ในสภาพที่ ธุรกิจ โรงแรม และการท่องเที่ยวถูกท้าทายอย่างถึงขีดสุดนั้น ทิศทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มีแนวคิดอะไรบ้างที่จะเป็นประโยชน์ให้กับคนทำธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กที่ถือเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ
วันนี้เราจะไปคุยกับวรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ ที่ถูกเรียกว่าเป็น The Boutique King เพราะเป็นคนแรกที่บุกเบิกการทำธุรกิจบูติคโฮเต็ล โดยเฉพาะการดัดแปลงอาคารเก่าที่อาจจะไม่สวยงามหรือแม้แต่อยู่ในทำเลห่างไกล จนประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโรงรถเป็นโรงแรมบูติคขนาดเล็ก Samsen5Lodge ที่เป็นตำนาน หรือ การอยู่ในทีมผู้ก่อตั้งและดัดแปลงโรงหนังเก่าเป็นโรงแรม Prince Theatre ย่านเจริญกรุงที่โด่งดังไปทั่วเอเชีย รวมถึงเป็นผู้ที่เปิดการอบรมที่สร้างผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำ มาแล้วทั่วประเทศในชื่อของหลักสูตรเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเต็ล และล่าสุดยังได้แสดงฝีมือ เป็นสถาปนิกในนามSuperGreenStudio ผู้สร้างสรรค์ Heritage Hotelชั้นนำ ที่ดังตั้งแต่ยังไม่เปิด อย่างPalin Family Cottage ที่ดัดแปลงหอพักร้างสุดเชยเป็นบูติคโฮเตลสไตล์โมเดินโคโลเนียลที่เชียงราย, Uthai Heritage ที่เป็นการดัดแปลงโรงเรียนเก่าอายุ70ปี เป็นโรงแรมที่อุทัยธานี และ ยังดัดแปลงโรงแรมไม้3ชั้น อายุเกือบ100ปี เป็นดีไซน์โฮเตลและคาเฟ่ ชื่อ Vela Warinที่อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี ที่โดดเด่นสวยงาม และมีชื่อเสียงจนกลุ่มคณะทูตยุโรปต้องเดินทางมาดื่มกาแฟ เขายังเป็นผู้ก่อตั้งระบบการจัดการโรงแรมขนาดเล็กชื่อHomemade Stay และล่าสุดยังเปิดร้านขายประตูโบราณแนวโคโลเนียลชื่อThe Emperor Door เขามีวิธีคิดอย่างไร เรื่องการลงทุน การเลือกทำเล รวมถึงทางออกของโรงแรมขนาดเล็ก ในยุคหลังโควิด เราจะมาคุยกับคุณวรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ กูรูบูติคโฮเตล ที่ปรึกษาและสถาปนิกมือทอง ในการดัดแปลงตึกเก่าเป็นโรงแรมและร้านอาหารกัน ว่าทางรอดของโรงแรมขนาดเล็กในอนาคตมีอะไรบ้าง ?
