"นพดล" อ้างหน้าตาเฉยต้องยอมรับคำตัดสินศาลโลกยกปราสาทเขาพระวิหารให้เขมรหน้าตาเฉยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะเราอยู่ในเวทีโลก ยืนยันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารของกัมพูชาว่า การคืนตัวปราสาทพระวิหารคืนให้กับประเทศกัมพูชา เราต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลโลก เมื่อปี พ.ศ.2505 และมีการลากเส้นเขตแดนกันใหม่ ตามแผนที่ L 7017 ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี สมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตี และเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่ประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ มีความเป็นห่วงว่าเราจะสูญเสียดินแดน นั้น คงต้องไปชี้แจงให้ชาวศรีสะเกษเข้าใจว่าเป็นไปตามกฎหมาย หากมีอะไรที่กัมพูชาดำเนินการไม่ตรงตามคำวินิจฉัยของศาลโลก หรือไม่มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ตนก็จะให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบดูอีกครั้ง
นายนพดล กล่าวว่า เราต้องทำตามเพราะเราเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ เราต้องปฏิบัติตามพันธะกรณีระหว่างประเทศ เวลาที่ไม่เปิดเผยข้อมูลก็กล่าวหาว่าหมกเม็ด ปิดบังซ่อนเร้น พอเปิดเผยมีคนบอกว่าเป็นห่วงในเรื่องที่เปิดเผย แต่ผมขอเรียนว่าการเปิดเผยแผนที่นั้น รัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทำทุกอย่างตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน กระทรวงการต่างประเทศได้ปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ดินแดนแม้แต่ตารางมิลลิเมตรเดียวก็ไม่ได้เสียให้กับกัมพูชา เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของกระทรวงการต่างประเทศ
นายนพดล กล่าวต่อว่า แผนที่ซึ่งทางประเทศกัมพูชา ทำออกมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียดินแดนเป็นเรื่องของการกำหนดขอบเขตของตัวปราสาทที่จะขึ้นทะเบียน หากกระทรวงการต่างประเทศไม่ทำอะไรเลยพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เราอาจจะสูญเสียไปได้ นอกจากนี้การปฏิบัติหน้าที่ของตนนั้น ไม่ได้ทำเพียงลำพัง แต่มีกรมสนธิสัญญาและกฏหมาย และกรมแผนที่ทหารได้ดูแลเรื่องนี้ด้วย และทางกรมแผนที่ทหาร หรือที่กองบัญชาการกองทัพไทยจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนว่า เราไม่ไดมีการสูญเสียดินแดน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกลุ่มนักวิชาการและกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศโดยจะยื่นรายชื่อคัดค้านแก่องค์การสหประชาชาติ นายนพดล ตอบว่า ใครจะทำอะไรก็ได้ก็เป็นสิทธิที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่นักวิชาการหรือนักกฎหมายทั้งหลายก็ต้องจำนนต่อข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงคือนายของเรา และตนก็มีหน้าที่จะตอบประชาชนเพราะประชาชนเป็นนายของตน และตนชอบการพิสูจน์ความจริง
"ผมคงไม่เอาอนาคตทางการเมืองมาสุ่มเสี่ยงกับเรื่องนี้ หากว่ามีการรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียวผมจะลาออกจากตำแหน่งทันทีในวินาทีนั้น แต่ถ้าตนพิสูจน์ได้ว่าปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ผู้ที่กล่าวหาตนจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นายนพดล ยังกล่าวอีกว่า ตนกำลังจะเปิดเว็บไซด์ www.thaitruth.infoซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขอจดโดเมนอยู่ โดยตนจะนำเอาข้อมูลทุกเรื่องในสังคมไทยมาเปรียบเทียบว่าอะไรเป็นความจริงอะไรเป็นนิยาย เช่น กรณีที่ น.ส.พ.ฉบับหนึ่งออกข่าวว่าไทยสูญเสียดินแดนในกรณีเขาพระวิหารนั้น ตนรู้สึกว่าสังคมไทยเราน่าเป็นห่วงที่เราใช้แต่อารมณ์และความรู้สึกเราไม่พูดความจริงและใช้สติปัญญาเพราะอีกหน่อยคนดีคงจะไม่เข้ามาทำงานการเมืองเนื่องจากไม่มีใครอยากถูกด่าโดยไม่จำเป็น เมื่อวานนี้มีคนมาด่าตนว่าเจอนพดลที่ไหนกระทืบเลยทำนองนี้ก็ลองมากระทืบผมซิ ผมจะกระทืบให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามเรื่องเขาพระวิหารนั้นนายนพดลพูดแซวว่าไม่เอาเรื่องเขายายเที่ยงเหรอ สร้างความครื้นเครงกันพอสมควร