xs
xsm
sm
md
lg

พบสองตายายเปิดขายข้าวแกงบุฟเฟต์ อิ่มละ 25 บาท คนตกงานกินฟรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระยอง - บั้นปลายชีวิต 2 ตายายเมืองระยอง เปิดร้านขายข้าวแกงบุฟเฟต์ อิ่มละ 25 บาท คนตกงานให้กินฟรี ด้วยความสงสารที่ว่า มนุษย์เราท้องต้องอิ่ม เพื่อต่อสู้กับงานในยุคข้าวยากหมากแพง

ผู้สื่อข่าวรายจากจังหวัดระยอง ว่า ได้พบ “ป้าปุ๊ก-ลุงข้วน” สองตายายอายุรวมกันได้ 142 ปี ยึดอาชีพขายข้าวแกงบุฟเฟต์ อิ่มละ 25 บาท ลูกค้าต้องบริการตัวเอง มีอาหารให้เลือก 8 อย่าง แถมผักสดจิ้มน้ำพริกกะปิ คนงานตกงานหิวข้าวให้กินฟรี ไม่คิดหวังกำไร

จากการสอบถามสองตายาย บอกว่า พออยู่พอกินก็พอแล้ว ชีวิตในอดีตรู้รสชาติของความยากจนมาแล้ว เคยเข้าหุ้นหลานเขยทำธุรกิจสัมปทานไม้อัด ร่ำรวยมหาศาล หลังเจอพิษมรสุมพายุเกย์ซัดกระหน่ำเรือขนาดใหญ่ยาวประมาณ 40 วา บรรทุกไม้ซุงเต็มลำเรือ 4 ลำ จมหายไปในทะเล ธุรกิจล่มสลายต้องขายหมดทุกอย่างมูลค่านับพันล้านใช้หนี้ธนาคาร กลับมาพบกับความยากจนรอบสอง

นายพินิจ หรือ ลุงข้วน วรานุตระกูล วัย 77 ปี และ นางสุนันท์ หรือ ป้าปุ๊ก วรานุตระกูล วัย 65 ปี สองตายายยึดอาชีพขายข้าวราดแกงรายนี้ไม่มีชื่อร้าน ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ต.กะเฉด อ.เมืองระยอง เลยสัญญาณไฟแดงสี่แยกกะเฉดไปทางอ.แกลงประมาณ 200 เมตร

ป้าปุ๊ก ได้เล่าชีวิตในอดีตให้ฟังว่า เดิมเป็นคนสามย่าน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ส่วน ลุงข้วน เป็นคนอำเภอเมืองระยอง ได้พบรักและแต่งงานเมื่ออายุเพียง 19 ปี ลุงข้วน อายุ 31 ปี มาตั้งหลักฐานอยู่ที่ตำบลกะเฉด จากนั้นลุงข้วนได้ไปทำงานอยู่ทางภาคเหนือ ทำธุรกิจเกี่ยวกับบรรทุกไม้ซุงจนมีฐานะร่ำรวย ปล่อยเงินกู้ ต่อมาธุรกิจไม้ซุงที่ลุงข้วนทำอยู่ประสบภาวะล่มสลาย ต้องขายทุกอย่างใช้หนี้ต้องกลับมาอยู่ระยองเหมือนเดิม

นายพินิจ หรือ ลุงข้วน เล่าถึงชีวิตในอดีตด้วยความขมขื่นใจ ว่า พ่อแม่เป็นคนจีน ตระกูลแซ่แต้ มีฐานะยากจน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 13 ปี หลังจัดงานศพพ่อทางบ้านเหลือข้าวสาร 1 กระสอบ เงิน 80 บาท ต้องทำเส้นก๋วยเตี๋ยวขายเลี้ยงน้องๆ ทำทุกอย่างหาเงินเลี้ยงน้องส่งน้องเรียน รู้ถึงความลำบากยากจนเป็นอย่างดี จนกระทั่งมาแต่งงานกับป้าปุ๊ก ยึดอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้า ทำลานมันสำปะหลัง ขับรถบรรทุกมันสำปะหลัง แม้กระทั่งเป็นพ่อค้าขายแตงโม เรียกว่าทำทุกอย่าง จนมีเงินมีทองขึ้นมาบ้าง

หลานเขยได้สัมปทานทำไม้อัดก็มาชวนเข้าหุ้นทำธุรกิจไม้ซุง ธุรกิจเริ่มดีวันดีคืนมีรถบรรทุกไม้ซุง หลายคัน เครื่องจักรกลหนักมีหมด จนกระทั่งหันมาซื้อเรือบรรทุกไม้ซุงรวม 4 ลำ ขนาด 40 วา ล่องไม้ซุงส่งโรงงานไม้อัด จนมีฐานะร่ำรวย

