xs
xsm
sm
md
lg

“ทำฝายแกนซอยซิเมนต์ เก็บกักน้ำ” นวัตกรรมบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก แก้ปัญหาขาดน้ำทางเกษตรยั่งยืน ลดเหลื่อมล้ำ / สังศิต พิริยะรังสรรค์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฝายแกนซอยซีเมนต์ มีศักยภาพในการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งของ 22 ลุ่มน้ำของประเทศไทยได้
ความเป็นมาของแนวคิดแก้จนลดเหลื่อมล้ำ กับภารกิจเฉพาะหน้า คือการเผยแพร่ความรู้เรื่องแหล่งน้ำขนาดเล็กและการส่งเสริมให้มีการนำความรู้ใหม่ไปทดลองทำและนำไปปฏิบัติให้เห็นจริง ถือว่าเป็นภารกิจใจกลางของกรรมาธิการคณะนี้

ในบรรดาปัจจัยการผลิตทางด้านการเกษตร “น้ำ” เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร หากว่าไม่มีน้ำเกษตรกรก็ไม่มีโอกาสในชีวิต และเกษตรกรก็จะไม่มีอนาคตด้วยเช่นกัน

ทุกวันนี้ประเทศไทยไม่ได้ขาดแคลนน้ำ เรามีน้ำฝนมากเกินพอ แต่คนไทยไม่ได้เรียนรู้วิธีการเก็บกักน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพและนำมันมาใช้อย่างมีประสิทธิผลในหน้าแล้ง

ประเทศไทยอยู่ในพื้นที่ของโลกที่มีปริมาณน้ำฝนตกชุกมากที่สุดในโลก คือมีปริมาณฝนตกเฉลี่ย 770,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี แต่เรามีความสามารถที่จะเก็บกักน้ำฝนได้ประมาณ 5% ของปริมาณน้ำฝนที่ตกมาทั้งหมดในแต่ละปี

ในช่วงประมาณ 60 ปีที่ผ่านมาเราสามารถสร้างระบบชลประทานได้ราว 22% ของพื้นที่การเกษตรในประเทศ นั่นหมายความว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องพึ่งพาแต่น้ำฝนในการทำการเกษตร พื้นที่นอกเขตชลประทาน นี้คิดเป็น 78% ของพื้นที่การเกษตรทั้ง ประเทศ

แต่การนำความรู้มาใช้ในการจัดการเรื่องน้ำในปัจจุบันเป็นความรู้ชุดเก่า ที่ต้องการควบคุมธรรมชาติ การควบคุมธรรมชาติเป็นวลีที่เกิดจากความอหังการ์ เป็นผลผลิตทางชีววิทยา และปรัชญาโบราณ ที่ตีขลุมว่า ธรรมชาติมีไว้เพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์ ปรัชญาโบราณของมนุษย์ หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ( industrial revolution ) คือต้องการเอาชนะธรรมชาติด้วยการใช้การสร้างเขื่อนขนาดยักษ์ในการเก็บกักน้ำจำนวนมหาศาล เพื่อใช้ในการเกษตรยุคใหม่

ความรู้ชุดหนึ่งที่แก้ปัญหาได้อย่างดีนั้นเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมในยุคสมัยหนึ่งเท่านั้น เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป สภาพแวดล้อมต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป เราจึงจำเป็นต้องมี และจำเป็นต้องสร้างความรู้ชุดใหม่ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของยุคสมัยขึ้นมาแทนความรู้และความจริงชุดเดิม

ประวัติศาสตร์ และวิวัฒนาการความเจริญของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ตลอดมา ไม่มีความรู้และความจริงใดที่ยืนยงอยู่ได้ตลอดกาล ความรู้ชุดหนึ่งของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยนั้นเป็นอนิจจัง และไม่มีความเที่ยงแท้เสมอไป มันเกิดขึ้น แล้วค่อยๆเสื่อม และหายไปในที่สุด แต่ความรู้ชุดเดิมของมนุษย์ไม่ได้หายไปเอง หากมันไม่ผนวกตัวของมันเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ความรู้ชุดใหม่ มันก็จะถูกแทนที่ด้วยความรู้ชุดใหม่เสมอไป

เขื่อนเป็นความรู้ (knowledge) และเป็นความจริง (truth) ( ความจริงเป็นสถานการณ์ที่ความรู้ชุดหนึ่งสามารถเบียดขับและเอาชนะชุดความรู้อื่นๆ ที่เหลือในสังคม จนกระทั่งอยู่ในสถานะที่ครอบงำ ( domination หรือ hegemony) ทั่วทั้งสังคม ได้สำเร็จ ) ที่กำลังจะค่อยๆพ้นยุคสมัยของตัวเอง ( ดังจะได้เห็นจากการที่รัฐบาลจีนได้ประกาศให้ทำลายเขื่อนในประเทศจำนวน 40,000 แห่งให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 )

เพราะมันไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมปัจจุบันได้ดีเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป เช่น การก่อสร้างใช้งบประมาณสูง ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างค่อนข้างนานหลายปี มีประชาชนต่อต้านการสร้างเขื่อนอยู่ทั่วไป เพราะมีผลกระทบด้านลบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การถูกบังคับให้ต้องอพยพออกจากพื้นที่ การสูญเสียโอกาสในชีวิต (life chance) สูญเสียโอกาสในการทำมาหากิน สูญเสียอาชีพ และยังมีผลต่อการทำลายสภาพแวดล้อมโดยรวมของสังคมอีกด้วย

