xs
xsm
sm
md
lg

ผบก.อุบลสั่งตั้งชุดล่า 2 ผัวเมียตุ๋นเล่นหุ้น 50 ล้าน อ้างสนิทนักการเมืองใหญ่อีสาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุบลราชธานี - รอง ผอ.โรงเรียนแฉ มีครูหลายอำเภอตกเป็นเหยื่อ 2 ผัวเมียแสบ อนาถครูบางรายกู้หนี้ยืนสินมาร่วมหุ้นเพราะหวังผลตอบสูง เหตุที่คนเชื่อถือเพราะรู้จักกันมานานทำตัวดี ล่าสุดอ้างใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ภาคอีสาน จึงสบช่องทางทำเงินผ่านตลาดหุ้น โดยลูกพี่เปิดทางให้แลกกับการช่วยคุมฐานเสียงอีสานตอนล่างให้กับพรรค ด้าน ตร.เผย ผบก.สั่งตั้งชุดล่า 2 ผัวเมียด่วน เพื่อสกัดการโยกย้ายเงิน ล่าสุดมีผู้เสียหาเข้าแจ้งความถูกหลอกอีก 5 ล้านบาท

จากกรณีชาวบ้านที่ถูกนายอุทัย คำสุข และนางหวานเมือง วรรณา สองผัวเมียชาวอำเภอน้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ชักชวนให้ซื้อหุ้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้ผลตอบแทนสูงถึงเกือบ 100% โดยมีชาวบ้านและข้าราชการระดับสูงหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนด้วยคิดเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาทนั้น

ความคืบหน้าวันนี้ (23 มี.ค.) นางลำพวน สังโขบล ราษฎรบ้านท่าสว่าง ต.โนนสำราญ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงการถูกชักชวนเข้าไปร่วมลงทุนทำให้สูญเงินไปทั้งสิ้น 340,000 บาท เพราะรู้จักกับนายอุทัยตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว และคบค้าติดต่อกันเรื่อยมา ซึ่งพฤติกรรมนายอุทัยเป็นคนขยันขันแข็งชอบค้าขายกับธุรกิจขายตรงหลายยี่ห้อมานับสิบปี และนางลำพวนได้ลงทุนทำธุรกิจขายตรงกับนายอุทัย ซึ่งก็ได้รับเงินปันผลจากการขายสินค้ามาโดยตลอด

ต่อมาเมื่อปลายปี 2550 นายอุทัยและนางหวานเมืองมาพบที่บ้านเล่าให้ฟังว่ามีลูกพี่เป็นนักการใหญ่ของภาคอีสาน ซึ่งเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้เส้นสายของนักการเมือง จึงรู้ล่วงหน้าว่าหุ้นตัวใดจะขึ้นจะลงก็จะกว้านซื้อเพื่อทำกำไร ทำให้มีกำไรจากการเล่นหุ้นแต่ละครั้งจำนวนมาก เมื่อนายอุทัยและนางหวานเมืองไปฝากตัวเป็นลูกน้อง ลูกพี่ที่เป็นนักการเมืองใหญ่ที่กำลังประสบมรสุมทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ เปิดโอกาสให้นายอุทัยเข้าไปร่วมเล่นหุ้นด้วย

แต่นายอุทัยต้องช่วยดูแลฐานคะแนนเสียงในจังหวัดอีสานตอนล่างให้กับลูกพี่คนนั้นด้วย เมื่อได้รับคำบอกเล่าดังกล่าวทำให้นางลำพวนหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนเล่นหุ้นจนสูญเงินไปกว่า 340,000 บาท

ด้าน นางนิด (นามสมมติ) รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง กล่าวว่า รู้จักนายอุทัยมานานหลายปี โดยได้รับการแนะนำจากอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่ตนทำงานอยู่ ขณะนั้นนายอุทัยทำหน้าที่วิ่งเต้นขายสินค้าแบบขายตรง โดยผู้อำนวยการของตนนำเงินไปร่วมลงทุนด้วย เมื่อมีกำไรจากการขายสินค้าในแต่ละเดือน นายอุทัยก็นำกำไรมามอบให้เป็นประจำ จึงคิดหารายได้เสริม โดยนำเงินไปร่วมลงทุนกับธุรกิจขายตรงที่นายอุทัยทำอยู่

จนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา นายอุทัยบอกว่าลูกพี่ที่เป็นนักการเมืองใหญ่ในภาคอีสานชวนเข้าไปเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนดีมาก จึงได้มาชวนนางนิดให้นำเงินมาลงทุนด้วยกัน

นางนิต ที่ตกเป็นเหยื่อของ 2 ผัวเมียแสบเล่าต่อว่า ด้วยความเชื่อถือในตัวนายอุทัย จึงตัดสินใจซื้อหุ้นกับนายอุทัยครั้งแรกเป็นเงิน 400,000 บาท เมื่อได้รับเงินปันผลในรอบแรกประมาณ 40,000 บาทเศษ เห็นว่ามีรายได้เป็นกอบเป็นกำ จึงนำเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก และมียอดเงินซื้อหุ้นครั้งสุดท้ายรวม 1.6 ล้านบาท

ต่อมาทราบว่านายอุทัยและเมียได้หอบเงินของคนที่เข้ามาร่วมเล่นหุ้นหลบหนีไปแล้ว และขณะนี้นางนิดยังไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะต้องการรอดูผลการติดตามจับตัวนายอุทัยและเมียก่อน

นางนิดยังให้รายละเอียดอีกว่า นอกจากตนและชาวบ้านในอำเภอน้ำขุ่นถูกนายอุทัยและเมียต้มตุ๋นแล้ว ยังมีครู-อาจารย์ในอำเภอน้ำยืน อ.เดชอุดม อ.บุณฑริก อ.เมืองอุบลราชธานี อ.กันทรัลกษ์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ถูกหลอกอีกจำนวนมาก โดยหลายคนเป็นข้าราชการระดับผู้อำนวยการโรงเรียนที่ให้ความเชื่อถือนายอุทัยมาโดยตลอด และที่ซ้ำร้ายคือครู-อาจารย์บางคนไม่มีเงิน

แต่ต้องการร่วมซื้อหุ้นกับนายอุทัย เพื่อหวังผลตอบแทนจำนวนมาก ใช้เครดิตไปกู้หนี้ยืมสินนำมาร่วมลงทุนกับนายอุทัยด้วย สำหรับยอดเงินลงทุนในกลุ่มข้าราชการครูเท่าที่สอบถามมีตั้งแต่รายละ 100,000 บาท จนถึงรายละ 2,000,000 บาท

ด้านความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวนายอุทัยและนางหวานเมือง ร.ต.อ.สมคิด สิทธิศาสตร์ พงส.สบ.1 สภ.น้ำขุ่น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชีของ 2 ผัวเมียย้อนกลับไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา มีเส้นทางการเดินทางของเงินที่ผู้ต้องหาหลอกเอาจากผู้เสียหายไปอย่างไรบ้าง เพื่อตามหาเงินและหาผู้เกี่ยวข้องรายอื่นที่อาจเข้ามามีส่วนร่วมฉ้อโกงครั้งนี้


หลังเรื่องนี้ตกเป็นข่าว พล.ต.ต.พนมพร อิทธิประเสริฐ ผบก.ได้สั่งกำชับให้ชุดสืบสวนรีบตามจับตัว 2 ผัวเมียให้ได้เร็ว เพื่อตามหาเงินที่ถูกโกงไป โดยมีการกระจายชุดสืบสวนไปตามสถานที่ที่คาดว่าผู้ต้องหาใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว และคาดว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังวนเวียนอยู่ในภาคอีสาน ไม่ได้หลบหนีไปไกล

ขณะนี้มีผู้เสียหายที่ทราบเรื่องเริ่มทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมอีก 4 ราย คิดเป็นยอดเงินที่ถูกต้มตุ๋นไปอีกราว 5 ล้านบาท และผู้บังคับบัญชายังไม่มีคำสั่งให้ตั้งทีมสอบสวนเพิ่มเติม แต่หากมีผู้เสียหายมาแจ้งเพิ่มอีก อาจต้องให้พนักงานสอบสวนรายอื่นเข้ามาร่วมกันทำสำนวน เพื่อให้เกิดความกระชับและรวดเร็วในการเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น