ศรีสะเกษ - “หมัก” พร้อม “บิ๊กป๊อก” ผบ.ทบ.เยี่ยมทหารไทยบนเขาพระวิหาร ย้ำให้ทหารไทยช่วยกันรักษาสัมพันธไมตรี ไทย-กัมพูชาอย่าไปฟังคำยุยงให้เกิดความแตกแยก ลงมือควงตะหลิวทำข้าวหน้าไก่เลี้ยงทหารทุกนาย ระบุ เบี้ยเลี้ยงทหารไทยน้อยกว่านักโทษในเรือนจำ ก่อนหยอดคำหวานเตรียมเรียกส่วนราชการเกี่ยวข้องแก้ระเบียบปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เผย ไทย-กัมพูชา ปรับลดกำลังในวัดเขาพระวิหารเหลือฝ่ายละ 10 นาย ส่วนรอบวัดฝ่ายละ 20 นาย และบริเวณรอบนอกทหารกัมพูชา 500 นาย ส่วนไทยเหลือแค่ 300 นาย
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.50 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์กนำคณะ ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จำนวน 3 ลำ เดินทางมาถึงบริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
โดยมี นายไมตรี อินทุสุต รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.อ.ชยันต์ หวยสูงเนิน รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (รอง ผบ.กกล.สุรนารี) นำคณะข้าราชการทหาร ตำรวจ ครู นักเรียนให้การต้อนรับ ซึ่งนายสมัครได้ทักทายพบปะกับคณะที่มาต้อนรับอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
จากนั้น ได้เดินทางโดยรถยนต์ ขึ้นไปที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดกับเขาพระวิหาร โดยมี พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.กนก เนตระเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี และคณะนายทหารให้การต้อนรับ
คณะของนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปภายในห้องประชุมศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป สถานการณ์ปัญหาเขาพระวิหารล่าสุดจากคณะนายทหารระดับสูงกองทัพภาคที่ 2 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าไปแต่อย่างใด ขณะที่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้มีกำลังทหารไทย 120 นาย พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือมารอต้อนรับและรอรับฟังการให้โอวาทจากนายกรัฐมนตรี
หลังจากที่รับฟังการบรรยายสรุปนานประมาณ 30 นาที คณะของนายสมัคร ได้ออกมาพบปะกับทหารทุกนายและให้โอวาทแก่ทหาร โดยสรุปว่า ขอให้ทหารทุกนายช่วยกันรักษาสัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างไทย-กัมพูชา เอาไว้ด้วย เนื่องจากไทยและกัมพูชาต่างอยู่ในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน หากใช้กำลังทหารที่บริเวณเขาพระวิหารก็สามารถทำได้แต่จะเป็นการทำลายความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
“หากมีใครมายุยงเพื่อให้เกิดความแตกแยก ก็ขอให้ทหารทุกนายอย่าไปยึดถือ ขอให้ทหารไทยทุกนายทำตามหน้าที่ของตนเองไป ส่วนผมก็จะทำหน้าที่ในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยให้ดีที่สุด”นายสมัคร กล่าว
ต่อมา นายสมัครและคณะเดินทางไปที่บริเวณด้านหลัง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งได้มีการกางเต็นท์ไว้จำนวน 5 หลัง ติดกับหน้าผามออีแดง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาโปรยปรายและมีหมอกลงค่อนข้างหนา กระจายทั่วบริเวณผามออีแดง โดยนายสมัคร ได้ลงมือปรุงอาหารทำข้าวหน้าไก่ ให้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหารและสื่อมวลชนทุกแขนงได้รับประทาน
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การที่ตนมาในครั้งนี้ก็เนี่องจากมีหมายที่จะต้องไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารที่ จ.อุบลราชธานี อยู่แล้ว ดังนั้น จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนเวลาเที่ยวบินจากการเดินทางโดยเครื่องบินมาเป็นการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แทน เพื่อที่จะแวะเยี่ยมทหารไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหาร และที่ ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ด้วย