- โรงแรมยุคหลังโควิดต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง อะไรจะมา อะไรจะไป
- อย่างแรกเลย Hostel จะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนาน เพราะในเอเชียไม่เหมือนยุโรป คนจะหวาดระแวงไม่กล้านอนกับคนที่เขาไม่รู้จัก หมายความว่า นับจากจุดนี้ใครทำห้องนอนรวมก็ต้องปรับเป็นห้องนอนเดี่ยวมากขึ้น ส่วนคนที่ยังไม่เปิดก็ง่ายหน่อย คือควรจะเป็นห้องนอนเดี่ยวทั้งหมดจะเป็นขนาดเล็กก็ไม่เป็นไร ประเด็นนี้คือโอกาสของคนที่ ทำโรงแรมขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ห้อง เพราะน่าเชื่อได้ว่ามีความปลอดภัยมากกว่า มีความส่วนตัวมากกว่า โดยสิ่งที่ต้องตีให้แตกคือ เมื่อทำจำนวนห้องน้อย แล้วจะทำยังไงถึงจะ มีชื่อเสียงรวดเร็วและขายได้แพง อย่างที่สอง การนำเสนอประสบการณ์ที่มีคุณค่า มีความแตกต่างแต่ยั่งยืน จะเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะผ่านงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ หรือการที่ที่พักอยู่ในทำเลที่ดี เป็น Hidden Gems หาได้ยาก ต้องมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน การที่โรงแรมพูดถึงชุมชน สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม จะเป็นทั้งคุณค่าต่อส่วนรวมและเป็นการตลาดที่แข็งแรงมากมาก อย่างเช่นที่เราออกแบบให้กับที่ Uthai Heritage จังหวัดอุทัย และ Vela Warin จังหวัดอุบล ซึ่งข้อนี้เป็นการเปิดโอกาสของคนที่อยู่ในเมืองรอง อยู่ในย่านธรรมชาติ อยู่ในแหล่งประวัติศาสตร์ หรืออยู่ในชนบทบ้านนอกสุดสุดก็ตาม สามารถเอาความไกล ความแตกต่างมาเป็นจุดขายได้ และการใช้ผู้ออกแบบหรือที่ปรึกษา ที่มีชื่อเสียงก็ถือเป็นการลงทุนทางการตลาดที่คุ้มค่าเช่นกัน อย่างที่สาม ดีไซน์ถึงแม้ว่าดีแล้ว มีเอกลักษณ์แล้ว ยังต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ต้องเน้นธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น เอาเทคโนโลยี เอาระบบการจัดการที่เหมาะกับโรงแรมขนาดเล็กมาใช้ ทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากการจ้างพนักงาน และให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่ลูกค้า ที่จะระวังมากขึ้นกับการคุยกับคนแปลกหน้า อย่างเช่นลูกค้าด้วยกันเอง หรือ พนักงาน จากสาเหตุเรื่องการกลัวโรคติดต่อ และInnovationที่จะเกิดตามมาคือ โฮมสเตย์ไฮเทค คือ บรรยากาศเก่าแก่ดั้งเดิมแต่ลูกค้าอาจไม่เจอเจ้าของเลย เพราะเทคโนโลยีมีความพร้อมแล้ว ต่างประเทศโฮมสเตย์ไฮเทค มีมาสักพักแล้วเช่นที่ ญี่ปุ่น อังกฤษ อย่างที่สี่ ต้องมองภาพโรงแรมต้องมีช่องทางรายได้หลากหลาย ไม่เป็นแค่โรงแรม แต่เป็นโรงเรียน โรงฝึกอบรมได้ ต้องเห็นธุรกิจเกี่ยวข้องให้ชัดเจน โรงแรมอาจจะมีคอร์สอบรมประจำเดือน คอร์สสอนทักษะ โรงแรมต้องมีปากหาอาหารเองได้ ทำการตลาดเองเป็น ลดการพึ่งOTA ถ้าทำได้ก็จะอยู่รอดและดังได้ และสุดท้าย ต้องมีวิสัยทัศน์วาง Exit Planตั้งแต่วันแรกที่คิดจะทำโรงแรม
โอกาสในการอยู่รอดของคนที่เปิดโรงแรมอยู่แล้วจะเป็นยังไงบ้าง
