ศรีสะเกษ - ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ วอนรัฐบาลอย่าปิดกั้น ปชช.ปกป้องรักษาแผ่นดินกรณีกัมพูชารุกล้ำตั้งชุมนุมสร้างบ้านพัก ร้านค้าและวัดบนพื้นที่ทับซ้อนเชิงเขาพระวิหารฝั่งประเทศไทย จวก “นพดล” รมว.ต่างประเทศทนายหน้าหอ “แม้ว” ทำตัวเป็นทนายกัมพูชา ขณะที่คณะทำงานทวงคืนเชิงเขาพระวิหารยื่นผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ย้ำต้านขึ้นทะเบียนมรดกโลกจนกว่ารัฐบาล “หุ่นเชิด” จะผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ปัญหา
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ปัญหากรณีทชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างบ้านพัก ร้านค้า และวัด ตั้งเป็นชุมชนอาศัยอยู่ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารกว่า 500 คน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยอย่างชัดเจน แต่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ออกมาบอกว่าชาวศรีสะเกษไม่ควรที่จะรักชาติจนกลายเป็นการคลั่งชาตินั้น
ตนในฐานะประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษเห็นว่าเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้องที่จะห้ามไม่ให้ชาวศรีสะเกษได้แสดงความคิดเห็นและกระทำการเพื่อเป็นการปกป้องรักษาแผ่นดินไทยไม่ให้ตกไปเป็นของต่างชาติ ซึ่งคำพูดของรัฐมนตรีท่านนี้ถือเป็นตะกอนที่ตกอยู่ในใจของชาวศรีสะเกษและชาวไทยทุกคน
จึงขอวอนฝากไปถึงรัฐบาลว่า ปัญหาการรุกล้ำอธิปไตยไทยกรณีเขาพระวิหารนี้ไม่ควรที่จะปิดหูปิดตาและปิดปากประชาชนชาวศรีสะเกษ และชาวไทยทั่วประเทศไม่ให้แสดงความรักชาติออกมา เพราะความรักชาติไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่รัฐมนตรีบางคน ซึ่งขณะนี้พยายามทำตัวเสมือนเป็นทนายความของประเทศกัมพูชา
ด้าน นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) ในฐานะเลขานุการคณะทำงานดำเนินงานทวงคืนกรณีกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหาร กล่าวว่า จากการเสวนา “ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก จ.ศรีสะเกษ ได้อะไร” ในโอกาสครบรอบ 46 ปี ที่ไทยเสียอธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) ที่ จ.ศรีสะเกษ ได้มีมติร่วมกันว่าให้ดำเนินการสรุปมติของการเสวนาเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษนั้น
ในช่วงบ่ายวันนี้ (16 มิ.ย.) ตนพร้อมด้วยคณะแกนนำองค์กรเครือข่ายทุกองค์กรของจ.ศรีสะเกษ ได้นำหนังสือคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ของกัมพูชา และ ขอให้รัฐบาลไทยผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ทับซ้อนที่รุกล้ำเขตแดนไทยบริเวณเชิงเขาพระวิหาร เข้ายื่นต่อ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการรจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนต่อไป
“หากมีการผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากบริเวณเชิงเขาพระวิหารที่รุกล้ำเขตแดนไทยดังกล่าวแล้วเท่านั้น ชาว จ.ศรีสะเกษ ถึงจะยินยอมให้มีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยปราศจากการเคลื่อนไหวต่อต้านคัดค้าน” นายทิวา กล่าวย้ำในตอนท้าย