สำหรับความรู้ชุดใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของเกษตรกรในประเทศไทย เป็นวิธีคิดแบบใหม่เกี่ยวกับโลก ในศตวรรษที่ 20 ที่มนุษย์ต้องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสันติ ความรู้ชุดใหม่นี้เป็นศาสตร์ใหม่ และเป็นปรัชญาใหม่

โดยหลักการ พื้นฐานของชุดความรู้ใหม่นี้ควรจะเป็นโครงการที่มีขนาดเล็ก ราคาประหยัด สามารถใช้วัตถุดิบหรือวัสดุในท้องถิ่น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการกักเก็บน้ำได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาในการก่อสร้างสั้น และใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับท้องถิ่น รวมทั้งเกษตรกรสามารถใช้และควบคุมเทคโนโลยีประเภทนี้ได้ด้วยตนเอง

ความรู้ใหม่ที่กรรมาธิการแก้จนลดเหลื่อมล้ำได้นำเสนอ เพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างมีประสิทธิผล และเกษตรกรสามารถ ที่จะมีน้ำใช้ได้ตลอดปีมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การทำฝายแกนซอยซิเมนต์ หรือฝายแกนดินซีเมนต์ การขุดร่องดินเติมน้ำ การทำธนาคารน้ำใต้ดิน และการใช้โซล่าเซลล์ดึงน้ำจากบ่อบาดาลน้ำตื้นและน้ำลึก เป็นต้น

นวัตกรรมการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “ฝายแกนซอยซีเมนต์” สามารถจัดการปัญหาการขาดแคลนน้ำของเกษตรกรในแต่ละครัวเรือน แต่ละชุมชน แต่ละตำบล แต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด หรือหลายๆ จังหวัด หรือเป็นระดับภาค รวมทั้งยังมีศักยภาพในการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งของ 22 ลุ่มน้ำของประเทศไทยได้ นั่นก็คือ นวัตกรรมแบบนี้สามารถแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำของเกษตรกรและของประเทศไทยได้ ทั้งในระดับจุลภาค (micro) และในระดับมหภาค (macro) ได้ด้วย

ความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำให้มีพอใช้ได้ตลอดทั้งปี ทั้งในการผลิต พืชผลการเกษตร การอุปโภคและบริโภค ที่ถูกนำเสนอขึ้นในวันนี้ มิใช่เป็นแนวคิด หรือทฤษฎีลอยๆ หากแต่ได้มีการนำไปทดลองทำขึ้นแล้ว ได้ใช้จริงแล้วกว่า 200 ตัว และได้มีการพิสูจน์ให้เห็นจริงแล้วว่ามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานจริง โดยปราศจากข้อสงสัย


จังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดแรกที่ได้เชิญสถาบันการศึกษา คือมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษให้เข้าร่วมในการเสนอรายงานเรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ให้คุณค่าและความสำคัญของความรู้จากสถาบันระดับอุดมศึกษาของจังหวัดเป็นอย่างยิ่ง

ที่ผ่านมาท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งเสริมให้มีการทำธนาคารน้ำใต้ดินอยู่ทั่วไป และพบว่าธนาคารน้ำใต้ดินสามารถเก็บกักน้ำให้แก่พี่น้องเกษตรกร และเป็นประโยชน์แก่พี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านได้รับฟังและรับรู้เรื่องฝายแกนซอยซีเมนต์ในวันนี้ ท่านพบว่าหลักคิดของฝายแกนซอยซีเมนต์กับธนาคารน้ำใต้ดินมีจุดร่วมกัน ดังนั้นท่านจึงสามารถเข้าใจหลักคิดเรื่องฝายแกนซอยซิเมนต์ได้ทันที 

ข้อที่แตกต่างบางประการเช่นธนาคารน้ำใต้ดินสามารถเก็บน้ำได้เป็นจุด แต่ฝายแกนซอยซิเมนต์สามารถเก็บกักน้ำได้ในปริมาณที่ มากกว่าและสามารถตอบโจทย์ของพี่น้องเกษตรกรที่อยู่บริเวณต้นน้ำกับที่อยู่บริเวณท้ายน้ำได้ดีกว่าธนาคารน้ำใต้ดิน

อย่างไรก็ดี ความรู้ใหม่นี้ควรที่ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหลายควรจะนำไปทดลองปฏิบัติให้เห็นจริงก่อน หรือไปดูของจริงที่ได้สร้างและใช้งานแล้วหลายแห่งในจังหวัดขอนแก่น และชัยภูมิ ก่อนที่ท่านทั้งหลายจะยอมรับว่าความรู้นี้เป็นความจริงชุดใหม่ของสังคม

สังศิต พิริยะรังสรรค์
ประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อม
วุฒิสภา


ข้อมูลที่มา จากการร่วมประชุมของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา กับรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายสำรวย เกษกุล และนายอนุรักษ์ ธรรมประจำจิต และหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดศรีสะเกษ ในประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น