- ถึงแม้ไม่มี covid ธุรกิจโรงแรมได้กลายเป็นธุรกิจที่อายุสั้นลงเป็นอย่างมาก แต่ก่อนโรงแรมหนึ่งมีอายุ 30-40 ปียังขายได้ปัจจุบันแค่ 10 ปีเต็มที่ก็ล้าสมัยแล้ว ถ้าไม่ได้วางจุดขายไว้เฉียบขาดมากพอ ขณะนี้ถือว่ามีข้อดีอยู่คือ ปัญหาได้ถูกเปิดเผยขึ้นมาแทบจะหมดแล้วตั้งแต่ ค่าเงินตก น้ำท่วม มาจนโรคระบาด เหลือแต่สงครามโลกเท่านั้น คาถาดีที่สุดคือจุดขายต้องเฉียบขาด โดดเด่นมากๆ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่ตรงจุด ถ้ามีเรื่องนี้ชัดเจน ก็จะทำการตลาดและการขายได้ง่าย สามารถลดการพึ่งพา OTA ได้ สามารถทำการตลาดตรงกลุ่มได้ง่าย และแน่นอน Foundation ต้องครบ จุดขายยอดเยี่ยม ต้องถูกกฎหมายมีระบบการจัดการที่ดี หลังบ้านที่ดีก็จะช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้ มีฐานข้อมูลลูกค้าครบ เวลาขายโรงแรมคุณมีฐานข้อมูลทางด้านการเงินและลูกค้าที่มากพอ ก็จะทำให้ผู้ซื้อสนใจง่ายขึ้น โรงแรมที่เปิดอยู่แล้ว และไม่ยอมปรับตัว หวังว่าลูกค้าจะกลับมาบอกได้เลยว่าคุณฝันล่มแน่นอน
- สำหรับโรงแรมเปิดใหม่ยังเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนอยู่ไหม?
- เหมือนคำถามว่าประเทศไทยยังจะเป็นประเทศท่องเที่ยวต่อไปหรือเปล่า ถ้าประเทศไทยยังหากินกับการท่องเที่ยว การที่มีโรงแรมดีๆมารองรับก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่างแน่นอน แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า กฎของอุปสงค์อุปทานไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด ไม่ได้แปลว่าโรงแรมที่มีอยู่ ห้องต้องเต็มก่อนแล้วนักลงทุนถึงควรจะสร้างโรงแรมใหม่ได้ สิ่งที่เป็นจริงคือแม้ในสภาพก่อนโควิด ลูกค้าจะย้ายไปยังโรงแรมใหม่ใหม่ที่ตอบสนองพฤติกรรมได้ดีกว่าโรงแรมเก่าอยู่แล้ว โรงแรมใหม่ๆสามารถเกิดและเต็มได้โดยที่โรงแรมรุ่นเก่าๆก็ยังว่างเปล่าอยู่เช่นเดิม เพราะโรงแรมเก่าเหล่านั้นไม่ได้ปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมใหม่เลย เช่นบางโรงแรมเปิดมานานแล้วดีไซน์สร้างมาเมื่อ 30 ปีก่อนจะโดนใจลูกค้าได้อย่างไร ปัจจุบันโรงแรมไม่ใช่แค่ แอร์เย็น เตียงนุ่ม น้ำร้อน แล้วจะผ่านนะ งานดีไซน์ต้องเฉียบ จุดขายชัด ถ้าไม่มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน แล้วจะหวังว่าใครจะไปนอน นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่าโรงแรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นต้องสามารถหากลุ่ม segment ลูกค้าที่ชัดเจนแตกต่างและถ้ายังไม่มีใครเคยทำได้ยิ่งดี
- มีลูกค้ากลุ่มไหนที่คิดว่ามีศักยภาพเป็นพิเศษบ้าง?
- หลายกลุ่มเลยครับอย่างแรกคือกลุ่มครอบครัว คนในเมืองมีเวลากับครอบครัวน้อยเมื่อมีเวลาอยากจะใช้เวลากับ ลูกๆหรือพ่อแม่ให้เยอะ กลุ่มนี้ดีมากมาก กำลังซื้อเยอะ มีขนาดใหญ่ มาแล้วนอนหลายวันไม่ย้ายไปเรื่อยเรื่อย หรืออย่างเช่นกลุ่มรักสุขภาพ กลุ่ม wellness ก็ดีมาก หรือกลุ่มความต้องการเฉพาะเช่นกลุ่มกีฬากลางแจ้ง กลุ่มพายเรือ กลุ่มไหว้พระนั่งสมาธิ กลุ่มขี่จักรยาน กลุ่มสอนทักษะพิเศษรวมไปถึงกลุ่ม LGBT ก็เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงสุด
- ในยุคนี้แล้ว คำว่า ทำเลทองยังมีความสำคัญมากแค่ไหน?
