พะเยา – ประมงเข้มห้ามหาปลาในฤดูวางไข่ ขณะที่ชาวประมงยอมเลี่ยงพื้นที่ห้ามเข้า แต่ยังออกเรือหาปลาตามปกติแม้รายได้ลดฮวบ
นายประโยชน์ บุญประเสริฐ ประมงจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกประกาศกระทรวงฯ กำหนดฤดูปลาวางไข่และกำหนดชนิด ขนาด และวิธีใช้เครื่องมือทำการประมง เพื่อสงวนพันธุ์สัตว์น้ำและวางไข่ เลี้ยงลูก ไม่ให้ถูกทำลายเกินสมควร ซึ่งมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 กันยายนของทุกปี
โดยในช่วงเวลาดังกล่าวห้ามชาวประมงหรือประชาชนทั่วไปไม่ให้มีการทำการประมงด้วยเครื่องมือประมงด้วยวิธีใดๆ ในการจับสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำในท้องที่ทุกจังหวัดโดยเด็ดขาด ซึ่งชาวประมงสามารถใช้เครื่องมือหาปลาประเภทที่ไม่ทำร้ายปลาที่กำลังไข่และวางไข่ด้วยอุปกรณ์หาปลาต่างๆ เช่น เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว หรือ ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และ ชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร หรือไซ ตุ้ม ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป หากจะทำการประมงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาไม่ให้สูญพันธุ์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่สามารถมีปลาไว้สำหรับการบริโภคได้อย่างเพียงพอและเพื่อเป็นการรักษาพันธุ์ปลาหายากของไทยให้คงไว้ในแหล่งน้ำของประเทศ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นายจันทร์ติ๊บ ฟูเฟือง ชาวประมงในกว๊านพะเยา หมู่ 2 ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ทุกปีเมื่อถึงช่วงฤดูปลาวางไข่ประมาณเดือนพฤษภาคม-กันยายน ชาวประมงที่หาปลาในกว๊านพะเยาจะขอหาปลาตามปกติโดยเลี่ยงไม่เข้าไปหาปลาในเขตห้ามจับซึ่งประมงจังหวัดได้ทำแนวเขตไว้ตั้งแต่ด้านหลังเทศบาลเมืองพะเยาจนถึงหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ซึ่งตรงนี้ชาวประมงกว๊านพะเยาต่างเข้าใจกันทุกคน ด้วยต้องการอนุรักษ์พันธุ์ปลาส่วนหนึ่งให้สามารถแพร่พันธุ์ได้ต่อไปเป็นแหล่งอาหารของชาวพะเยาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การหาปลาทุกวันนี้พบว่าแนวโน้มรายได้จากการจับปลาลดลง จากเดิมในอดีตที่ผ่านมาจับปลาไปขายได้วันละประมาณ 200-300 บาท ขณะนี้ลดเหลือเพียงวันละ 90-150 บาท ตอนนี้หยุดหาปลาได้สองวันแล้ว เพราะหาปลาได้น้อยเนื่องจากน้ำในกว๊านพะเยาขุ่นมองไม่เห็นตัวปลา
นายประโยชน์ บุญประเสริฐ ประมงจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกประกาศกระทรวงฯ กำหนดฤดูปลาวางไข่และกำหนดชนิด ขนาด และวิธีใช้เครื่องมือทำการประมง เพื่อสงวนพันธุ์สัตว์น้ำและวางไข่ เลี้ยงลูก ไม่ให้ถูกทำลายเกินสมควร ซึ่งมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 15 กันยายนของทุกปี
โดยในช่วงเวลาดังกล่าวห้ามชาวประมงหรือประชาชนทั่วไปไม่ให้มีการทำการประมงด้วยเครื่องมือประมงด้วยวิธีใดๆ ในการจับสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำในท้องที่ทุกจังหวัดโดยเด็ดขาด ซึ่งชาวประมงสามารถใช้เครื่องมือหาปลาประเภทที่ไม่ทำร้ายปลาที่กำลังไข่และวางไข่ด้วยอุปกรณ์หาปลาต่างๆ เช่น เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว หรือ ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และ ชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร หรือไซ ตุ้ม ซึ่งการใช้เครื่องมือดังกล่าวห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป หากจะทำการประมงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาไม่ให้สูญพันธุ์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่สามารถมีปลาไว้สำหรับการบริโภคได้อย่างเพียงพอและเพื่อเป็นการรักษาพันธุ์ปลาหายากของไทยให้คงไว้ในแหล่งน้ำของประเทศ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นายจันทร์ติ๊บ ฟูเฟือง ชาวประมงในกว๊านพะเยา หมู่ 2 ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ทุกปีเมื่อถึงช่วงฤดูปลาวางไข่ประมาณเดือนพฤษภาคม-กันยายน ชาวประมงที่หาปลาในกว๊านพะเยาจะขอหาปลาตามปกติโดยเลี่ยงไม่เข้าไปหาปลาในเขตห้ามจับซึ่งประมงจังหวัดได้ทำแนวเขตไว้ตั้งแต่ด้านหลังเทศบาลเมืองพะเยาจนถึงหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ซึ่งตรงนี้ชาวประมงกว๊านพะเยาต่างเข้าใจกันทุกคน ด้วยต้องการอนุรักษ์พันธุ์ปลาส่วนหนึ่งให้สามารถแพร่พันธุ์ได้ต่อไปเป็นแหล่งอาหารของชาวพะเยาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การหาปลาทุกวันนี้พบว่าแนวโน้มรายได้จากการจับปลาลดลง จากเดิมในอดีตที่ผ่านมาจับปลาไปขายได้วันละประมาณ 200-300 บาท ขณะนี้ลดเหลือเพียงวันละ 90-150 บาท ตอนนี้หยุดหาปลาได้สองวันแล้ว เพราะหาปลาได้น้อยเนื่องจากน้ำในกว๊านพะเยาขุ่นมองไม่เห็นตัวปลา