xs
xsm
sm
md
lg

ศรีสะเกษยื่น “หมัก” ค้าน “เขาพระวิหาร” เป็นมรดกโลก-ขู่ชุมนุมใหญ่ทวงคืนแผ่นดินไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะตัวแทนชาวศรีสะเกษ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯ  ผ่านผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ คัดค้านขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจนกว่าจะแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยได้ วันนี้ (17 มิ.ย.)
ศรีสะเกษ-ชาวศรีสะเกษบุกยื่นร้องนายกฯ “หมัก” ผ่านผู้ว่าฯต้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ย้ำรัฐบาลไทยต้องผลักดันชาวกัมพูชาตั้งชุมนุมรุกล้ำเขตแดนไทยออกจากเชิงเขาพระวิหารก่อนให้ความร่วมมือดันขึ้นทะเบียนมรดกโลก ลั่นหาก “หุ่นเชิด” เมินเฉยระดมชาวศรีสะเกษชุมนุมใหญ่ทวงคืนแผ่นดินไทยถึงที่สุด พร้อมค้านครม.ไทยรับรองแผนที่ใหม่เขาพระวิหารสร้างความชอบธรรมให้กัมพูชา ถามจี้ใจดำใครคือ “ไอ้โม่ง” รับประโยชน์จากที่รัฐบาล 2 ประเทศเร่งเจรจาเขาพระวิหารและน้ำมันในเขตทับซ้อนอ่าวไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายเทอดสิทธิ์ อุตส่าห์ ประธานคณะทำงานดำเนินการทวงคืนเขาพระวิหาร กรณีชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหาร พร้อมด้วยคณะทำงาน ประกอบด้วยนายวิทยา วิรารัตน์ ประธานหอการค้าเขต 14 และกรรมการหอการค้าไทย, นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) , นายอรุณศักดิ์ โอชารส, นายอุดม บัวเกษ ได้เป็นตัวแทนของประชาชนชาวศรีสะเกษ นำหนังสือคัดค้านการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเข้ายื่นผ่านนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

นายเทอดสิทธิ์ กล่าวว่า ตนและชาวศรีสะเกษทุกคนขอคัดค้านการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เนื่องจากยังมีเหตุกรณีชาวกัมพูชาประมาณ 500 คน บุกรุกเข้ามาตั้งชุมชนสร้างบ้านเรือน ร้านค้าและวัด ในเขตแดนไทยในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทย แก้ปัญหาผลักดันให้ชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหารดังกล่าวที่ยืดเยื้อมาหลายปีให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะให้ความร่วมมือประเทศกัมพูชาในการผลักดันเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยควรเร่งดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด เพราะพวกเราประชาชนไม่อยากให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและเสียอธิปไตยที่บริเวณเขาพระวิหารเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งหากทางรัฐบาลยังคงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาออกไป พวกเราจะเคลื่อนไหวนัดชุมนุมใหญ่ทั้ง จ.ศรีสะเกษ เพื่อทวงคืนแผ่นดินเขาพระวิหารจากชาวกัมพูชาอย่างถึงที่สุดต่อไป

นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนจะส่งหนังสือขอเรียกร้องฉบับนี้ไปยัง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางจังหวัดฯ ได้พยายามประสานงานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างไทยกับกัมพูชา

ด้านนายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า กรณีที่ฝ่ายประเทศกัมพูชา ได้เสนอแผนที่ฉบับใหม่บริเวณเขาพระวิหารให้ฝ่ายไทยรับรองและรัฐบาลไทยนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณามีมติรับรองในวันนี้ (17) นั้นเป็นเรื่องที่ชาวกันทรลักษ์ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะชาวศรีสะเกษและชาวไทยทุกคนเห็นว่าตราบใดที่ยังไม่มีการผลักดันชุมชนชาวกัมพูชาออกไปจากบริเวณเชิงเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเขตแดนไทยแล้ว รัฐบาลไทยก็ไม่ควรที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชาในการรับรองแผนที่ฉบับใหม่ดังกล่าวเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเสนอปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างเด็ดขาด

ขณะนี้ประชาชนชาวศรีสะเกษมีความสงสัยว่า เพราะเหตุใดในเมื่อประเทศกัมพูชามีอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารมานานกว่า 46 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะเสนอปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแลย แต่กลับเพิ่งมีความต้องการในช่วงที่มีการค้นพบแก๊สธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยในทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงทำให้ประชาชนชาวไทยทุกคนรู้สึกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้มีอำนาจในรัฐบาลไทยหรือผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาหรือไม่อย่างไร

"พวกเราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารทั้งหมดเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องปราสาทพระวิหารให้ชาวไทยได้รับทราบ และขอถามรัฐบาลไทยว่า เพราะเหตุใดส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยจึงยอมให้ชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างบ้านเรือน ร้านค้าและวัดในเขตแดนไทยมานานร่วม 10 ปี โดยที่ไม่มีการผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยแต่อย่างใด อีกทั้งสังกะสี และปูนซีเมนต์ที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านเรือนของชาวกัมพูชาดังกล่าวก็ได้เข้ามาจากฝั่งประเทศไทย ส่วนราชการใดอำนวยความสะดวกให้ชาวกัมพูชา จึงสามารถนำเข้ามาใช้ในการก่อสร้างบ้านเรือน ร้านค้าและวัดรุกล้ำเขตแดนไทยดังกล่าวได้เช่นนี้” นายสนอง กล่าว

นายสนอง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการให้ข้อมูลแก่ประชาชนของส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร คือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23, อำเภอกันทรลักษ์และ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ไม่ตรงกันเหมือนพูดกันคนละภาษา ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนชาวศรีสะเกษเป็นอย่างยิ่ง

“อยากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ให้ข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจกรณีปัญหาเขาพระวิหาร ให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบอย่างแท้จริง และที่สำคัญอยากให้นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทราบว่าเป็นชาว อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ โดยกำเนิด ได้เลิกทำตัวเป็นทนายความของกัมพูชาเหมือนกับที่เคยเป็นทนายความแก้ต่างความผิดให้กับอดีตนายกฯ ทักษิณ เสียที แล้วหันมาถือเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด” นายสนอง กล่าว

สนอง ห้วยจันทร์ ปธ.ประชาคมอำเภอกันทรลักษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น