xs
xsm
sm
md
lg

เปิด “มุมลับประวัติศาสตร์แห่งเกาะรัตนโกสินทร์” ผ่าน 4 สถานที่อันซีน 5 แลนด์มาร์กห้ามพลาด!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เผยเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ “รอบเกาะรัตนโกสินทร์” ที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานานหลายศตวรรษ ชี้ “4 สุดยอดสถานที่” จุดประกายไอเดีย พร้อมแนะ 5 แลนด์มาร์กที่ขาเที่ยวไม่ควรพลาด


 ** เกร็ดประวัติศาสตร์ กับความลับที่ต้องเล่า!! **

[แผนที่เกาะรัตนโกสินทร์]
“ที่ผ่านมาเจอคนถามบ่อยมากว่า เที่ยวที่ไหนได้บ้าง ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่าเป็นวัดโพธิ์ วัดพระแก้ว มันก็เดิมๆ และส่วนใหญ่คนรู้หมดแล้ว เราก็รู้ หรือดูในโบรชัวร์เขาก็รู้อยู่แล้ว”

“ซองทิพย์ เสริมสวัสดิ์ศรี” รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและกิจกรรม มิวเซียมสยาม บอกเล่าถึงแรงผลักสำคัญที่ทำให้แม่งานอย่างเธอ จัดเทศกาลศิลปะ “เปิดเกาะรัตนโกสินทร์” ครั้งประวัติศาสตร์นี้

ยิ่งลงพื้นที่ไปเดิมตามตรอกซอกซอย ก็ยิ่งเจอหลายมุมที่ไม่เคยถูกหยิบมาพูดถึงความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร สถานที่ บ้านเรือน รวมถึงเรื่องที่ถูกเล่าต่อกันมาภายในครอบครัว ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตึกรามบ้านช่องด้วย

[“ซองทิพย์” รักษาการผอ. ฝ่ายนิทรรศการฯ มิวเซียมสยาม]
“เราได้รับฟังจากฐานะของการเป็นเพื่อนกัน เลยงงว่าทำไมเรื่องนี้ไม่ถูกเล่าต่อไปข้างนอก คือคนภายในครอบครัวรู้สึกว่า มันไม่มีอะไรน่าสำคัญหรอก แต่เขาไม่รู้หรอกว่า เราในฐานะคนที่ทำงานด้านประวัติศาสตร์พิพิธภัณฑ์ เรารู้สึกว่า ถ้ามันถูกหยิบเล่า มันคือเกร็ดประวัติศาสตร์

สิ่งที่น่าสนใจคือ แถวนี้ถือว่าเป็นย่านเก่าแก่ มีความสำคัญโดยเฉพาะเสน่ห์ของตึกต่างๆ และพิพิธภัณฑ์สุดแนวแห่งนี้ก็ทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และตั้งอยู่บนเกาะรัตนโกสินทร์ แต่ก็ถือว่ามีความสมัยใหม่และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีบทบาทเยอะ ดังนั้นเธอจึงอยากทำให้งานในครั้งนี้ออกมาแบบที่ไม่หลุดตัวตน

[วัดพระแก้ว]
“เรารู้จักหลายๆ คนที่อยู่ในเกาะรัตนโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้วยกัน พิพิธภัณฑ์ คนทำงานหรือมหาวิทยาลัย เขาเคยคุยกันว่า น่าจะมีหน่วยงานหรือองค์กรอะไรที่เป็นแกนกลาง ในการร่วมมือกันจัดงาน เหมือนภาครัฐและเอกชน แต่ไม่มีแกนตรงกลาง

เราก็เลยอุปโลกน์ตัวเอง เพราะอย่างที่หนึ่ง เราเป็นองค์กรภาครัฐ และหน้าที่หลักคือทำพิพิธภัณฑ์ด้วย คือทำเรื่องส่งเสริมการเรียนรู้ให้คนเข้าพิพิธภัณฑ์ เราเลยคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว

พอทำงานมาระยะเวลาหนึ่ง เรามีเครือข่ายพิพิธภัณฑ์หลายแขนง ประจวบเหมาะกับรถไฟฟ้า(สถานีสนามไชย) ขึ้นหน้าบ้านพอดี และเป็นที่แรกที่คนจะเข้าถึงเวลาจะมาเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์

[วัดสุทัศนเทพวราราม]
สำหรับเทศกาลศิลปะ “เปิดเกาะรัตนโกสินทร์ Cultural District 2021” จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ “ประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์” ให้เป็นแหล่งเรียนรู้หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีค่าอีกครั้ง เพื่อสร้างสรรค์โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกาะรัตนโกสินทร์ ผ่านงานศิลปะที่หลากหลาย

ให้คนในพื้นที่เห็นคุณค่าพื้นที่ตัวเองและรู้สึกภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เอื้อต่อกิจการตัวเองในอนาคต และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิด “ติดเกาะ กับตึกเก่า”ที่ถูกหยิบมาจัดแสดงครั้งล่าสุดนี้


** “4 แห่งอันซีน” จุดกำเนิดไอเดีย **
แน่นอนว่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเนื้อหานี้ ย่อมไม่ใช่แลนด์มาร์กยอดฮิตที่ผู้คนจดจำได้จนชินตา เพราะสถานที่เหล่านี้ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน และนี่คือ “4 สถานที่สุดอันซีน” ที่กูรูด้านประวัติศาสตร์รายเดิมอยากบอกต่อ ให้ผู้คนได้รับรู้มากที่สุด

1.ร้านชาอ๋องอิวกี่

[ร้านชาอ๋องอิวกี่ | ขอบคุณภาพ : https://onceinlife.co/ouang-ewe-kee-tea-house]
คือร้านชาร้านแรกๆ ของประเทศไทย ซึ่งนำเข้าวัตถุดิบจากเมืองจีน ตั้งอยู่สี่แยกเสาชิงช้า มีมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เข้ารัชกาลที่ ๗ ซึ่งแต่ก่อนเป็นชาที่คนในวังนิยมซื้อ โดยมีบันทึกไว้ว่า ตำหนักนี้ใช้ชาอะไร คนที่มาซื้อเป็นใคร และนั่งรถมายังไง

โดยจากประวัติศาสตร์ตามโฉนดที่ดินบอกไว้ว่า เจ้าของคือรัชกาลที่ ๕ และเมื่อย้อนกลับไปมองหลักฐานจะพบว่า มีกาพย์เห่เครื่องคาวหวานที่ท่อนหนึ่งพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับชา ซึ่งเป็นชาจากร้านนี้นั่นเอง แต่เพราะถูกเล่าเฉพาะภายในครอบครัว และคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องเล่าต่อ จึงไม่มีคนรู้จักมากนัก

เหตุผลอีกข้อที่ทำให้ธุรกิจอย่างชาจีนไม่เป็นที่พูดถึงมากนักในยุคหลังๆ คือ เด็กรุ่นใหม่กินชาไข่มุก จะมีก็แต่คนเก่าๆ ที่กลับมาซื้อ ส่งผลให้ธุรกิจเริ่มซบเซา และการที่ได้หยิบยกเรื่องนี้มาทำงาน ก็หวังว่าจะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจดั้งเดิมให้ฟื้นตัว และเป็นที่รู้จักได้อีกครั้ง

2.โรงหนังควีนส์

[โรงหนังควีนส์ | ขอบคุณภาพ : pinterest P.Loha]
คือโรงหนังแห่งแรกๆ ของไทย แต่ปัจจุบันกลายเป็นที่จอดรถ หากไม่สังเกตจริงๆ คงไม่รู้ แต่สิ่งที่กูรูด้านประวัติศาสตร์เอะใจคือ รางผ้าม่านที่ซ้อนกันเป็นตับ จึงลองเดินออกมาดูจนได้คิดออกว่าเป็นโรงหนังเก่า