ลุงข้วน เล่าให้ฟังต่อไปว่า ขณะนั้นหันมาใช้เรือบรรทุกไม้ซุงล่องมาทางทะเล มีความสะดวกสบายกว่าใช้รถบรรทุกวิ่งบนถนน แต่แล้วก็เกิดลมมรสุมขึ้นอย่างไม่คาดฝัน จำได้ปี 2526 ขณะเรือบรรทุกไม้ซุงเต็มลำเรือจำนวนหลายลำ ล่องอยู่กลางทะเล ได้เกิดพายุเกย์ซัดกระหน่ำเรือบรรทุกไม้ซุงจมหายไปในทะเลหมด สร้างความเสียหายคิดเป็นเงินมหาศาล ถูกธนาคารตามทวงหนี้วันละหลายครั้ง ในที่สุดต้องขายกิจการ เครื่องไม้เครื่องมือรถบรรทุก ฯลฯใช้หนี้ธนาคารคิดเป็นเงินนับพันล้านบาท

จากนั้นก็ไปเป็นผู้จัดการเหมืองแร่ที่อำเภอร่อนพิบูลย์ ภาคใต้ เงินเดือน 20,000 บาท ส่งมาเลี้ยงครอบครัวขณะนั้นลูกๆ กำลังเรียน ทำอยู่ 9 ปี ก็กลับมาอยู่บ้านยึดอาชีพขายข้าวราดแกง จนกระทั่งลูกเรียนจบ ลูกๆ ประกอบอาชีพส่วนตัว รับราชการทหารเรือ ค้าขาย ทุกวันนี้ก็ช่วยกันตายายทำข้าวแกงขาย ไม่คิดร่ำรวยแล้วอายุมากแล้วพอได้กินไปวันๆ ให้คนยากจนกินฟรีบ้าง คิดว่า ทำบุญสร้างกุศลไว้ให้มากแล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต

ป้าปุ๊ก เล่าว่า ขายข้าวแกงมา 9 ปี วันหนึ่งมีคนงานมากินข้าวแกงจนหมดจาน แล้วบอกกับป้าว่ายังกินไม่อิ่ม แต่มีเงินแค่ 20 บาท ป้าบอกให้กินฟรีเลย บางคนตกงานไม่มีเงินมาหาป้าหิวข้าว ป้าให้กินฟรี หลังได้งานทำถึงจะคิดเงิน ป้ากับลุงข้วน นั่งปรึกษากันว่าคนเราเมื่อท้องมันหิวแต่ไม่มีเงิน บางคนต้องไปลักขโมยกินเพื่อความอยู่รอด เราก็รู้รสของความยากจน ความรวยก็เคยร่ำรวยมาแล้วกลับมาจนอีก เมื่อคิดปลงตกกันสองคนแล้วจึงเปลี่ยนเป็นขายข้าวแกงบุฟเฟต์ ให้ลูกค้าตักกินกันเอง โดยทำกับข้าวให้ 8 อย่าง มีน้ำพริกกะปิพร้อมผักสด คิดอิ่มละ 25 บาท ทำมา 2 ปีแล้ว

ป้าปุ๊ก เล่าอีกว่า บางวันลูกค้าน้อยกับข้าวเหลือ ก็จะอุ่นกับให้ร้อน ตักใส่ถุงขี่รถจักรยานตระเวนแจกครอบครัวที่ยากจนในหมู่บ้าน เพราะนึกถึงโรงเรียนเลิกตอนเย็นนักเรียนก็ต้องหิวข้าว เคยเห็นบางครอบครัวยากจนมาก ไม่มีกับข้าวกิน เพราะคนเราอดข้าวไม่ได้ ที่ทำอย่างนี้ไม่ได้คิดอะไรมาก มีความตั้งใจที่พร้อมจะทำบุญกุศลให้กับผู้ยากจนให้มากๆ บางวันขายไม่ดีขาดทุนต้องไปกู้ยืมเงินยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 มาซื้อของทำกับข้าวขาย เดี๋ยวนี้ของมันขึ้นราคาทุกชนิด หวังกินเพื่ออยู่กันสองตายายในบั้นปลายชีวิต ส่วนหลานๆ ก็จะมาช่วยเก็บล้างจานให้ในวันหยุดเรียน

“ทุกวันนี้รู้สึกสดชื่นกันทั้งสองคน เพราะได้ทำบุญให้กับคนยากคนจน ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำข้าวแกงขายแม้แต่น้อย กลับมีแต่ความสุข” ป้าปุ๊ก เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ร่าเริงในชีวิต



กำลังโหลดความคิดเห็น