ผู้จัดการ -พบหมู่บ้านในหนองบัวลำภู สูญเงินค่าเหล้าเฉียดล้าน ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเด็กๆ ในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมจับกลุ่ม ตั้งวงกิน-ดื่ม หวั่นเป็นปัญหาลุกลาม เตรียมเร่งออกมาตรการแก้ปัญหา
นายสุกัน พาอยู่สุข หัวหน้าโครงการวิจัย “การแก้ไขปัญหากลุ่มเยาวชนที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู” ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของทีมวิจัยที่ประกอบด้วยชาวบ้านและกลุ่มเด็กๆ ในชุมชน ที่ได้ทำการสำรวจรายได้จากการขายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยแยกเป็น เหล้าขาว, เหล้าแดง, เบียร์ และไวน์ พบว่า
ในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ทั้ง 5 หมู่บ้าน สูญเงินค่าเหล้าเป็นเงิน 695,684 บาท โดยแยกเป็นค่าเหล้าขาว 267,792 บาท เหล้าแดง 89,254 เบียร์ 336,922 และไวน์ 1,716 บาท
ทั้งนี้ สาเหตุของการลงพื้นที่เพื่อสำรวจรายจ่ายที่เกิดจากเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ภายใต้โครงการวิจัย “การแก้ไขปัญหากลุ่มเยาวชนที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์” ตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ของชาวบ้านในตำบลหนองภัยศูนย์ มีสาเหตุมาจากผู้ปกครองต่างห่วงใยในสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของบุตรหลาน ที่มักมารวมกลุ่มกันดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ในเวลาหลังเลิกเรียน
“ส่วนมากเด็กๆ จะออกมารวมกลุ่มกันหลังเลิกเรียน บางคนสูบบุหรี่ บางครั้งก็ออกไปซื้อเหล้าขาวมากินกันอย่างสนุกสนาน เอะอะโวยวาย ชาวบ้านเห็นว่า เด็กๆ ตั้งวงกินเหล้าสูบบุหรี่โดยไม่ได้มีความสำนึกถึงโทษภัยอันตราย ทั้งที่อยู่ในวัยเรียนซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่เหมาะสม จึงมาคุยกันเพื่อหาแนวทางในการแก่ไขปัญหา เพราะเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นลูกหลานของพวกเรา เป็นอนาคตของหมู่บ้าน และเป็นอนาคตของประเทศชาติ” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าว
สำหรับโครงการวิจัยชิ้นดังกล่าวกำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มน้ำเมาของเด็กวัยรุ่น อายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งศึกษาแนวทาง และวิธีการจัดการกับปัญหาแบบมีส่วนร่วมของพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์เด็กในกลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันด้านยาเสพติดให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์
หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดที่เก็บโดย
ทีมวิจัยชาวบ้าน พบว่า ในตำบลหนองภัยศูนย์มีเด็กและเยาวชนในหมู่บ้าน 944 คน อายุระหว่าง 10-25 ปี แบ่งเป็น ชาย 466 คน หญิง 478 คน ในจำนวนนี้มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่ทั้งดื่มและสูบบุหรี่ 96 คน โดย 1 ในนี้เป็นเด็กผู้หญิง 1 คน
“เมื่อดูตัวเลขอาจจะเห็นว่ามีเด็กทั้งสูบและดื่มไม่ถึง 100 คน แม้เทียบสัดส่วนอาจมีไม่มาก แต่ผมมองว่า เด็กเกือบ 100 คนเป็นลูกเป็นหลานของพวกเรา เพราะฉะนั้นหากปล่อยให้กินเหล้า และสูบบุหรี่ หลงไปกับอบายมุข อนาคตของหมู่บ้านเราจะเป็นอย่างไร” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวก่อนระบุสาเหตุของการดื่มกินของเด็กๆ
จากแบบสอบถาม และจากการพูดคุย ทีมวิจัยได้สรุปสาเหตุของการดื่มน้ำเมาออกได้ 3 สาเหตุ คือ อยากลอง 54.35% ดื่มเพราะความเท่ 16.30% ดื่มเลียนแบบผู้ใหญ่ 7.61% สำหรับช่วงอายุครั้งแรกที่เริ่มดื่มอายุระหว่าง 10-12 ปี 29.35% และอายุระหว่าง 13-18 ปี 54.35% และเมื่อแยกชนิดของน้ำเมาที่เริ่มดื่มครั้งแรก 64.13% เป็นเหล้าขาว และรองลงมาคือ เบียร์ 22.83% สำหรับเงินที่นำมาซื้อเหล้าและเบียร์ ส่วนมากจะได้มาจากการขอพ่อแม่ 42.39% จากการทำงาน 36.96%
ในส่วนของการแก้ไขปัญหานั้น ทีมวิจัยจะนำเอาข้อมูลที่ทำการสรุปและผ่านการวิเคราะห์แล้วเสนอต่อคนทั้งชุมชนด้วยการเปิดเวทีชาวบ้าน ซึ่งจะเป็นเวทีคืนข้อมูลให้แก่ชุมชนแบบทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อหาทางออกอของปัญหาร่วมกัน
“ข้อมูลทั้งหมดจะนำไปสู่การผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณะในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ ได้แก่ การออกมาตรการในขายเหล้าและบุหรี่ให้เด็กและเยาวชน การวางมาตรการให้ร้านค้าในพื้นที่เปิดขายเป็นเวลา การดูแลบุตรหลานของพ่อแม่ การส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความรักความอบอุ่น” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวทิ้งท้าย
