คน กทม.แห่มาใช้สิทธิตามกฎหมายเปลี่ยนนางเป็นนางสาว วันแรกถึง 391 ราย เขตดอนเมือง ครองแชมป์มากสุด 25 ราย ขณะหญิงที่มาใช้สิทธิส่วนใหญ่เป็นหม้ายจากการหย่า แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่จดทะเบียนและยังคงใช้นางสาว เหมือนเดิม เผยยังไม่มีดารา-ไฮโซ ดังมาใช้สิทธิ แต่มีผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตของ กทม.1 ราย ใช้สิทธิดังกล่าวแล้ว ด้าน ผอ.เขตห้วยขวาง เผย อยากเปลี่ยนเป็นนางสาว แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วย เตรียมเจรจาใหม่อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามจากฝ่ายทะเบียนทั้ง 50 สำนักงานเขตในการเปลี่ยนคำนำหน้านามจากนาง เป็น นางสาว หรือการคงสถานภาพเป็นนางสาว ถึงแม้จะจดทะเบียนสมรสไปแล้วก็ตาม หลังจากที่พระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (4 มิ.ย.) เป็นต้นไป โดยพบว่ามีหญิงไทยให้ความสนใจเดินทางมาใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้าจนกระทั่งถึงเวลาปิดทำการ โดยมีหญิงไทยมาใช้สิทธิทั้งหมด 391 ราย โดยเขตที่มีมามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เขตดอนเมือง 25 ราย 2.เขตบางซื่อ 18 ราย 3.เขตสายไหม 15 ราย 4.เขตสาทร 15 ราย และ 5.เขตจตุจักร 15 ราย โดยเขตดอนเมือง มีหญิงหม้ายจากการหย่าเดินทางมาเปลี่ยนเป็นนางสาวถึง 20 ราย ขณะเดียวกัน หญิงที่จดทะเบียนสมรสไปแล้วก็ให้ความสนใจมาขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนเป็นนางสาวถึง 5 รายด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุระหว่าง 35-45 ปี นอกจากนี้ ยังมีบางเขตที่ไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนคำนำหน้านามหญิงได้ เนื่องจากระบบออนไลน์ขัดข้อง ได้แก่ เขตลาดพร้าว และเขตบางกอกใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทั้งนี้ จากการสอบถามไม่พบว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือบุคคลสำคัญหรือแม้แต่สาวในแวดวงไฮโซมาเปลี่ยนคำนำหน้านามแต่อย่างใด มีเพียงผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตรายหนึ่งเดินทางไปเปลี่ยนที่เขตภาษีเจริญ แต่ไม่สามารถเปิดเผยนามได้ เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ผู้ที่ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนคำนำหน้านามจะเป็นหญิงหม้ายกว่า 70% อีก 20% จดทะเบียนสมรสอยู่แล้วมาขอเปลี่ยนเป็นนางสาว ส่วนที่เหลือ 10% เป็นผู้ที่จดทะเบียนสมรสวันนี้และประสงค์ที่จะใช้นาวสาวและนามสกุลเดิม ซึ่งสาเหตุที่ขอใช้นางสาวและนามสกุลเดิมมาจากง่ายต่อการธุรกรรมและไม่ต้องขอเปลี่ยนแปลงเอกสารต่างๆ และโดยอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป
ขณะที่นางภาวณี อามาตย์ทัศน์ ผอ.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า ตนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนคำนำหน้านามมาเป็นนางสาวมานานแล้ว แต่เมื่อจะไปเปลี่ยนวันนี้กลับได้รับการทัดทานจากสามีและลูกๆ ตนจึงต้องทบทวนการตัดสินใจใหม่ ทั้งนี้ คาดว่า จะใช้เวลาพูดคุยกับทางครอบครัวสักระยะ และหากเห็นด้วยตนจะไปเปลี่ยนแน่นอน