ศรีสะเกษ - บ้านเอื้ออาทร “แม้ว” พ่นพิษ ชาวศรีสะเกษร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกการเคหะฯเตรียมยึดบ้านขับไล่ออกกว่า 60 หลัง อ้างเหตุค้างค่างวดเช่าซื้อ ชาวบ้านจวกไม่ “เอื้ออาทร” สมชื่อ แฉ การเคหะฯไม่เคยชี้แจงหรือแก้ปัญหา แต่ส่งหนังสือขู่บอกเลิกสัญญาและไล่ออกจากบ้านใน 24 ชม.ท่าเดียว แถมแจ้งยอดหนี้สูงเกินจริงไม่ตรงกับธนาคาร-โขกดอกเบี้ยผิดสัญญาชำระสูงลิ่ว ในภาวะศก.ข้าวยากหมากแพง เตรียมร้อง รมว.พัฒนาสังคมฯ รบ.หุ่นเชิดช่วยเหลือ ลั่นต่อสู้ถึงที่สุด
วันนี้ (22 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานออกกำลังกายภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร หมู่ 8 ต.หนอกครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทรกว่า 100 คน นำโดย นายนิทัศน์ ภาโนชิต อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500/341 กรรมการหมู่บ้านเอื้ออาทร ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวพร้อมเตรียมส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอความเป็นธรรมและขอคำชี้แจงจากการเคหะแห่งชาติ และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เกี่ยวกับกรณีการชำระค่างวดบ้าน ที่ทำสัญญาไว้กับทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขา อุบลราชธานี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรดังกล่าว กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากกรณีที่ผ่านมาทางเคหะแห่งชาติ ได้ส่งใบแจ้งหนี้ที่มียอดเงินสูงกว่าความเป็นจริง และ เป็นยอดเงินที่ข้อมูลไม่ตรงกับทาง ธอส.ยิ่งไปกว่านั้นขณะนี้มีชาวบ้านที่การเคหะแห่งชาติ มีหนังสือแจ้งจะถูกยกเลิกสัญญาและซื้อบ้านคืน รวมทั้งแจ้งให้ย้ายออกภายใน 24 ชั่วโมง รวมกว่า 60 รายแล้ว
นางประพิน ชมยิ่ง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500/304 หนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านเอื้ออาทรที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ตนเป็นคนจากต่างจังหวัดมาประกอบอาชีพที่ จ.ศรีสะเกษ หลังจากที่รัฐบาลชุดที่แล้ว ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรสำหรับประชาชนผู้ยากจน ตนรู้สึกดีใจมาก จึงได้เข้าจองบ้านเอื้ออาทร และทำสัญญาเช่าซื้อ เข้าอยู่อาศัยมานานหลายเดือนแล้ว โดยที่ผ่านมาไม่เคยค้างค่าชำระค่าเช่าซื้อเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่มาระยะหลังเศรษฐกิจเริ่มฝืดเคือง เนื่องจากเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ทำให้หาเงินไม่ทัน จึงได้ติดหนี้ค่างวดและจ่ายไม่ตรงกับวันที่กำหนด จากนั้นได้ก็รับหนังสือจากการเคหะแห่งชาติแจ้งว่าหากไม่ชำระเงินตามที่มีใบแจ้งมาครบตามกำหนด พร้อมกับดอกเบี้ยจะถูกยกเลิกสัญญา และต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้ตนย้ายออกจากบ้านทันทีภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการเจรจา หรือผ่อนผันประนอมหนี้กับตนแต่อย่างใด
“ตอนนี้เริ่มมีความคิดว่า ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเหลือคนจนให้ลืมตาอ้าปากได้อย่างแท้จริงบ้าง ทั้งที่บ้านจะต้องผ่อนชำระเป็นเวลานานกว่า 30 ปี ซึ่งมันตรงกันข้ามกับชื่อหมู่บ้านที่เรียกว่า หมู่บ้านเอื้ออาทร เป็นอย่างมาก” นางประพิน กล่าว
ด้าน นายนิทัศน์ ภาโนชิต อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500/341 กรรมการหมู่บ้านเอื้ออาทร กล่าวว่า การที่พวกเรามาร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เพราะไม่ได้รับความธรรมจากการเคหะแห่งชาติ เป็นอย่างมาก ทั้งกรณีการเคหะแห่งชาติได้แจ้งยอดหนี้ไม่ตรงกันกับใบแจ้งหนี้ของทางธนาคาร ทั้งที่พวกเราได้ส่งเงินมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทางการเคหะฯ กลับแจ้งยอดเงินสูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งไม่ทราบว่า เอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน
ที่สำคัญ คือ ขณะนี้ทางการเคหะฯมีหนังสือแจ้งจะทำการบอกเลิกสัญญากับผู้ที่ค้างค่าเช่าท่าเดียว เพื่อซื้อคืนเอาบ้านไปขายให้คนอื่น โดยแจ้งว่าพวกเราค้างชำระ และในหนังสือบอกให้รีบย้ายออกภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งที่ผ่านมาทางการเคหะแห่งชาติไม่เคยลงมาพูดคุย หรือให้ความกระจ่างกับประชาชนผู้เดือดร้อนใดๆ เลย เพียงแต่ส่งหนังสือมาทำให้พวกเราไม่รู้จะไปปรึกษาใครได้ว่าจะทำการผันผันประนอมหนี้หรือหาทางออกอย่างไร
“อยากให้การเคหะแห่งชาติให้ความเอื้ออาทรกับพวกเรา ให้สมกับชื่อหมู่บ้านเอื้ออาทรแก่ผู้ยากไร้มากกว่านี้บ้าง ไม่ใช่ว่ามีแต่จะมายึดบ้านอย่างเดียว ซึ่งถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป หมู่บ้านเอื้ออาทรของ จ.ศรีสะเกษ และทั่วประเทศ คงจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านเอื้อนายทุนอย่างแน่นอน” นายนิทัศน์ กล่าว
นายนิทัศน์ กล่าวอีกว่า นอกจากทางการเคหะแห่งชาติจะไม่ให้ความกระจ่างหรือหาทางออกที่ดีให้กับพวกเราแล้ว การคิดดอกเบี้ยผิดสัญญาการส่งชำระค่างวดยังคิดอัตราดอกเบี้ยแพงเกินความจริง เช่น หากผู้เช่าซื้อรายใดติดค้างชำระ ดอกเบี้ยจะเพิ่มจากร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 13.5 - ร้อยละ 18
จึงอยากขอความเป็นธรรมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ขอให้เป็นหมู่บ้านแห่งนี้เป็น บ้านเอื้ออาทรที่ช่วยเหลือคนยากจนสมชื่อจริงๆ ไม่ใช่ว่าติดค้างค่างวดเล็กน้อยก็จะยึดบ้าน หรือซื้อคืนให้คนอื่นท่าเดียว ซึ่งล่าสุดในหมู่บ้านเอื้ออาทร จ.ศรีสะเกษ มีชาวบ้านที่ถูกให้ออกหรือรอไล่ออกจากบ้านแล้วกว่า 60 หลังคาเรือน และที่ผ่านมาก็ได้มีชาวบ้านย้ายออกไปแล้วจำนวนไม่น้อย
“เรื้องนี้พวกเราจะยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และจะต่อสู้ขอความเป็นธรรมในทุกช่องทางจนถึงที่สุด” นายนิทัศน์ กล่าว