ชุมพร - นายกสมาคมประมงชุมพร แนะรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาระยะยาว มากกว่าเฉพาะหน้า พร้อมเตือนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบการใช้น้ำมันเขียวอาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 พ.ค.2551 ที่สำนักงานสมาคมชาวประมงปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้มีคณะกรรมการ สมาชิกสมาคมประมงฯ และตัวแทนผู้ประกอบการประมงจาก อ.เมือง จ.ชุมพร ได้ร่วมกันประชุมเพื่อกำหนดแนวทางเรียกร้องต่อรัฐบาล หลังจากที่ได้รับความเดือนร้อนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จนไม่สามารถออกเรือได้
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายกสมาคมชาวประมงปากน้ำชุมพร กล่าวภายหลังการประชุมว่า สมาคมได้กำหนดท่าที่ร่วมกับ สมาพันธ์ชาวประมงภาคใต้ ที่ได้ตั้งขึ้นใหม่ หลังจากมีการประท้วงเผาเรือที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวและข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวประมงหลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น
การที่จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้รัฐบาลจะช่วยเหลือชาวประมง โดยจำหน่าย น้ำมัน ม่วง และน้ำมันเขียวก็ตาม แต่ราคาน้ำมันก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ดี ถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ เท่านั้น การแก้ไขปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องส่งเสริมให้มีการตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวประมง และเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะปัจจุบันกิจการประมงทำรายได้เข้าประเทศกว่า 1 แสนล้านบาท ถ้าเก็บเงินเข้ากองทุนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ก็จะได้เงินเพียงพอที่จำนำมาช่วยเหลือชาวประมงได้แล้ว หากราคาน้ำมันไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอย่างที่เป็นอยู่ ก็ใช้เงินดังกล่าวสนับสนุนให้ชาวประมง เปลี่ยนมาใช้ ก๊าซ NGV แทนน้ำมันดีเซล ก็ย่อมทำได้
พ.ต.ต.เสงี่ยม ยังกล่าวถึงโครงการน้ำมันเขียว และน้ำมันม่วง ว่า สิ่งที่ต้องระวังคือการควบคุมและการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้น้ำมันดังกล่าวรั่วไหลไปใช้ในกิจการอื่นที่ไม่ใช่กิจการประมง ควรจะมีการตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนชาวประมงเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างโครงการน้ำมันเขียวที่มีการจำหน่ายกลางทะเล ในช่วงปิดอ่าวฤดูปลาวางไข่ 3 เดือน และฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ของทุกๆ ปี ซึ่งจะมีเรือออกทำการประมงน้อยกว่าช่วงปกติ แต่ยอดรายงานการใช้น้ำมันเขียวของทุกเดือนยังคงเท่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จึงขอเตือนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยนายกสมาคมประมงชุมพร แนะรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาระยะยาว มากกว่าเฉพาะหน้า พร้อมเตือนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบการใช้น้ำมันเขียวอาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 พ.ค.2551 ที่สำนักงานสมาคมชาวประมงปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้มีคณะกรรมการ สมาชิกสมาคมประมงฯ และตัวแทนผู้ประกอบการประมงจาก อ.เมือง จ.ชุมพร ได้ร่วมกันประชุมเพื่อกำหนดแนวทางเรียกร้องต่อรัฐบาล หลังจากที่ได้รับความเดือนร้อนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จนไม่สามารถออกเรือได้
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายกสมาคมชาวประมงปากน้ำชุมพร กล่าวภายหลังการประชุมว่า สมาคมได้กำหนดท่าที่ร่วมกับ สมาพันธ์ชาวประมงภาคใต้ ที่ได้ตั้งขึ้นใหม่ หลังจากมีการประท้วงเผาเรือที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวและข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวประมงหลังจากที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น
การที่จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้รัฐบาลจะช่วยเหลือชาวประมง โดยจำหน่าย น้ำมัน ม่วง และน้ำมันเขียวก็ตาม แต่ราคาน้ำมันก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ดี ถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ เท่านั้น การแก้ไขปัญหาระยะยาว รัฐบาลต้องส่งเสริมให้มีการตั้งกองทุนช่วยเหลือชาวประมง และเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะปัจจุบันกิจการประมงทำรายได้เข้าประเทศกว่า 1 แสนล้านบาท ถ้าเก็บเงินเข้ากองทุนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ก็จะได้เงินเพียงพอที่จำนำมาช่วยเหลือชาวประมงได้แล้ว หากราคาน้ำมันไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอย่างที่เป็นอยู่ ก็ใช้เงินดังกล่าวสนับสนุนให้ชาวประมง เปลี่ยนมาใช้ ก๊าซ NGV แทนน้ำมันดีเซล ก็ย่อมทำได้
พ.ต.ต.เสงี่ยม ยังกล่าวถึงโครงการน้ำมันเขียว และน้ำมันม่วง ว่า สิ่งที่ต้องระวังคือการควบคุมและการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้น้ำมันดังกล่าวรั่วไหลไปใช้ในกิจการอื่นที่ไม่ใช่กิจการประมง ควรจะมีการตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนชาวประมงเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างโครงการน้ำมันเขียวที่มีการจำหน่ายกลางทะเล ในช่วงปิดอ่าวฤดูปลาวางไข่ 3 เดือน และฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ของทุกๆ ปี ซึ่งจะมีเรือออกทำการประมงน้อยกว่าช่วงปกติ แต่ยอดรายงานการใช้น้ำมันเขียวของทุกเดือนยังคงเท่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จึงขอเตือนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยนายกสมาคมประมงชุมพร แนะรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาระยะยาว มากกว่าเฉพาะหน้า พร้อมเตือนหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบการใช้น้ำมันเขียวอาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์