เมื่อได้พูดคุยกับผู้จัดการเก่าของที่นี่จึงได้รับการคอนเฟิร์มให้มั่นใจอีกครั้งว่า นี่คือ “โรงหนังควีนส์” ส่วนรางผ้าม่านที่เห็นนั้นคือ ม่านเอาไว้คั่นแต่ละรายการแสดงก่อนหนังเริ่ม เช่น มหรสพตลกหน้าม่าน, วงดนตรีเล่นคอนเสิร์ตเต็มวง ซึ่งจะหยิบมาโชว์ก่อนจะเริ่มโหมโรงในสมัยนั้น

ส่วนกิมมิกเฉพาะตัวของที่นี่คือ เวลานั่งดูหนังจะมีกลิ่นหอมออกมาจนเป็นที่เลื่องลือ ต้นเหตุมาจากที่นี่โด่งดังเรื่องหนังแขก “ไม่ใช่อะไรหรอก เวลามีหนังแขก แขกก็จะเข้ามาดูแล้วมันเหม็น” ซึ่งแม้แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็เคยเสด็จมาที่นี่แล้ว

3.วังของราชสกุลทองใหญ่


คือบ้านขุนนางที่ทำกิจการหรือคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน เป็นวังเก่าแก่ที่มีสภาพเสื่อมโทรม เพราะรัชกาลที่ ๖ ไม่ได้พระราชทานโฉนดที่ดินไว้ให้แก่ราชสกุลทองใหญ่ วังแห่งนี้จึงยังถือเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่มีการซ่อมแซม มีเพียงทายาทของวังบางคนที่ยังอาศัยอยู่

ด้วยลักษณะบ้านที่เป็นไม้สักหลังใหญ่ รวมถึงสไตล์การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ ในตอนที่ลงพื้นที่และไปพบเจอเข้า
ซองทิพย์จึงคิดว่าไม่ใช่บ้านคนธรรมดาทั่วไป เมื่อถามเพิ่มเติมยิ่งทำให้มั่นใจ หลังพบว่ามีพนักงานละแวกนั้นเป็นหนึ่งในทายาทของวังนี้

ส่วนวังแห่งนี้เป็นต้นราชสกุลทองใหญ่ มีศักดิ์เป็นโอรสของรัชกาลที่ ๔ และเป็นเจ้ากลุ่มแรกๆ ที่ทำงานรับใช้ชาติ เมื่อทายาทของวังยอมเปิดประตูพาชม รองผอ. ฝ่ายนิทรรศการมิวเซียมสยาม จึงพบเข้ากับ “เตียงแห่งประวัติศาสตร์”

คือ เตียงที่ทำด้วยหวายถักขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ตรงกลาง วษ.พระพันวษา ซึ่งสมเด็จย่าของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นผู้พระราชทานให้แก่เจ้าของวัง แต่ตอนนี้ถูกทิ้งไว้ไม่ได้รับการซ่อมแซม เพราะเห็นว่าไม่ใช่สมบัติของตระกูลนั่นเอง

4.โบสถ์คริสต์ในวัดบวรนิเวศวิหาร

[โบสถ์คริสต์ในวัดบวรนิเวศวิหาร | ขอบคุณภาพ : museumthailand.com]
สถานที่สุดอันซีนสุดท้ายที่กูรูด้านประวัติศาสตร์เอ่ยถึง ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนน่าประหลาดใจ คือมีโบสถ์คริสต์ที่ตั้งอยู่ในใจกลางวัดไทยแห่งนี้ โดยครั้งแรกที่ได้ลองเดินเข้าไปสำรวจดูด้านใน และพิจารณาจากสิ่งก่อสร้าง สไตล์การตกแต่งต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ ก็ทำให้สมมติฐานที่ตั้งไว้ว่า ต้องเป็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่า ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

