“บัญชีบริจาคน้ำท่วม” ถูกธนาคารระงับ!! เหตุเพราะยอดโอนเข้ามามากเกินไป ส่งให้ผู้คนคาใจ ภาวะวิกฤตแบบนี้ องค์กรการเงินของประเทศช่วยยกเว้น “ระบบตรวจสอบ” และอำนวยความสะดวกได้แค่ไหน? กูรูแนะทริกเลี่ยง “บัญชีถูกระงับ” พร้อมเลี่ยงความซวยจาก “ภาษีย้อนหลัง”
**ระบบล่ม VS ระบบตรวจสอบ “บัญชีม้า”**
เอาจริงดิ!!? “บัญชี” รับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยของ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)” เลขบัญชี "565-471106-1" ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี "สงขลานครินทร์เพื่อผู้ประสบภัย" โดน “ระงับชั่วคราว” เหตุเพราะมีการโอน “จำนวนมาก”
เรื่องนี้ทำเอาชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตว่า นี่อาจเกิดจาก “ระบบตรวจสอบ” น่าจะคิดว่าเป็น “บัญชีม้า” เลยมีการระงับ จนนำมาสู่คำถามที่ว่า ระบบของธนาคารแยกไม่ออกจริงๆ เหรอ เพราะหากเห็น “ชื่อบัญชี” ก็น่าจะรู้ว่า มันเป็นเงินที่คนหลายคนรวมใจกัน บริจาคช่วยน้ำท่วม ไม่ใช่บัญชีม้า
ทางทีมข่าวจึงได้ขอให้ “ดร.ปริญญา หอมเอนก” ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ มาช่วยวิเคราะห์ จนได้คำตอบว่า “ระบบคอมพิวเตอร์ มันไม่รู้หรอก ว่าอันนี้จริง อันนี้ปลอม”
เพราะแค่ “ชื่อบัญชี”ไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นของจริง หรือบัญชีม้า การเปิดบัญชีแล้วตั้งชื่อว่า บริจาคช่วยภัยพิบัติ “ใครก็ตั้งได้” ไม่ว่าจะในนาม “บุคคล”หรือ “นิติบุคคล”หากเอกสารหลักฐานครบ ก็เปิดได้
โดย “บัญชีม้า” ในปัจจุบันเอง มีหลายรูปแบบ แม้แต่ “บัญชีม้า” ในรูปแบบ “นิติบุคคล”ที่มาเปิดบัญชีในนามบริษัทก็มี ดังนั้น เมื่อระบบเห็นว่า มียอดเงินที่ “น่าสงสัย”ไหลเวียนเข้ามา การ “ระงับชั่วคราว” ก็เป็นเรื่องปกติ
จึง “อาจเป็นไปได้”เมื่อระบบเห็นการโอนเงิน-เข้าออกจำนวนมากๆ หลายๆ ครั้ง ในบัญชีรับบริจาค แล้วสั่ง “ระงับชั่วคราว”เอาไว้ก่อน ซึ่งกูรูมองว่าเป็นเรื่อง “ปกติ”
ถือเป็น “ขั้นตอนมาตรฐาน”เพื่อป้องกันความเสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีพฤติกรรมย้ายเงินผ่านบัญชีม้า แต่ก็เข้าใจที่คนวิจารณ์ เพราะมันดันเกิดในวิกฤตน้ำท่วม
“ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว คือมันโอนกันรัวๆ ปุ๊บเนี่ย คุณหยุดไว้ก่อน แต่โซเชียลฯ มันแรง พอโดนปุ๊บ ก็โวยวายกันแล้ว ขณะที่เขารีบถอนให้ ต้องใจเย็นๆ แต่ว่าผมเข้าใจ คือมันเดือดร้อนไง น้ำท่วมคนจะช่วย ก็ช่วยไม่ได้”
{“ดร.ปริญญา” กูรูด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์}
แต่ในอีกมุม กูรูรายเดิมยังมองว่า อาจไม่ใช่การระงับ ซึ่งเป็นผลมาจากการตรวจสอบบัญชี แต่อาจเป็นแค่ “ระบบล่ม” ปกติทั่วไป
สอดคล้องกับมุมมองของ “รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่วิเคราะห์ว่า อาจเป็น “ปัญหาด้านเทคนิค”
ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะในธุรกิจ หรือแพลตฟอร์มไหนก็ตาม เวลามีคนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ระบบก็มักจะ “ล่ม” ขึ้นมา
“กรณีที่เกิดขึ้นเนี่ย ก็อาจจะเป็นการติดขัดชั่วคราวแค่นั้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มันก็เกิดขึ้นได้ในทุกๆ การให้บริการของธุรกิจ หรือสถาบันการเงิน”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “สมาคมธนาคารไทย”ช่วยยืนยันกับเราว่า เคสที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากมาตรการป้องกัน “บัญชีม้า” แต่เป็นเพราะเจ้าของบัญชี เลือกใช้ “บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป”ในการรับบริจาค
ส่งผลให้สุดท้าย เกิด “ข้อจำกัด”ในการโอนเกิดขึ้น เมื่อมีการทำธุรกรรมจำนวนมากเข้ามาพร้อมกัน จนกลายเป็นภาพอย่างที่เห็น
ตรงกับคำอธิบายของ “ธนาคารไทยพาณิชย์”ที่ระบุเกี่ยวกับปัญหานี้เอาไว้ กับ “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)”ว่า เนื่องจากบัญชีเดิมเป็น “บัญชีออมทรัพย์” ธนาคารจึงช่วยเปลี่ยนเป็น “บัญชีกระแสรายวัน”จนทำให้บัญชีดังกล่าว กลับมาใช้งานได้ตามปกติได้ในที่สุด
