรีสะเกษ ทุกแขนงจำนวนมากที่มาทำข่าวไม่ให้ติดตามคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ขึ้นไปทำข่าวบริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ เขาพระวิหาร รวมทั้งทุกจุดอื่นๆ ที่คณะของนายกษิตเดินทางไป ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุผลของการสั่งห้ามแต่อย่างใด โดยได้อนุญาตให้ขึ้นไปทำข่าวได้เฉพาะสื่อมวลชนส่วนกลางที่ติดตามมากับคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น