xs
xsm
sm
md
lg

น่ากลัวกว่าที่คิด!! “นัดกินตับผ่านแอปฯ” เปิดประสบการณ์ตรง เกือบเอาชีวิตไม่รอด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





เปิดประสบการณ์สุดผวา!! นัดพบคนแปลกหน้าผ่านแอปฯ แต่กลับโดนทำร้ายร่างกาย “กระชากหัว-คุมสติไม่ได้” จนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ผู้ประสบเหตุการณ์เตือน โปรไฟล์ดี แต่ไม่ควรไว้ใจใคร ชี้ขอเป็นกระบอกเสียง เพราะยังมีคนถูกทำร้ายแบบนี้อีกเพียบ!!




นัดเจอผ่านแอปฯ แต่หนีตายระทึก!!


กลายเป็นเรื่องที่สังคมต่างให้ความสนใจ ประสบการณ์สุดระทึก!! จากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่ออกมาเตือนภัยผู้ที่ใช้แอปพลิเคชันนัดพบ เพื่อไปสานสัมพันธ์ลึกซึ้งต่างๆ เพราะอาจจะเจอเรื่องไม่คาดคิดแบบหนุ่มเจ้าของเรื่องนี้ ที่ต้องหนีตายระทึกเกือบเอาตัวไม่รอด

โดยเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นนัดกันช่วงประมาณ ตี 5 จนเดินทางไปถึงหอพักแห่งหนึ่ง แต่เมื่อไปถึงหนุ่มรายนี้เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ หลายอย่าง ซอยเปลี่ยว หอพักดูเงียบ และเมื่อไปถึงเจอผู้ชายอีกคนในห้องก่อน

“เตือนภัย ขอบอกกับทุกคนว่า ใครที่เล่น App นัดเย็_ ต่างๆ หรือจะดีลกันผ่านทางไหนก็ตาม อยากให้ทวีตนี้เป็นอุทาหรณ์นะครับ จะนัดใคร นัดให้ดี คุยให้ดี อย่าคิดสนุกแค่ชั่วคราวนะครับ เพราะอาจจะเจอเรื่องหวิดดับแบบผมก็เป็นได้ ติดตามอ่านกันได้ครับ #ช่วยรีทวีตด้วยนะครับ”


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรู้เท่าทัน ที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยังเจ้าของเรื่องนี้ ให้เล่าประสบการณ์สุดหลอนที่เกิดขึ้นกับตัวเอง


“ผมไม่ได้คิดอะไร คือ เรื่องอย่างนั้น มันไม่ได้ไปเฉพาะเจาะจง ว่าจะต้องไปมีแน่นอน ในความคิดผมตอนนั้น คือ ผมก็ยังคุยกับเพื่อนปกติเลยว่า ออกไปเจอก่อน แต่ไม่ถึงขั้นไปแล้วต้องมีอะไรกันแน่ ไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ

คือ จริงๆ ผมเล่นแอปฯ มานานแล้วเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ อันนี้ คือ ครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ เหมือนนัดพูดคุยกันผ่านแอปฯ ทั่วไป เหมือนกับนัดคนอื่นปกติ ก็มีการถามประวัติกันนิดหน่อย ว่าอยู่แถวไหน อายุเท่าไหร่ เป็นแบบไหน ส่วนสูงยังไง ก็คือคำถามทั่วไป ที่เหมือนประวัติของเราเป็นยังไง


รูปพรรณสัณฐานยังไง อยู่แถวไหน ย่านไหน แล้วเขาก็ถามว่าจะไปไหม ตอนแรกก็ลังเล เพราะว่ามันไม่ใช่ทางผ่านที่เรากลับบ้าน ตอนแรกผมเข้าใจว่า ถ้ามันเป็นทางผ่านกลับบ้าน ก็แวะเจอแป๊บนึงได้ แต่ของเขาค่อนข้างจะต้องวนไปนิดนึง แต่คุยไปคุยมา เขาก็บอกว่ามันไม่ได้ไกลมาก ก็ประมาณ 5-7 นาที ไม่ไกลหรอก มาหาเราไหม ก็เลยโอเค และออกไป เพราะว่ารถมันไม่ได้ติด”

ย้อนกลับไป เมื่อไปถึงห้องของเขาแล้ว เจ้าของเรื่องนี้กลับถูกตะโกนใส่หน้าหาว่ามองเหยียด ก่อนที่จะโดนกระชากหัวและทำร้าย และโดนผลักออกจากห้อง แต่ไม่สามารถออกจากหอพักได้ เพราะต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้น

“คือ ห้องเขาอยู่ชั้น 3 แต่ตอนที่หนีหลุดออกมาได้ คือ ผมก็รีบวิ่งมาที่ชั้น 1 เลย แต่วิ่งลงมาถึงหน้าประตู แล้วประตูเปิดไม่ได้


