แห่เที่ยว “พนมรุ้ง” คึกคักหลังถูกทุบเทวรูป-คดีคืบคาดรู้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้

บุรีรัมย์ - ประชาชนนักท่องเที่ยวแห่เที่ยวชมความมหัศจรรย์ปราสาทพนมรุ้ง บุรีรัมย์ เพิ่มมากขึ้น หลังคนร้ายบุกทุบทำลายเทวรูป ส่วนหนึ่งเพื่อมาดูร่องรอยปราสาทที่ถูกคนร้ายใจบาปทุบทำลาย ด้านตร.ล่าสุดคดีคืบหน้าไปมากสอบพยานแล้วกว่า 30 ปาก พร้อมเร่งประสานสภ.ท้องที่จังหวัดใกล้เคียง ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนช่วยสืบสวนติดตามเบาะแสและความเคลื่อนไหวกลุ่มหมอจอมขมังเวท คาดทราบตัวคนร้าย เร็วๆ นี้

วันนี้ (25 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวชมปราสาทพนมรุ้งที่จ.บุรีรัมย์ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) นี้ หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกขึ้นไปทำพิธีกรรม ก่อนทุบทำลายองค์เทพบริวารบนปราสาทพนมรุ้ง จนได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโบราณสถานปราสาทพนมรุ้งแต่อย่างใด กลับมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม ศึกษาความมหัศจรรย์ ความงดงามของปราสาทคึกคักเพิ่มมากขึ้นจากปกติกว่า 1 เท่า

โดยช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมวันละ 4,000 – 5,000 คน แต่วันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์นี้ ได้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมคึกคักเพิ่มขึ้นวันละกว่า 1 หมื่นคน ซึ่งจำนวนที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปดูร่องรอยที่คนร้ายใจบาปทุบทำลายเทวรูป ทำให้มีเงินสะพัดในการจับจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมเข้าชม ซื้อของฝากของที่ระลึกตามร้านค้า และร้านอาหารบนพมนมรุ้งวันละไม่น้อยกว่า 3-4 ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างดีจากช่วงปกติมีเงินสะพัดเพียง 1-2 ล้านบาทเท่านั้น หลังก่อหน้านี้เกรงกันว่าการท่องเที่ยวจะซบเซา

นายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว โบราณสถานปราสาทพนมรุ้งแต่อย่างใด พร้อมแจ้งประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ทราบว่าทางอุทยานฯ ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมตามปกติไม่ได้ปิดตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ด้าน พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี กรณีกลุ่มคนร้ายบุกขึ้นไปทุบทำลายองค์เทพบริวารปราสาทพนมรุ้ง ว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้เรียกสอบพยานและผู้เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 30 ปาก พุ่งเป้า 2 ประเด็น แต่ขอยังไม่เปิดเผยกลัวเสียรูปคดี และเกรงคนร้ายจะไหวตัว

รวมทั้งได้ประสานขอความร่วมมือ สภ.จังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายแดน ที่มีกลุ่มหมอจอมขมังเวทอาศัยอยู่ ให้ช่วยติดตามพฤติกรรมความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด จากการสืบสวนพบว่ามีอยู่เป็นจำนวนมาก และเชื่อว่า การก่อเหตุคนร้ายไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ น่าจะเป็นกลุ่มคนที่มาจากนอกพื้นที่ ดังนั้น จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงาน ด้านการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดเสียก่อน ซึ่งมั่นใจจะทราบตัวคนร้ายในไม่ช้านี้ เพราะคดีคืบหน้าไปมากแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้ประสานไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ให้ช่วยสอดส่องดูพฤติกรรมหมอจอมขมังเวทในพื้นที่ หากสงสัยให้แจ้งเบาะแสมายังตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อจะได้ส่งชุดสืบสวนเข้าไปทำการติดตามตรวจสอบ และจับกุมตัวคนร้ายในอีกทางหนึ่งด้วย