กฟผ.ไม่เบี้ยวยอมเปิดประตูเขื่อนปากมูลฟอกน้ำเสีย

อุบลราชธานี - การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไม่พลิ้ว สั่งเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บาน เพื่อให้ปลาจากแม่น้ำโขงเข้ามาวางไข่ในลุ่มน้ำมูล พร้อมศึกษาวิถีชีวิตมนุษย์ริมน้ำและพฤติกรรมการวางไข่ของปลา โดยจะปิดประตูเขื่อนอีกครั้งวันที่ 15 ต.ค.ปีเดียวกัน

วันนี้ (6 มิ.ย.) นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าตามที่คณะทำงานพิจารณาการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลประจำปี 2551 ซึ่งจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งได้ตกลงการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำไว้ 2 ประการ คือ เมื่อแม่น้ำมูลมีระดับการไหลของน้ำความเร็ว 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือแม้อัตราการไหลของน้ำมีความเร็วไม่ถึง 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะต้องยกบานระบายประตูน้ำขึ้นสูงสุดภายในวันที่ 15 มิ.ย.

ทั้งนี้ เพื่อฟื้นฟูสภาพลำน้ำมูลเป็นเวลา 4 เดือน ตามที่มีข้อตกลงไว้กับกลุ่มสมัชชาคนจน และทำการปิดประตูน้ำกักเก็บน้ำอีกครั้งในวันที่ 15 ต.ค.

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจาก ร.ท.เสริมวุฒิ วัฒนศฤงคาร หัวหน้ากองโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธรและกำกับดูแลเขื่อนปากมูลว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานีวัดน้ำเอ็ม 7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมืองอุบลราชธานี พบน้ำในแม่น้ำมูลมีอัตราความเร็ว 522.5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนที่มีทรัพย์สินอยู่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนปากมูล อาทิ กระชังเลี้ยงปลา เรือหาปลา และเครื่องมือหาปลา

รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างริมน้ำให้เก็บรักษาทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะปล่อยน้ำเพื่อลดระดับน้ำเขื่อนปากมูล และจะยกประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลขึ้นสูงสุดทั้ง 8 บาน ในวันที่ 9 มิ.ย.ศกนี้ เพื่อเป็นไปตามข้อตกลงที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทำไว้กับกลุ่มสมัชชาคนจน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเปิด-ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ยังเสนอให้การไฟฟ้าแห่งประเทศไทยพิจารณาสนับสนุนปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงในแม่น้ำมูล เพื่อฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำต่อไปอีก 5 ปี หลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ปล่อยพันธุ์ปลาและพันธุ์กุ้งก้ามกรามสนับสนุนการทำประมงแม่น้ำมูลมาแล้ว 5 ปี

พร้อมทั้งจะมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาคุณภาพชีวิตของคนที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำมูล และกระบวนการวางไข่ของพันธุ์สัตว์น้ำในฤดูวางไข่ของลุ่มน้ำ เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการทรัพยากรการประมงในอนาคตด้วย