กคช.ยอมรับค้างชำระผู้รับเหมาบ้านเอื้อฯกว่า 1,000 ล้านบาท อ้างต้องปรับแผนขอวงเงินกู้สถาบันการเงินให้สอดคล้องจำนวนก่อสร้างบ้านเอื้อฯที่ถูกหั่นเหลือ 3 แสนหน่วย พร้อมขอครม.อนุมัติวงเงินก่อสร้างปี51 อีก 60,000 หน่วยในวงเงินกู้ 36,000 ล้านบาท เดินหน้า
ซัมเมอร์เซลส์โครงการบ้านเอื้อฯทั่วประเทศ 168 โครงการ เปิดช่องหน่วยงานรัฐ-เอกชนซื้อยกอาคารได้ แถมจัดโปรโมชันพิเศษ หวังระบายสต๊อกบ้านสร้างเสร็จกว่า 20,000 หน่วย
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ในช่วง 20 วันที่ผ่านมา ได้ชะลอการจ่ายค่างวดงานก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ตามที่ผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นเรื่องเบิกค่างวดตามความคืบหน้างานก่อสร้างมา ทำให้ขณะนี้มีวงเงินค้างชำระค่างวดงานก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากการปรับแผนขอวงเงินกู้จากสถาบันการเงินใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการลดจำนวนก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรให้เหลือ 3 แสนหน่วย จากเดิมที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 4 แสนหน่วย ส่วนที่ยกเลิกไป 1 แสนหน่วย กคช.ได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประกอบการรับเหมาไปตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ได้ใช้วงเงินประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินตั้งแต่วันที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการ
" จากนี้ไป ภาระการก่อสร้างบ้านเอื้อฯจะเหลืออยู่เพียง 3 แสนหน่วย ซึ่งในสัปดาห์หน้านี้ กระทรวงการคลังเสนอแผนการปรับลดวงเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะขออนุมัติวงเงินกู้ 36,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณในการดำเนินการในโครงการดังกล่าว ซึ่งในปีนี้ ต้องต้องดำเนินการก่อสร้างบ้านเอื้อฯตามแผนจำนวน 60,000 หน่วย ในปี52 จะขอวงเงินกู้เพิ่มอีก20,000ล้านบาท ก่อสร้างบ้าน 50,000 หน่วย และในปี53 จะขอวงเงินกู้อีก12,000 ล้านบาท ก่อสร้างบ้านจำนวน 40,000 หน่วย"นายสุชาติกล่าวและระบุว่า วงเงินกู้จำนวน 36,000 ล้านบาทที่กระทรวงการคลังจะเสนอขออนุมัติครม.ในสัปดาห์หน้านั้น ส่วนหนึ่งนำมาชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงินที่ครบกำหนด อีกส่วนนำไปชำระค่างวดการก่อสร้างบ้านเอื้อฯให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ค้างชำระอยู่ และใช้จ่ายค่างวดงานก่อสร้างใหม่ในปีนี้ โดยวงเงินที่จะนำมาจ่ายค่างวดการก่อสร้างในปีนี้บางส่วน จะมาจากวงเงินของลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้เพื่อซื้อบ้านเอื้ออาทรแล้ว
นายสุชาติ กล่าวว่าปัจจุบันกคช.ต้องแบกรับภาระต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยและค่าดำเนินการต่อ40,000-50,000 บาทต่อหน่วย ดังนั้น กคช. มีแผนที่จะปรับราคาขายบ้านเอื้ออาทรขึ้นจากเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับราคาขายขึ้นเท่าใด พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับเพิ่มรายได้ต่อครัวเรือนของประชาชนที่มีสิทธิ์ซื้อบ้านเอื้อฯจากไม่เกิน 24,000บาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 30,000 บาทต่อเดือน
ล่าสุด กคช.ได้เตรียมจัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยบ้านเอื้ออาทร ครั้งที่ 1 ขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 มี.ค.นี้ โดย เปิดให้ประชาชนทั่วประเทศจองซื้อบ้านเอื้ออาทร ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและภูมิภาค รวม 168 โครงการ จำนวน 63,731 หน่วย ได้แก่พื้นที่ในกรุงเทพ-ปริมณฑลรวม 68 โครงการ 40,905 หน่วย แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 7,233 หน่วย และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 33,672 หน่วย และโครงการในส่วนภูมิภาคเปิดให้จอง101โครงการ จำนวน 22,826 หน่วย แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 6,669 หน่วย และอยู่ระหว่างก่อสร้าง16,157 หน่วย
ด้านนายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย กล่าวว่า ทางกคช.ยังเปิดกว้างให้บริษัทเอกชน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ สามารถซื้อบ้านในโครงการเอื้ออาทร เพื่อใช้เป็นบ้านสวัสดิการ โดยสามารถซื้อได้ในราคาขายเงินสด 470,000 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่ต้องการซื้อทั้งอาคาร เพียงชำระเงิน 6,000 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ทันที และผ่อนเริ่มต้นที่ 2,400 บาทต่อเดือน
สำหรับงานนี้ กคช. ได้มีการจัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้ซื้อหรือจองสิทธิบ้านเอื้ออาทรในงาน สามารถลุ้นรับเช็คของขวัญมูลค่า 5,000บาท วันละ5 รางวัล และ ของรางวัลมากมาย ยกเว้น 5 โครงการยอดนิยม ได้แก่ ร่มเกล้า , ลาดกระบัง , สายไหม ,หัวหมาก และหนองหอย ระยะ 1-2 ทั้ง 5 โครงการนี้จะอยู่ในกรณียกเว้นโดยผู้ที่ต้องการซื้อโครงการดังกล่าวจะต้องจับสลากรับสิทธิ์เพื่อซื้อบ้านในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ กคช.คาดจะระบายสต๊อกบ้านเอื้อฯได้กว่า 20,000 หน่วย