โดยเฉพาะเก้าอี้ที่ใช้นั่งซึ่งเป็นไม้ยาวๆ มีพนักพิง ที่ตั้งเรียงกันเป็นแถวตอนลึก ที่ช่วยทำให้ได้คำตอบว่าคือ การตั้งใจออกแบบให้มีสไตล์เดียวกับโบสถ์คริสต์ต่างแดนในสมัยนั้นเป๊ะ ส่งให้ค้นพบว่าคือการสร้างตามสิ่งที่รัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดนั่นเอง


** “5 แลนด์มาร์ก” ห้ามพลาด!! **


เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ขาเที่ยวไม่ต้องเดินสุ่มตามหาตึกเก่า หรือเสิร์ชหาที่เที่ยวย่านนี้ในกูเกิลอีกต่อไป เพราะครั้งนี้มิวเซียมสยามได้รวบรวมข้อมูลตึก อาคาร บ้านเรือนทั้งหมด “รอบเกาะรัตนโกสินทร์” มาไว้ในหนังสือ “Storied Structure ติดเกาะ กับตึกเก่า” หมดแล้ว

โดยแบ่งออกเป็นหมวดต่างๆ ทั้งหมด 12 หมวดด้วยกัน เช่น หมวดวิมานพระอินทร์ ตึกไทยในวังหลวง, หมวดรั้วรอบขอบเมือง, หมวดวัดเก่าแก่ก่อนตั้งกรุง, หมวดบ้านเรือนไทยสมัยต่างๆ รวมถึงหมวดตึกเก่าแก่ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นที่พักโรงแรมไปแล้วก็มี และนี่คือ 5 สถานที่ที่ไม่ควรพลาด ที่ทางทีมข่าวหยิบมาให้เสพเป็นตัวอย่าง ดังนี้

1.พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหสูรยพิมาน

[พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหสูรยพิมาน]
มาเริ่มกับที่แรกที่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง ตัวพระที่นั่งจะเป็นอาคารท้องพระโรงแบบจารีต และเป็นที่ที่ใช้ในพระมหากษัตริย์เสด็จฯ ออกขุนนาง ออกมหาสมาคม

นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ตั้งแต่ในอดีต และยังคงมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

2.กำแพงเมือง ประตูนคร

[กำแพงเมือง ประตูนคร]
ถือเป็นไฮไลท์สำคัญอีกแห่งแถวย่านนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับกำแพงพระนครที่หน้า “วัดบวรฯ” (วัดบวรนิเวศวิหาร) แห่งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวกำแพงเมืองที่สร้างขึ้นล้อมรอบกรุงเทพ ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เลยทีเดียว

[กำแพงเมือง ประตูนคร]
ตามประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า ตอนที่เริ่มสร้างครั้งแรกนั้น เป็นประตูไม้ที่ทาด้วยดินแดง แต่เมื่อเวลาผ่านไปในสมัยของรัชกาลที่ ๓ ก็ได้มีการพัฒนาปรับปรุงขึ้นมา ด้วยการก่ออิฐต่อเติมด้านบนจนกลายมาเป็นหอรบ

พอมาถึงในสมัยรัชกาลที่ ๔ ก็ได้มีการรื้อและสร้างใหม่เป็นยอดประตู และก่ออิฐถือปูนแทน ซึ่งจริงๆ แล้วประตูรอบกรุงเทพไม่ได้มีแค่ที่นี่เท่านั้น เพราะมีทั้งหมดถึง 63 ประตู แบ่งเป็นประตูใหญ่เหมือนที่นี่ 16 ประตู และเป็นประตูเล็กอีก 47 ประตูด้วยกัน

3.ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์

[ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์]
มาต่อกันที่วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญยิ่งอย่าง “วัดพระเชตุพนฯ” (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร) ที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน

เพราะเป็นวัดโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมากว่า 300 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งชื่อเดิมคือ “วัดโพธาราม” หรือที่ทุกคนรู้จักและเรียกติดปากกันว่า “วัดโพธิ์”