โดยได้แวะลงเยี่ยมทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ พร้อมทั้งรับฟังการรายงานสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้ปัญหาทุกอย่างหน่วยทหารในพื้นที่สามารถเจรจากันได้แล้ว โดยได้มีการปรับกำลังทหารไทยเหลือเพียง 10 นาย ส่วนทหารกัมพูชาเหลือ 20 นาย เท่านั้น
ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารแห่งนี้ ซึ่งได้มาเห็นและรับทราบปัญหาต่างๆ หลายประการด้วยกัน พร้อมทั้งทำข้าวหน้าไก่ให้ทหารไทยทุกนายได้กินด้วย ซึ่งโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะมาทำอาหารให้ทหารไทยกินนั้นมีไม่บ่อยนัก แต่เพื่อขวัญกำลังใจของทหารตนจึงมาทำข้าวหน้าไก่ให้ทหารไทยรวมทั้งสื่อมวลชนได้กินด้วย ซึ่งรสชาติข้าวหน้าไก่ที่นี่จะอร่อยเป็นพิเศษ เพราะทำอยู่บนอุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร
นายสมัคร กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ เกี่ยวกับเบี้ยเลี้ยงทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารและเขตพื้นที่ต่างๆ โดยขณะนี้ทหารไทยได้เบี้ยเเลี้ยงเพียงวันละ 21 บาท ขณะที่นักโทษอยู่ในเรือนจำได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 45 บาทซึ่งต่างกันมาก แต่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจะปรับอัตราเบี้ยเลี้ยงใหม่ขณะนี้เลยก็คงจะทำไม่ได้ เพราะเป็นระเบียบของทางทหาร ซึ่งตนจะเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาช่วยเหลือทหารไทย
ในกรณีทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหารอาจมีการปรับเป็นเบี้ยเลี้ยงพิเศษ ส่วนจำนวนเท่าไรนั้นต้องมีการประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อนจึงจะแจ้งให้ทราบได้ ตนอยากให้ทหารไทยทุกนายมีเงินเบี้ยเลี้ยงเหลือกลับเอาไปบ้านให้ลูกเมียไว้ใช้ได้ จะช่วยให้ลูกเมียของทหารไม่เดือดร้อนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ทหารทุกคน
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ในส่วนกำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารขณะนี้นั้น ได้มีการปรับกำลังทหารที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสุขสวายบนเขาพระวิหารลงแล้ว โดยเหลือทหารไทยและทหารกัมพูชาเพียงฝ่ายละ 10 คนเท่านั้น และรอบบริเวณวัดเหลือทหารทั้ง 2 ฝ่ายเพียงฝ่ายละ 20 นาย ส่วนบริเวณรอบนอกเหลือทหารกัมพูชา 500 นาย ทหารไทย 300 นาย ทั้งนี้เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศการแก้ไขปัญหาที่บริเวณเขาพระวิหาร และขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงใช้คำว่าปรับกำลังทหารเท่านั้น ไม่ควรใช้คำว่าถอนกำลังทหารอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ใช่การถอนกำลังทหารแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับกำลัง
“ในเร็วๆ นี้ คาดว่า สถานการณ์ที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และ ที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ เหตุการณ์ต่างๆ คงจะเข้าสู่ภาวะปกติและเกิดประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยวทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาอย่างแน่นอน” นายสมัคร กล่าวในตอนท้าย
ทางด้าน จ.ส.อ.จงรัก แทนหอม ทหารพรานนายหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารและได้มีโอกาสกินข้าวหน้าไก่ฝีมือของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเคยกินข้าวหน้าไก่มาหลายแห่งแล้ว แต่ปรากฏว่า ฝีมือการทำหน้าไก่ของ นายกฯ สมัคร อร่อยมากกว่าทุกแห่งที่เคยกินมา นับว่าเป็นความโชคดีของทหารไทยที่มีโอกาสได้กินข้าวหน้าไก่ฝีมือของนายกรัฐมนตรี ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารดีมากยิ่งขึ้น และทหารทุกนายพร้อมจะปกป้องอธิปไตย ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่ต่อไป