ทำเลทองคืออะไร นิยามเก่าแก่ก็คือพื้นที่ ที่คนผ่านเยอะ ยิ่งคนผ่านเยอะก็ยิ่งมีราคาแพง แต่โลกปัจจุบันนิยามของทำเลทองไม่ได้อยู่ที่คนผ่านเยอะแล้ว โดยเฉพาะสำหรับการทำโรงแรมขนาดเล็ก ทำเลทองคือสถานที่ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่พิเศษสุดๆให้กับลูกค้าได้ ดังนั้นทำเลนี้ถ้าอยู่ไกลแค่ไหนแต่สามารถส่งประสบการณ์ได้ก็ถือเป็นทำเลทองทั้งสิ้น เห็นได้จากปรากฏการณ์คนเดินทางไปเมืองที่ห่างไกลเช่น สะปันของ น่าน แม่ฮ่องสอน ภาคอีสานไกลๆ เช่นอุบลราชธานี หรือจังหวัดใกล้ๆที่คนเคยลืม อย่างเช่นอุทัยธานี คนล้วนต้องการหาที่พักที่มีความสงบเงียบ ใกล้ธรรมชาติ มีความเป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน และได้เห็นโลกใหม่ๆ ถ้าคุณเข้าใจนิยามของทำเลแบบนี้คุณจะสามารถ ลดต้นทุนค่าที่ดินไปได้มหาศาล คุณสามารถเลือกซื้อที่ดินในพื้นที่ห่างไกล แต่มีความสวยงามตามธรรมชาติ ใกล้วัดวาอารามโบราณได้ นี่คือHidden Gems และพร้อมกันการเลือกที่ดินวิธีนี้ ก็จะเป็นการพัฒนาประเทศไปในตัวเพราะพื้นที่ใหม่ๆจะเปิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งดีกว่าการที่นักลงทุนจะไปยึดติดกับคำว่าทำเลทอง คือคนต้องผ่านเยอะหรือใกล้รถไฟฟ้าเท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือประเทศภูฏาน ไปไกลไปแพงห่างไกลแต่การท่องเที่ยวโรงแรมที่พักมีราคาแพงมากๆ เพราะเมื่อไปอย่างยากลำบากพอไปถึงแล้วเจอกับความเงียบสงบราวกับสวรรค์ ผมเชื่อว่าเมืองรองและจังหวัดบ้านนอกที่ห่างไกล ตั้งแต่วันนี้จนถึงอีก 5 ปีข้างหน้ามีอนาคตมากกว่าการลงทุนในเมืองใหญ่ เพราะคู่แข่งน้อยมี สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ะรวมถึงมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก และนี่เป็น Marketing &Value Gameไม่ใช่ Money Game
- คุณเดินทางมาแล้วทั่วโลกช่วยเล่าถึงโรงแรมที่คุณประทับใจที่สุดให้เราฟังหน่อยสัก 3 แห่ง
- เป็นคำถามที่ดีมาก ช่วงก่อนโควิดผม อยู่บ้านที่กรุงเทพฯทั้งปี ไม่เกิน 100 คืน ที่เหลือเป็นการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ มีทั้งที่ตั้งใจไปเที่ยวเองและเขาเชิญไปพัก เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ รวมถึงไปขายระบบ Homemade Stay ทีแรกที่ชอบคือที่ Skye Walker เกาะสกายประเทศสกอตแลนด์เป็นโฮสเทลที่บอกกันว่าไกลที่สุดในโลก ใครเป็นนักเดินทางตัวจริงต้องเคยไปพักที่นี่ เราขับรถจากเอดินเบิร์กไปกว่า 5 ชั่วโมงแล้วพักที่นี่อยู่หลายวัน ไม่มีสัญญาณทีวี ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่เราพบว่ามันอีกโลกหนึ่งที่เงียบสงบสวยงามตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆ แต่ละวันเราไปเดินป่าไกลไกล ทำให้เราได้หยุดคิดชีวิต ได้เข้าใจความหมายของการสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาลจากการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์จากทำเลลึกๆอย่างแท้จริง
