“นพดล” เลียบแบบ “เหลิม กำมะลอ” อวดภูมิปัญญาด้าน กม.อีกราย ยันขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ตะแบงอ้างถือแผนที่คนละฉบับที่มาของปัญหาพื้นที่ทับซ้อน
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำแผนที่ที่ประเทศกัมพูชาใช้ประกอบการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เมื่อปี 2549 และแผนที่แนบร่างคำแถลงการณ์ร่วมเปรียบเทียบกับเส้นเขตแดนที่ไทยยึดถือ มาชี้แจงถึงกรณีที่ไทยยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร หลังจากมีนักวิชาการสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศ ปิดกั้นข้อมูลพื้นที่ทับซ้อน แม้จะไม่เสียดินแดน แต่ทำให้หลักปักปันเขตแดนไทยเลือนลง และเป็นการยอมรับอธิปไตยกัมพูชา รวมทั้งปล่อยปละละเลยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาก่อสร้างบ้าน ตลาด วัด ในพื้นที่ไทย
ทั้งนี้ นายนพดล ยืนยันอีกครั้งว่า การให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ไม่ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ดังนั้น เรื่องทั้งหมดที่นำมากล่าวอ้างไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์โดยขาดความรู้ทางกฎหมาย เพราะแผนที่ฉบับใหม่เป็นการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ไทยไม่ได้ยอมรับเส้นเขตแดนใหม่ที่กัมพูชาจัดทำขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีการเสียดินแดน ส่วนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ไทยและกัมพูชาจะต้องหารือจัดทำแผนบริหารจัดการร่วมกัน เสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกให้พิจารณาปี 2553
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงฯ ไม่ได้ปกปิด หรือบิดเบือนข้อมูลของพื้นที่ทับซ้อน แต่พื้นที่ดังกล่าวเกิดจากการถือแผนที่ที่ไม่ตรงกัน โดยกัมพูชาได้ใช้เส้นเขตแดนตามแผนที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม ฝรั่งเศส อินโดจีน ขณะที่ไทยยึดมั่นสันปันน้ำเป็นหลัก
นายนพดล กล่าวอีกว่า ในพื้นที่ทับซ้อนได้มีการทำหนังสือท้วงไปยังประเทศกัมพูชาถึง 3 ครั้งว่า จะไม่ยอมให้มีผู้ใดเข้ามาบุกรุกและตั้งรกรากในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด และยืนยันว่าการยินยอมให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เป็นการลงนามในแถลงการณ์ร่วม ไม่ใช่สนธิสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น จึงไม่มีผลต่อสิทธิหรือหน้าที่ และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190(2)
“ขอเรียกร้องให้นักวิชาการสถาบันไทยคดีศึกษาจำนวนหนึ่ง ที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนมาวิพากษ์วิจารณ์กระทรวงการต่างประเทศให้เกิดความเสียหาย เพราะจะทำให้เสื่อมเสียถึงชื่อเสียงมหาวิทยาลัยที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ผมและกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมที่จะไปชี้แจงตลอดเวลา หากมีข้อสังสัย
เพลงต้องห้ามในยุค 2505 แต่งและร้องโดย คำรณ สัมบุญณานนท์ถูกรัฐบาล สั่งห้ามเปิดออกอากาศ ณ ช่วงเวลานั้น