ลาวลืมโรคแฮมเบอร์เกอร์เชื่อค้าสหรัฐฯ รุ่ง

ผู้จัดการรายวัน-- มูลค่าส่งออกเสื้อสำเร็จรูปและสินค้าสิ่งทอจากลาวไปยังตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวทุกปีในช่วงปีใกล้ๆ และในปี 2551 นี้ทางการลาววางแผนที่จะเพิ่มมูลค่ากว่า 100%

ทางการลาวตั้งเป้าตัวเลขส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปถึง 20 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ คิดเป็นอัตราเพิ่ม 122.2% จากมูลค่าในปี 2550 สำนักข่าวซินหัวรายงานเรื่องนี้โดยอ้างข้อมูลของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์

ในปี 2550 ลาวมีรายได้จากการส่งออกเสื้อผ้าฯ ไปสหรัฐฯ 9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 4.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2549 ก่อนหน้านั้นในปี 2547 มูลค่าส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ มีเพียง 1.9 ล้านดอลลาร์ สื่อของทางการอ้างการเปิดเผยของประธานสมาคมอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าลาว นายอ่อนสี บุดสีวงสัก

แต่รายงานไม่ได้กล่าวถึงมูลค่าส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมแขนงนี้ และ ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาจากวิกฤติการการเงินที่กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบัน

นายอ่อนสีกล่าวอีกว่าในลาวมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อส่งออกจำนวน 100 แห่ง มีอยู่ 61 แห่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ และในปัจจุบันสินค้าจากอุตสาหกรรมนี้เป็นรายการที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ มากที่สุด รองลงไปเป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ เบียร์ กาแฟ และใบชา

ถึงแม้ว่ายอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ความตกลงการเป็นประเทศคู่ค้าปกติระหว่างสองฝ่ายเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2547 แต่ตัวเลขก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

ลาวกับสหรัฐฯ ได้เริ่มเจรจามาตั้งแต่ปี 2540 เพื่อทำความตกลงที่เรียกกันทั่วไป NTR (Normal Trade Relation) และสามารถตกลงกันได้ในปี 2546 ซึ่งได้นำคอมมิวนิสต์ลาวออกจากบัญชีดำประเทศที่รัฐบาลสหรัฐฯ ห้ามเอกชนค้าขายด้วย

นายอ่อนสีกล่าวว่ามูลค่าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ในปัจจุบันนี้เป็นเพียงประมาณ 1 ใน 10 ของศักยภาพที่มีอยู่ตามความตกลง NTR เท่านั้น ซินหัวอ้างรายงานของสื่อทางการลาว

แม้ว่าสหรัฐฯ จะได้เปิดตลาดให้แก่สินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากลาว แต่ระดับการผลิตในประเทศยังคงต่ำมากที่จะสนองความต้องการของตลาดได้ นอกจากนั้นในขณะที่ขยายการผลิตก็ยังจะต้องปรับปรุงคุณภาพของสินค้าคู่กันไปอีกด้วย นายอ่อนสีกล่าว

เจ้าหน้าที่ลาวไม่ได้กล่าวถึงวิกฤติการณ์ทางการเงินเรียกกันทั่วไปว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” ในสหรัฐฯ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เตือนว่าประเทศกำลังพัฒนาในแถบเอเชียจะได้รับผลกระทบรุนแรง เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ของสินค้าส่งออก

ปัจจุบันสินค้าจาก สปป.ลาวส่งออกอย่างแพร่หลายภายใต้สิทธิพิเศษด้านภาษี (Generalised System of Preferences) ที่เรียกว่า GSP ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทเพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา โดยตลาดส่วนใหญ่จะเป็นตลาดทางยุโรป

ปัจจุบันลาวกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา ทำความตกลงด้านการค้ากับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในกระบวนการดำเนินการเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization) ซึ่งจะทำให้ระบบโควตาส่งออกและสิทธิพิเศษด้านภาษีสิ้นสุดลง

สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงานก่อนหน้านี้ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าจ้างคนงานกว่า 25,000 คน และในปี 2546 การส่งออกมีมูลค่ารวมประมาณ115 ล้านดอลลาร์ เป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 รองจากกระแสไฟฟ้าที่ลาวมีข้อตกลงส่งจำหน่ายให้กับประเทศไทย.