xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านแห่แจ้งจับ 2 ผัวเมียตุ๋นชาวอุบลฯ เล่นหุ้นสูญ 50 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุบลราชธานี - สองผัวเมียอดีต ส.ส.สอบตก วางแผนแยบยลหลอกข้าราชการ-ชาวบ้านนับร้อย ร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สูญเงินกว่า 50 ล้านบาท ด้านตำรวจคาดมีการวางแผนโยกย้ายเงินอย่างดี เพราะตรวจบัญชีมีเงินเหลือค้างบัญชีไม่ถึงพันบาท

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานีว่า มีแก๊งต้มตุ๋นประชาชนให้นำเงินไปลงทุนเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีเหยื่อหลงเชื่อเป็นชาวบ้านและข้าราชการกว่า 100 ราย คิดเป็นยอดเงินที่ถูกหลอกไปกว่า 50 ล้านบาท จึงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า มีกลุ่มชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อกลุ่มแรกจำนวน 5 รายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สมคิด สิทธิศาสตร์ พงส.สบ.1 สภ.น้ำขุ่น ไว้แล้ว เมื่อบ่ายวันที่ 20 มี.ค. โดยมียอดความเสียหายจากการต้มตุ๋นในเบื้องต้นเป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท

หลัง ร.ต.อ.สมคิด สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานจากผู้เสียหายประกอบด้วยนางขาว ศรีสุราช อายุ 39 ปี นางลำพวน สังโขบล อายุ 40 ปี นายดอน พุฒซ้อน อายุ 61 ปี ทั้งหมดเป็นราษฎรใน อ.น้ำขุ่น และ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดต่อกัน ได้ความว่า คนที่มาหลอกลวงให้นำเงินมาร่วมลงทุนเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์คือ นายอุทัย คำสุข อายุ 38 ปี และนางหวานเมือง วรรณา อายุ 40 ปี สองผัวเมียชาวอำเภอน้ำขุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านและข้าราชการเป็นอย่างดี โดยอดีตนายอุทัยเคยเป็นสารวัตรกำนัน และนางหวานเมืองเคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่สอบตก

นางขาวเล่าว่าเป็นญาติกับนายอุทัย เมื่อประมาณเดือน ก.ค.2550 นายอุทัยได้มาพูดจาชักชวนให้ตนรวบรวมเงินไปลงทุนซื้อหุ้นในธุรกิจขายตรง และเข้าไปร่วมเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพราะจะได้ผลตอบแทนสูงคือ เมื่อซื้อหุ้นๆ ละ 20,000 บาท ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน จะได้รับเงินปันผลกลับมา 19,000 บาท หรือเกือบ 100% ของยอดจำนวนเงินที่ลงทุนไป โดยนายอุทัยจะนำเงินที่ผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนส่งคืนให้ผู้ลงทุนทุกๆ 15 วัน เป็นเงินงวดละ 4,750 บาทต่อหุ้น

ในการเริ่มลงทุนระยะแรกนายอุทัยได้นำเงินปันผลมาส่งมอบให้ ระหว่างนั้นก็จะพูดจากล่าวอ้างถึงคนที่ผู้ร่วมลงทุนรู้จักเป็นคนมีหน้ามีตาในอำเภอ และบางรายเป็นข้าราชการระดับผู้อำนวยการโรงเรียนว่าได้ร่วมลงทุนกับนายอุทัยและนางหวานเมืองคิดเป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท ทำให้ได้รับผลตอบแทนในแต่ละงวดสูงขึ้นเป็นลำดับ เมื่อนางขาวและกลุ่มชาวบ้านไปสอบถามบุคคลที่นายอุทัยกล่าวอ้าง ก็ยอมรับว่ามีการร่วมลงทุนกับนายอุทัยจริง ทำให้กลุ่มชาวบ้านเชื่อถือยอมนำเงินมาลงทุนเพิ่มเติม และบางรายไปชักชวนญาติพี่น้องที่สนิทสนมให้มาร่วมลงทุนด้วย

