นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว ร่วมกับนายไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ว่า ในศตวรรษที่ 20 มีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่และยาสูบทั่วโลก 100 ล้านคน และหากว่าค่านิยมดังกล่าวยังดำเนินต่อไป อัตราผู้เสียชีวิตอาจพุ่งขึ้นถึง 1,000 ล้านคน ในศตวรรษที่ 21 ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับยาสูบแต่ไม่ได้รับการตรวจจะเพิ่มขึ้นปีละกว่า 8 ล้านคน ภายในปี 2573 โดยร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตจะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา
นางชาน ระบุว่า ประเทศต่างๆ จะต้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามการสูบบุหรี่ให้มากกว่านี้ โดยแนะ 6 มาตรการ ได้แก่ ใช้นโยบายควบคุมและป้องกันการสูบบุหรี่และยาสูบ ป้องกันประชาชนจากการสูบบุหรี่ ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการเลิกสูบบุหรี่ กระตุ้นเตือนถึงพิษภัยของบุหรี่ บังคับใช้กฎหมายห้ามโฆษณาและส่งเสริมการสูบบุหรี่ รวมทั้งปรับขึ้นภาษีกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ตามรายงานระบุว่า เกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนผู้สูบบุหรี่ในโลกอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ตุรกี บังกลาเทศ บราซิล ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รัสเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งมีอัตราผู้สูบบุหรี่สูงสุดเกือบร้อยละ 30 ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก โดยประเทศส่วนใหญ่มีอัตราผู้สูบบุหรี่ในประชาชนที่มีรายได้น้อยมากกว่าประชาชนที่มีรายได้มาก ตามรายงานชี้ชัดว่า แต่ละปี คนทั่วโลกเสียค่าใช้จ่ายไปกับบุหรี่นับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในสหรัฐประเทศเดียว มีความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3 ล้านล้านบาท)
นางชาน ระบุว่า ประเทศต่างๆ จะต้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามการสูบบุหรี่ให้มากกว่านี้ โดยแนะ 6 มาตรการ ได้แก่ ใช้นโยบายควบคุมและป้องกันการสูบบุหรี่และยาสูบ ป้องกันประชาชนจากการสูบบุหรี่ ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการเลิกสูบบุหรี่ กระตุ้นเตือนถึงพิษภัยของบุหรี่ บังคับใช้กฎหมายห้ามโฆษณาและส่งเสริมการสูบบุหรี่ รวมทั้งปรับขึ้นภาษีกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ตามรายงานระบุว่า เกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนผู้สูบบุหรี่ในโลกอยู่ใน 10 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ตุรกี บังกลาเทศ บราซิล ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รัสเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งมีอัตราผู้สูบบุหรี่สูงสุดเกือบร้อยละ 30 ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก โดยประเทศส่วนใหญ่มีอัตราผู้สูบบุหรี่ในประชาชนที่มีรายได้น้อยมากกว่าประชาชนที่มีรายได้มาก ตามรายงานชี้ชัดว่า แต่ละปี คนทั่วโลกเสียค่าใช้จ่ายไปกับบุหรี่นับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในสหรัฐประเทศเดียว มีความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3 ล้านล้านบาท)