ในอดีต พระอุโบสถหลังเดิมของวัดโพธิ์นั้นตั้งอยู่ตรงหัวมุมของกำแพงวัดทางด้านทิศใต้เหมือนในปัจจุบันนี้ จนในสมัยรัชกาลที่ ๑ ได้มีการสร้างอุโบสถขึ้นมาใหม่ทางทิศเหนือของโบสถ์หลังเก่า จึงทำให้ต้องเปลี่ยนมาเป็นศาลาการเปรียญแทนนั่นเอง

4. บ้านร้อยปี ตรอกตึกดิน

[บ้านร้อยปี ตรอกตึกดิน]
ที่นี่เป็นเรือนของหลวงสมรภูมิพิชิต(สกุลไชยาคำ) มีการสร้างมาตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ หรือต้นรัชกาลที่ ๖ กันเลยทีเดียว ถึงแม้จะเดินทางผ่านเวลาหลายศตวรรษแล้ว แต่เรือนหลังนี้ยังมีสภาพดีและคงความสวยงามได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีทายาทรุ่นที่ 4 อาศัยอยู่ ก็เลยมีการบำรุงซ่อมแซมอยู่เสมอ

[บ้านร้อยปี ตรอกตึกดิน]
ผังเรือนแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปตัวแอล ซึ่งตรงตามแบบฉบับเรือนไม้ในยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๗ ทุกระเบียบนิ้วคือ มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าที่ปลายด้านใดด้านหนึ่งของบ้าน ตรงมุมตัวแอลนั้นจะทำเป็นเฉลียงหน้าเรือน เพื่อใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นทางหลักในการเข้าออกนั่นเอง

ส่วนระเบียงไม้ชั้นสองของเรือนก็มีความสำคัญที่บ่งบอกว่า เรือนหลังนี้มีอายุมากกว่าร้อยปีมาแล้ว เพราะมีลักษณะคล้ายกับระเบียงไม้รอบตำหนักวังวรวรรณ ที่มีการต่อเติมขึ้นในสมัยเดียวกัน ถ้าหากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้พบเห็นจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

5. ตึกแถวชั้นเดียวแบบจีน

[ตึกแถวชั้นเดียวแบบจีน]
ความน่าสนใจของสถานที่นี่คือ สมัยโบราณตึกแถวดั้งเดิมแห่งนี้เป็นห้องแถวไม้ธรรมดา ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นตึกปูนสไตล์จีน มีชั้นเดียว หลังคาหน้าจั่ว และมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ก่อสร้างกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ แต่ปัจจุบันไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว

จะมีก็แต่ตึกแถวชั้นเดียวที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ แต่เรื่องของรูปแบบโครงสร้างคงไม่ต่างจากสไตล์จีนดั้งเดิมเท่าไหร่ เช่น ตึกแถวชั้นเดียวถนนดินสอ ตึกแถวชั้นเดียวตรอกสะเต๊ะ และตึกแถวชั้นเดียวในตรอกที่เชื่อมระหว่างซอยสุขา 1 กับซอยสุขา 2

[ตึกแถวชั้นเดียวแบบจีน]
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน ถ้าขาเที่ยวได้ลองมาหามุมชิคๆ ถ่ายรูปละแวกนี้ดูสักครั้งต้องได้ภาพสวยๆ กลับไปและจะประทับไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดคู่มือเที่ยวเกาะรัตนโกสินทร์ “Storied Structure ติดเกาะ กับตึกเก่า” ได้ที่ http://knowledge-center.museumsiam.org/news/detail/58

[กำแพงเมือง ประตูนคร]

[พระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ]







สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : จิราพร ภาระพงษ์
ขอบคุณภาพ : onceinlife.co, แฟนเพจ “Cultural District Bangkok” และหนังสือ “Storied Structure ติดเกาะ กับตึกเก่า”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **







กำลังโหลดความคิดเห็น