ด้านนายดอนที่ตกเป็นเหยื่ออีกรายหนึ่งกล่าวว่า ตนเองมีอาชีพทำนาปลูกข้าว ถูกนายอุทัยหลอกลวงให้ร่วมซื้อหุ้นเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 80,000 บาท โดยนายดอนซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่อราวเดือนพฤศจิกายนจำนวน 2 หุ้นเป็นเงิน 40,000 บาท เมื่อนายอุทัยนำเงินปันผลมาส่งมอบให้ครั้งแรกจำนวน 9,000 บาท ทำให้เกิดความเชื่อถือ จึงนำเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มอีก 40,000 บาท โดยเงินปันผลที่จะได้รับในงวดที่ 2 คือต้นเดือนมีนาคมศกนี้

ต่อมาปลายเดือนกุมภาพันธ์เริ่มพบความผิดปกติ เพราะผู้ร่วมเล่นหุ้นที่ต้องได้รับการปันผลในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่เห็นนายอุทัยนำเงินมอบให้ จึงโทรศัพท์สอบถามกันเป็นระยะ และวันที่ 3 มี.ค.ได้รับแจ้งจากเพื่อนสมาชิกว่า นายอุทัยและนางหวานเมืองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวไปดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ โดยไม่ทราบถูกดำเนินคดีในข้อหาใด

ต่อมาสมาชิกได้ติดตามไปสอบถามความคืบหน้าที่กองบังคับการตำรวจกองปราบปราม ก็ได้รับปฏิเสธไม่มีการจับกุม 2 ผัวเมียดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านเริ่มไหวตัวคิดว่าถูกสองผัวเมียหลอกต้มตุ๋นแล้ว จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความ สำหรับหมู่บ้านของนายดอนมีผู้เสียหายที่ถูกต้มตุ๋นไปจำนวน 15 ราย โดยรายที่มียอดเงินร่วมลงทุนสูงสุดคือ 300,000 บาทเศษ และน้อยที่สุดคือ 5,000 บาท

ร.ต.อ.สมคิด พนักงานสอบสวนกล่าวว่า หลังได้รับแจ้งความในเบื้องต้นได้ไปตรวจสอบบัญชีของนายอุทัย ซึ่งเปิดไว้กับธนาคารกรุงเทพฯ และกรุงไทย สาขา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มียอดเงินเหลือค้างในบัญชีรวมกันแล้วเพียง 735 บาท โดยพบการเคลื่อนไหวในบัญชีมีการนำเงินเข้าฝากแค่ 3 ครั้ง มียอดนำเข้าฝากมากที่สุดเพียง 20,000 บาท และผู้ฝากได้ทำการถอนเงินออกจากบัญชีไปในวันเดียวกัน

คาดว่าเมื่อ 2 ผัวเมียได้รับเงินจากชาวบ้านที่มาซื้อหุ้น ได้เก็บเงินสดไว้กับตัว หรืออาจนำฝากไว้ในบัญชีชื่ออื่น เพราะพบมีการตบแต่งหลักฐานทั้งในประวัติทะเบียนราษฎร โดยตามที่อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 3 ต.ไพบูลย์ อ.น้ำขุ่น มีชื่อนายอุทัย พักอาศัยอยู่คนเดียว เมื่อตรวจสอบชื่อนางหวานเมือง ผู้เป็นภรรยาไม่ปรากฏมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาเลข 13 หลัก เพื่อตรวจสอบว่านางหวานเมืองมีชื่อจริงชื่ออะไร และมีภูมิลำเนาพักอยู่ที่ใด เพราะผู้เสียหายทราบเพียงเป็นคนมาจากจังหวัดศรีสะเกษเท่านั้น

สำหรับยอดความเสียหายตามที่มีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ขณะนี้ประมาณ 3 ล้านบาท แต่ยังมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่เข้ามาพบพนักงานสอบสวน แต่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามความคืบหน้า เพราะบางรายเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รับราชการอยู่ในหลายอำเภอ และแต่ละรายเข้าร่วมลงทุนกับนายอุทัยเป็นเงินคนละหลายล้านบาท คาดว่าอาจมียอดความเสียหายจากการต้มตุ๋นครั้งนี้จำนวนหลายสิบล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น