ที่ 2 ผมชอบที่อิเนะประเทศญี่ปุ่นคล้ายๆกับเกาะ Skye คือเป็นหมู่บ้านชาวประมงตอนเหนือสุดของเกียวโตติดทะเลญี่ปุ่น ที่พักคืนละเกือบ 2 หมื่นบาทแต่ทั้งหมู่บ้านมีบ้านพักประมาณ 20หลังเท่านั้นทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนตัวมากๆและหลุดไปจากโลกของการท่องเที่ยวที่มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด เราได้เอาประสบการณ์จาก อิเนะ มาออกแบบโรงแรมในประเทศไทยด้วย คือที่Humz Café & Stay ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ห้องริมคลองบางกอกน้อย ที่แต่ละห้องมีระเบียงริมน้ำและท่าเรือส่วนตัวเลยทีเดียว
ที่ 3 ยังเป็นที่ญี่ปุ่นผมชอบโรงแรมMimaru และHanare ในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นมากเพราะเป็นเชนโรงแรมสำหรับครอบครัวห้องขนาดกะทัดรัด ตอบสนองลูกค้าได้ตรงกลุ่มสุดๆ มีเตียงสำหรับลูกเล็กๆ ตั้งอยู่กลางเมืองแต่ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าและทำกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากๆ แต่ใช้กำลังคนน้อยมาก หลัง1ทุ่มจะไม่มีพนักงานที่ฟร้อนท์ แต่ด้วยการสื่อสารที่ชัดเจน และการเตรียม Facilities ที่พร้อม ทำให้ลูกค้าสามารถอยู่ได้โดยไม่มีปัญหา แล้วเราได้เอาไอเดียของโรงแรมสำหรับครอบครัวนี้ มาออกแบบเป็นโรงแรมขนาด8ห้องและด้านล่างเป็นร้านเย็นตาโฟอีกด้วย ชื่อ Foryum Noodle Home ติดกับตลาดนัดรถไฟรัชดา ซึ่งทำให้โรงแรมตอบโจทย์ใช้งานได้จริงมีความแตกต่างและมีชีวิตชีวามากมาก นอกจากนั้นผมชอบโรงแรมThe Lloyds ที่อัมสเตอรดัม ที่ดัดแปลงจากสำนักงานเก่าอายุ100ปี เพราะเป็นโรงแรมที่ประหลาดคือมีตั้งแต่โฮสเทลนอนรวมราคาถูก ไปจนถึงห้องพักห้าดาว อยู่ในอาคารเดียวกัน ก็เปิดมุมมองได้ดีมากๆ
- ร้านประตู the Emperor Door นี่มีความเป็นมาอย่างไร
-ช่วงที่ผ่านมา เราได้ออกแบบ Heritage Hotelหลายแห่ง เราอยากได้ประตูที่สวยและมีคุณค่ามาใช้กับงานที่เราออกแบบ ทำให้ได้เดินทางไปที่พม่าเพื่อดูแหล่งประตู ก็เลยกลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง ตอนนี้เรามีคอลเลคชั่นประตูไม้สักอายุ100ปีที่ดีมากมาก เป็นงานศิลปะที่เก็บได้ ราคาไม่ตก ก็อยากเอามาแบ่งปันให้คนที่ชอบของแนวนี้เอาไปตกแต่งกันครับ เป็นสุนทรียะ ที่เราสามารถสัมผัสได้แค่เดินผ่านมันเท่านั้น เพราะมันสง่างามและเพิ่มรสนิยมให้อาคารหลังนั้นได้ดีจริงจริง
- คุณได้พัฒนาระบบจัดการโรงแรมขนาดเล็กชื่อHomemade Stay ระบบนี้เน้นลูกค้ากลุ่มไหนและมีการเติบโตอย่างไรบ้าง