นายสุกัน พาอยู่สุข หัวหน้าโครงการวิจัย “การแก้ไขปัญหากลุ่มเยาวชนที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู” ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลของทีมวิจัยที่ประกอบด้วยชาวบ้านและกลุ่มเด็กๆ ในชุมชน ที่ได้ทำการสำรวจรายได้จากการขายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โดยแยกเป็น เหล้าขาว, เหล้าแดง, เบียร์ และไวน์ พบว่า
ในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ทั้ง 5 หมู่บ้าน สูญเงินค่าเหล้าเป็นเงิน 695,684 บาท โดยแยกเป็นค่าเหล้าขาว 267,792 บาท เหล้าแดง 89,254 เบียร์ 336,922 และไวน์ 1,716 บาท
ทั้งนี้ สาเหตุของการลงพื้นที่เพื่อสำรวจรายจ่ายที่เกิดจากเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ภายใต้โครงการวิจัย “การแก้ไขปัญหากลุ่มเยาวชนที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์” ตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ของชาวบ้านในตำบลหนองภัยศูนย์ มีสาเหตุมาจากผู้ปกครองต่างห่วงใยในสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของบุตรหลาน ที่มักมารวมกลุ่มกันดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ในเวลาหลังเลิกเรียน
“ส่วนมากเด็กๆ จะออกมารวมกลุ่มกันหลังเลิกเรียน บางคนสูบบุหรี่ บางครั้งก็ออกไปซื้อเหล้าขาวมากินกันอย่างสนุกสนาน เอะอะโวยวาย ชาวบ้านเห็นว่า เด็กๆ ตั้งวงกินเหล้าสูบบุหรี่โดยไม่ได้มีความสำนึกถึงโทษภัยอันตราย ทั้งที่อยู่ในวัยเรียนซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่เหมาะสม จึงมาคุยกันเพื่อหาแนวทางในการแก่ไขปัญหา เพราะเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นลูกหลานของพวกเรา เป็นอนาคตของหมู่บ้าน และเป็นอนาคตของประเทศชาติ” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าว
สำหรับโครงการวิจัยชิ้นดังกล่าวกำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มน้ำเมาของเด็กวัยรุ่น อายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งศึกษาแนวทาง และวิธีการจัดการกับปัญหาแบบมีส่วนร่วมของพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์เด็กในกลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันด้านยาเสพติดให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์
หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดที่เก็บโดย
ทีมวิจัยชาวบ้าน พบว่า ในตำบลหนองภัยศูนย์มีเด็กและเยาวชนในหมู่บ้าน 944 คน อายุระหว่าง 10-25 ปี แบ่งเป็น ชาย 466 คน หญิง 478 คน ในจำนวนนี้มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่ทั้งดื่มและสูบบุหรี่ 96 คน โดย 1 ในนี้เป็นเด็กผู้หญิง 1 คน
“เมื่อดูตัวเลขอาจจะเห็นว่ามีเด็กทั้งสูบและดื่มไม่ถึง 100 คน แม้เทียบสัดส่วนอาจมีไม่มาก แต่ผมมองว่า เด็กเกือบ 100 คนเป็นลูกเป็นหลานของพวกเรา เพราะฉะนั้นหากปล่อยให้กินเหล้า และสูบบุหรี่ หลงไปกับอบายมุข อนาคตของหมู่บ้านเราจะเป็นอย่างไร” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวก่อนระบุสาเหตุของการดื่มกินของเด็กๆ
จากแบบสอบถาม และจากการพูดคุย ทีมวิจัยได้สรุปสาเหตุของการดื่มน้ำเมาออกได้ 3 สาเหตุ คือ อยากลอง 54.35% ดื่มเพราะความเท่ 16.30% ดื่มเลียนแบบผู้ใหญ่ 7.61% สำหรับช่วงอายุครั้งแรกที่เริ่มดื่มอายุระหว่าง 10-12 ปี 29.35% และอายุระหว่าง 13-18 ปี 54.35% และเมื่อแยกชนิดของน้ำเมาที่เริ่มดื่มครั้งแรก 64.13% เป็นเหล้าขาว และรองลงมาคือ เบียร์ 22.83% สำหรับเงินที่นำมาซื้อเหล้าและเบียร์ ส่วนมากจะได้มาจากการขอพ่อแม่ 42.39% จากการทำงาน 36.96%
ในส่วนของการแก้ไขปัญหานั้น ทีมวิจัยจะนำเอาข้อมูลที่ทำการสรุปและผ่านการวิเคราะห์แล้วเสนอต่อคนทั้งชุมชนด้วยการเปิดเวทีชาวบ้าน ซึ่งจะเป็นเวทีคืนข้อมูลให้แก่ชุมชนแบบทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อหาทางออกอของปัญหาร่วมกัน
“ข้อมูลทั้งหมดจะนำไปสู่การผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณะในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ ได้แก่ การออกมาตรการในขายเหล้าและบุหรี่ให้เด็กและเยาวชน การวางมาตรการให้ร้านค้าในพื้นที่เปิดขายเป็นเวลา การดูแลบุตรหลานของพ่อแม่ การส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความรักความอบอุ่น” หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวทิ้งท้าย