ซัมเมอร์เซลส์โครงการบ้านเอื้อฯทั่วประเทศ 168 โครงการ เปิดช่องหน่วยงานรัฐ-เอกชนซื้อยกอาคารได้ แถมจัดโปรโมชันพิเศษ หวังระบายสต๊อกบ้านสร้างเสร็จกว่า 20,000 หน่วย
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ในช่วง 20 วันที่ผ่านมา ได้ชะลอการจ่ายค่างวดงานก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร ตามที่ผู้รับเหมาก่อสร้างยื่นเรื่องเบิกค่างวดตามความคืบหน้างานก่อสร้างมา ทำให้ขณะนี้มีวงเงินค้างชำระค่างวดงานก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากการปรับแผนขอวงเงินกู้จากสถาบันการเงินใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการลดจำนวนก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรให้เหลือ 3 แสนหน่วย จากเดิมที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างไปแล้ว 4 แสนหน่วย ส่วนที่ยกเลิกไป 1 แสนหน่วย กคช.ได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประกอบการรับเหมาไปตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ได้ใช้วงเงินประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินตั้งแต่วันที่มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการ
" จากนี้ไป ภาระการก่อสร้างบ้านเอื้อฯจะเหลืออยู่เพียง 3 แสนหน่วย ซึ่งในสัปดาห์หน้านี้ กระทรวงการคลังเสนอแผนการปรับลดวงเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะขออนุมัติวงเงินกู้ 36,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณในการดำเนินการในโครงการดังกล่าว ซึ่งในปีนี้ ต้องต้องดำเนินการก่อสร้างบ้านเอื้อฯตามแผนจำนวน 60,000 หน่วย ในปี52 จะขอวงเงินกู้เพิ่มอีก20,000ล้านบาท ก่อสร้างบ้าน 50,000 หน่วย และในปี53 จะขอวงเงินกู้อีก12,000 ล้านบาท ก่อสร้างบ้านจำนวน 40,000 หน่วย"นายสุชาติกล่าวและระบุว่า วงเงินกู้จำนวน 36,000 ล้านบาทที่กระทรวงการคลังจะเสนอขออนุมัติครม.ในสัปดาห์หน้านั้น ส่วนหนึ่งนำมาชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงินที่ครบกำหนด อีกส่วนนำไปชำระค่างวดการก่อสร้างบ้านเอื้อฯให้แก่ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ค้างชำระอยู่ และใช้จ่ายค่างวดงานก่อสร้างใหม่ในปีนี้ โดยวงเงินที่จะนำมาจ่ายค่างวดการก่อสร้างในปีนี้บางส่วน จะมาจากวงเงินของลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้เพื่อซื้อบ้านเอื้ออาทรแล้ว
นายสุชาติ กล่าวว่าปัจจุบันกคช.ต้องแบกรับภาระต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยและค่าดำเนินการต่อ40,000-50,000 บาทต่อหน่วย ดังนั้น กคช. มีแผนที่จะปรับราคาขายบ้านเอื้ออาทรขึ้นจากเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะปรับราคาขายขึ้นเท่าใด พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับเพิ่มรายได้ต่อครัวเรือนของประชาชนที่มีสิทธิ์ซื้อบ้านเอื้อฯจากไม่เกิน 24,000บาทต่อเดือน เพิ่มเป็น 30,000 บาทต่อเดือน
ล่าสุด กคช.ได้เตรียมจัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยบ้านเอื้ออาทร ครั้งที่ 1 ขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 มี.ค.นี้ โดย เปิดให้ประชาชนทั่วประเทศจองซื้อบ้านเอื้ออาทร ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและภูมิภาค รวม 168 โครงการ จำนวน 63,731 หน่วย ได้แก่พื้นที่ในกรุงเทพ-ปริมณฑลรวม 68 โครงการ 40,905 หน่วย แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 7,233 หน่วย และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 33,672 หน่วย และโครงการในส่วนภูมิภาคเปิดให้จอง101โครงการ จำนวน 22,826 หน่วย แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 6,669 หน่วย และอยู่ระหว่างก่อสร้าง16,157 หน่วย
ด้านนายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย กล่าวว่า ทางกคช.ยังเปิดกว้างให้บริษัทเอกชน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ สามารถซื้อบ้านในโครงการเอื้ออาทร เพื่อใช้เป็นบ้านสวัสดิการ โดยสามารถซื้อได้ในราคาขายเงินสด 470,000 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่ต้องการซื้อทั้งอาคาร เพียงชำระเงิน 6,000 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ทันที และผ่อนเริ่มต้นที่ 2,400 บาทต่อเดือน
สำหรับงานนี้ กคช. ได้มีการจัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้ซื้อหรือจองสิทธิบ้านเอื้ออาทรในงาน สามารถลุ้นรับเช็คของขวัญมูลค่า 5,000บาท วันละ5 รางวัล และ ของรางวัลมากมาย ยกเว้น 5 โครงการยอดนิยม ได้แก่ ร่มเกล้า , ลาดกระบัง , สายไหม ,หัวหมาก และหนองหอย ระยะ 1-2 ทั้ง 5 โครงการนี้จะอยู่ในกรณียกเว้นโดยผู้ที่ต้องการซื้อโครงการดังกล่าวจะต้องจับสลากรับสิทธิ์เพื่อซื้อบ้านในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ กคช.คาดจะระบายสต๊อกบ้านเอื้อฯได้กว่า 20,000 หน่วย
