หญิงที่แต่งงานแล้วในแปดริ้วขอกลับมาเป็นนางสาวใหม่คึกคัก

ฉะเชิงเทรา - มีหญิงที่แต่งงานแล้วอยากกลับมาเป็นนางสาวใหม่เพียบ ที่แปดริ้วเพียงวันแรก มีเข้ามาขอเปลี่ยนคำนำหน้านามมากถึง 9 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยสาวแก่ อายุเกินกว่า 40 ปี ฝ่ายชายต่างเผยถึงความรู้สึกในความขัดแย้งต่อความเป็นจริงที่รู้สึกได้ ด้านเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับงานเพิ่ม จากความวุ่นวายของการเปลี่ยนคำนำหน้านามใหม่

วันนี้ (4 มิ.ย.) บรรยากาศการเข้ามาขอเปลี่ยนคำนำหน้านาม ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย วันแรกที่จังหวัดฉะเชิงเทรามีผู้ประสงค์เข้ามาขอเปลี่ยนคำนำหน้านามมากถึง 9 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวแก่ วัยกลางคน และมีบางส่วนเป็นหญิงที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสได้ไม่นาน

นางชุติญา สุนทรโภคิน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 ม.3 ต.หนามแดง อ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ พ.ร.บ.ฉบับใหม่ให้โอกาสเรา ให้ได้ใช้นางสาวใหม่อีกครั้ง เพราะจะนำไปใช้ทำงานอย่างอื่นได้ และจะทำให้เกิดความสะดวกสบายในการติดต่องานมากขึ้น

ขณะที่ นายศิริ โตสวัสดิ์ อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 77 ม.1 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความรู้สึกต่อ พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ ว่า ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง และสร้างความวุ่นวายติดตามมาต่อไปในอนาคต รวมทั้งหากเกิดปัญหาทางกฎหมาย หรือต้องการติดต่อทางราชการจะได้ไม่มีเรื่องยืดเยื้อสับสน

ด้าน นางสุรีย์ โตสวัสดิ์ อายุ 29 ปี กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว ขัดกับความเป็นจริง เหมือนเป็นการหลอกตัวเอง หลอกลวงคนอื่น เพราะเรามีสามีแล้วต้องยอมรับความจริง ยอมรับตัวเองว่าต้องใช้คำนำหน้านามตัวเองว่าเป็นนางแล้ว ตนจึงเห็นว่าควรให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ใช้คำนำหน้านามเป็น นาง ต่อไปจะดีกว่า

ส่วน น.ส.สนิสา บุญฉิม เจ้าหน้าที่งานทะเบียนครอบครัวสำนักทะเบียนราษฎร ที่ว่าการอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ในส่วนตัวนั้นไม่ขอออกความเห็น แต่เป็นการทำให้เกิดภาระหน้าที่ ต่องานทะเบียนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในวันต่อไปอาจจะมีผู้เข้ามาขอเปลี่ยนคำนำหน้านามมากกว่านี้อีก เพราะที่ผ่านมามีผู้เคยมาติดต่อสอบถามต้องการ ขอเปลี่ยนใช้คำนำหน้านามเป็นนางสาวจำนวนมากแต่ในวันแรกนี้ อาจจะยังเกิดความกระดากเขินอายอยู่ จึงไม่กล้ามาแต่ในโอกาสต่อไปคาดว่าจะมีเข้ามาขอเปลี่ยนคำนำหน้านามมากขึ้น