-Homemade Stayเป็นระบบที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้บริหารจัดการโรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางโดยเฉพาะ โดยเน้นที่การใช้ง่ายข้อมูลครบ ตั้งแต่เรื่องบัญชีเรื่องระบบลูกค้า ระบบเอกสารออกใบเสร็จรวมถึงระบบส่งตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ที่สำคัญคือ เป็นระบบที่มีทีมวิศวกร สนับสนุนอยู่ในเมืองไทยทำให้เวลาเกิดปัญหาแล้วทีมงานของเราดูแลลูกค้าได้ง่ายมากๆ ต่างจากระบบที่มาจากต่างประเทศที่เจ้าของโรงแรมจะติดต่อได้ยาก ทีมงานเราจะเดินทางไปเยี่ยมลูกค้าบ่อยมากมาก ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตามเพราะเราเข้าใจดีว่าระบบ ไม่ใช่แค่เรื่องของออนไลน์ แต่ยังเป็นการให้ความรู้กับลูกค้าในหลายเรื่องด้วย เข่น เรามีทีมที่ปรึกษาให้กับลูกค้าเรื่องการออกแบบ การตลาด วางแผนการเงิน ไปจนถึงการยื่นขอใบอนุญาตโรงแรม ซึ่งระบบอื่นไม่มีใครทำขนาดนี้ การตลาดตอนนี้กำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์โดยรอบประเทศไทยรวมถึงประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีศักยภาพสูงและพฤติกรรมของเจ้าของโรงแรมมีความใกล้เคียงกับคนไทยที่ชอบรายละเอียดเยอะแต่ใช้ง่าย และดูแลง่ายครับ
-สุดท้ายมีอะไรฝากให้คนทำโรงแรม ทั้งที่ทำอยู่แล้วหรือกำลังจะเริ่มต้นใหม่บ้าง
-ผมตั้งกฎสามข้อกับตัวเองในการทำงาน หนึ่งต้องตั้งเป้าหมายระดับผลงานในดีเลิศ มาถึงวันนี้ เราชอบทำงานกับทีมที่ต้องการผลงานยอดเยี่ยมในระดับเดียวกัน เราสนุกกับความท้าทายจากสิ่งที่ยาก เช่น Heritage Hotel ที่เราทำที่ เชียงราย อุบลและอุทัยที่อยู่ในจุดห่างไกล และอาคารทรุดโทรมมาก แต่ด้วยการทำงานร่วมกับทีมเจ้าของที่เต็มที่ ผลงานจึงออกมาตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ คนทั่วไปคนนึงในชีวิต เขาจะมีโอกาสสร้างโรงแรมได้สักกี่แห่ง ไม่สมควรหรือที่เขาควรทำมันให้เป็นWorld Class เพื่อจะฝากไว้กับบ้านเกิดของเขา ข้อสอง ในฐานะที่เราเป็นทั้ง Hotel Operator และ Designer ผู้วางคอนเสปตั้งแต่แรกและต้องควบคุมการผลิตโรงแรมจนมันเปิดได้ ผมจะเลือกทีมร่วมงานที่ดีที่สุด Hire the best people ตั้งแต่ทีมBranding Creator, Marketing and Sales, Front Training เพราะคนเก่งที่สุดเท่านั้นที่จะช่วยยกผลงานของเราให้ก้าวไปในระดับที่เราต้องการ คนเหล่านี้ แน่นอนค่าจ้างแพง แต่ผลลัพธ์คุ้มค่า หลายครั้งแค่คำแนะนำคำเดียวของเขาก็พลิกธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้ที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่โทร/ลาย 089 696 9896และเพจ เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเตล หรือ https://www.homemadestay.com, https://www.theboutiqueking.com, https://www.supergreenstudio.net, https://www.theemperordoor.com