{“รศ.ดร.อนุสรณ์” ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์}
** ระบบที่ยังหา “ความพอดี” ไม่เจอ**
ด้วยอุปสรรคของระบบธนาคาร ที่ไม่ช่วยหนุนขั้นตอนการบริจาคในช่วงวิกฤตเท่าที่ควร คนในสังคมจึงรุมถามไปในทิศทางเดียวกันว่า ธนาคารควรปรับปรุงระบบการตรวจ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติบ้างดีไหม?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ดร.ปริญญา” คอนเฟิร์มไว้ให้ว่าจริงๆ แล้วทางธนาคารมีระบบเช็กอยู่ระดับนึงว่า บัญชีไหนเป็นบัญชีรับบริจาค ไม่งั้นเราคงเห็นเหล่าบัญชีมูลนิธิโดนระงับกันหมด
เพียงแต่เคสนี้ อาจมีการทำธุรกรรมจำนวนมากเกินไปหน่อย จนระบบมองว่าผิดปกติ
ดังนั้น ธนาคารอาจต้องมี “ข้อยกเว้น” หรือ“ระบบรีเช็ก” สำหรับบัญชีที่มีหลักฐานชัดเจน ที่ยืนยันได้แล้วจริงๆ ว่า นี่คือ “บัญชีบริจาคสำหรับภัยพิบัติฉุกเฉิน” ป้องกันระบบอัตโนมัติ “สั่งระงับบัญชีชั่วคราว”
“มันโอนออกรัวๆ โอนเข้ารัวๆ เนี่ย กลไกการตรวจสอบ คุณจะยกเว้นให้บัญชีนี้ไหม? นี่คือคำถาม”
ยังไงก็ตาม จุดนี้คือเรื่องที่ต้องหา “ตรงกลาง” ให้เจอ เพราะถ้าอยู่ในช่วงที่กำลังวิกฤต แล้ว “ตรวจเข้มเกินไป” ก็จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการช่วยเหลือ
แต่ถ้า “ตรวจอ่อนเกินไป” ปล่อยผ่านทุกบัญชี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นการบริจาค ก็อาจกลายเป็น “ช่องโหว่” ที่จะให้บัญชีพวกนี้ คือช่องทางฟอกเงิน หรือทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายได้
“เพราะงั้น มันต้องพบกันครึ่งทาง พบกันตรงกลาง ซึ่งมันต้องจูนกัน แป๊บนึง”
ด้าน “สมาคมธนาคารไทย” เอง ก็บอกเหมือนกันว่า แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นปัญหาด้านเทคนิค ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า แต่ตอนนี้ ภาคธนาคารยังคงพัฒนา “การตรวจสอบธุรกรรม” อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการน้อยที่สุด
อีกเรื่องที่ควรต้องระมัดระวัง เกี่ยวกับการ “เปิดบัญชีเพื่อรับบริจาค”จากภาคประชาชน คือเรื่อง “ภาษี”
โดยเฉพาะคนที่ใช้ “บัญชีส่วนตัว” หรือ “บัญชีบุคคลธรรมดา”มาเปิดรับบริจาค เพราะ “เงิน”ที่เข้ามา จะถือว่าเป็น “รายได้”ซึ่ง “ไม่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษี”เหมือนกับกรณีมูลนิธิ
ดังนั้น ใครที่อยากช่วยระดมเงิน เปิดบัญชีบริจาค ช่วยผู้ประสบภัย แบบถูกต้อง ไม่ต้องเสี่ยงโดนภาษีย้อนหลัง หรือไม่อยากเจอระบบล่ม ควรทำตามขั้นตอนนี้
1.“เปิดบัญชีใหม่”ตั้งชื่อให้ชัดเจนว่า เป็นการบริจาคเพื่ออะไร หรือเคสไหน เพราะนอกจากจะทำให้จัดการเรื่องยอดเงิน เข้า-ออกได้ง่ายแล้ว ยังเป็นการแสดงความโปร่งใส่ในตัวด้วย
2. “กำหนดระยะเวลา” หรือ “ยอด” ที่ต้องการที่แน่ชัด จากนั้นก็ “ปิดบัญชี”ทันที เมื่อหยุดรับบริจาค แบบนี้จะทำให้รู้และควบคุมยอดเงินบริจาคได้อย่างชัดเจน
และ 3. “เก็บหลักฐาน”ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้สามารถพิสูจน์ได้ว่า เงินทุกบาทที่บริจาคมา ถูกใช้ไปตามวัตถุประสงค์ที่เปิดรับบริจาค ให้เห็นว่า “เงินเข้า” เท่ากับ “เงินออก”
ข้อสุดท้ายนี้สำคัญมากๆ ถ้าไม่อยากโดน “ภาษีย้อนหลัง”ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เงินที่เข้ามานี้ “ไม่ใช่รายได้” และเจ้าของบัญชี “ไม่ได้ประโยชน์”จากเงินตรงนี้
{เปิดบัญชีรับบริจาค ระวังถูกหางเลข “ภาษีย้อนหลัง”}
โดย “สมาคมธนาคารไทย” ช่วยแนะเพิ่มไว้ว่า การบัญชีบริจาคควรเลือกเป็นแบบที่สามารถรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากได้ เช่น “บัญชีกระแสรายวัน”
เพราะเป็นบัญชีประเภทที่ถูกออกแบบมา เพื่อรองรับธุรกรรมประเภทนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว หรือถ้าไม่มั่นใจในข้อมูล หรือมีข้อสงสัยในการเปิดบัญชี ก็สามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อให้เขาแนะนำได้เลย
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณข้อมูล : aommoney.com
ขอบคุณภาพ : Facebook “Weerapong Narongkul”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