จะต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดออก ไม่มีปุ่มให้กดเหมือนตามคอนโดฯ ว่าให้กดออกได้ คือ จะต้องเป็นคนมีคีย์การ์ดเท่านั้น ผมก็เลยติดอยู่ข้างใน แล้วคอยมองอยู่ว่าจะมีคนเข้าออกไหม สรุปตอนนั้นมันเช้ามาก 6 โมงนิดๆ ไม่มีคนเดินเข้า และเดินออก ก็เลยตัดสินใจไปแอบข้างตู้เสื้อผ้า ที่วางอยู่หน้าห้องของคนที่พักอยู่ชั้น 1

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเขาตามหรือไม่ตาม แต่หลังจากที่หลบ เราได้ยินเสียงทีวีมันดังขึ้น เหมือนเปิดประตูห้อง
แต่ผมก็ไม่กล้าชะโงกหน้าออกไปมอง ว่า เขามีการเดินตามออกมารึเปล่า คือ คิดอย่างเดียว ในมือถือ มือถืออยู่ แล้วอารมณ์กลัวว่าเขาจะโผล่เข้ามา และตอนนั้นเขามีไลน์ เพราะตอนที่จะมา เขาก็โทร.หลายรอบอยู่ ก็เลยตัดสินใจหรี่เสียงลงแค่นั้นเอง และก็หลบอยู่ข้างตู้”


ไม่เพียงเท่านี้ ทันทีที่แชร์ประสบการณ์เรื่องนี้ออกไปผ่านโลกออนไลน์ ทำให้เรื่องนี้มียอดรีทวีตพุ่งถึง 5 หมื่นแชร์ พร้อมทั้งเล่าประสบการณ์ที่เคยโดนกระทำเช่นนี้ ซึ่งเขายอมรับกับทีมข่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจในปัจจุบัน ยังมีอาการหวาดระแวงอยู่




“ผมว่าก็รู้สึกแพนิกอยู่ ยังรู้สึกหลอนๆ กลัว คือ จากที่เราได้อ่านในสิ่งที่คนอื่นโพสต์เขาเจอการข่มขู่ โดนเหมือนไล่ล่า แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครโทร.มาข่มขู่ หรือข้อความใดๆ ที่มาข่มขู่ เขาก็เงียบไปเลยของเขา แต่ตัวผมเองไม่ได้ติดใจอะไร เพราะว่าเราไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก…


ตอนนี้มีผู้เสียหายที่เกิดจากการกระทำของคนๆ เดียวกัน คือ หลายคนครับ ทุกคนล้วนแต่เหตุการณ์คล้ายๆ กัน ก็มีการทุบตี มีตบหน้า มีการกระชากหัว มีการบีบคอ มีการเขวี้ยงของใส่ และมีการด่ากราดใส่ มีการข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ใช้เส้นสายในการข่มขู่”


อย่าวางใจ แม้อีกฝ่าย เป็นบุคคลมีชื่อเสียง!!


“ผมไม่รู้จุดประสงค์เลยจริงๆ คือ ที่เล่าไปทั้งหมดในทวิตเตอร์ คือ กลับมาก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ของเขาที่นัดไป เพราะจากโปรไฟล์แล้ วไม่น่าเป็นเรื่องของการชิงทรัพย์

แต่จะบอกว่านัดมีอะไรกัน มันก็ไม่ได้เป็นรูปแบบนั้น ก็เลยไม่รู้เหมือนกันครับว่าจุดประสงค์ แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคลั่ง หรือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น


อย่างไรก็ดี เมื่อสืบทราบว่า บุคคลที่กระทำเป็นคนมีชื่อเสียง แถมมีผู้ติดตามมากกว่า 4 หมื่นคน ชายวัย 25 ปีรายนี้ ก็ช่วยสะท้อนว่าไม่ควรไว้วางใจใครทั้งนั้น หากไม่ได้รู้จัก และวางใจได้

“ตอนนี้ก็ยังเข็ด คือ ตอนนี้ก็กลัวด้วย เพราะว่าเราทวีตข้อความไปด้วย ตอนนี้เรื่องราวมันเป็นกระแสสังคมขึ้น

คือ เรื่องมัน Mass ขึ้นมา ทุกคนเริ่มตระหนักกันมากขึ้น และทุกคนพยายามเสาะหาว่าเขาคือใคร จนตอนนี้เรื่องราวมันกลายเป็นว่ากลัว เพราะว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยด้วย ด้วยความที่เขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง รู้จักคนพอสมควร


ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ แล้วเขาจะรู้รึเปล่าไม่รู้ว่า เราได้ข้อมูลต่างๆ อะไรมา มันเยอะ ก็เลยค่อนข้างกลัว กังวลอยู่ ปัจจุบันนี้ Follower เขาก็ 5 หมื่นกว่าครับ หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น Follower เพิ่มขึ้นอีก 5,000-6,000 คน”


โดยล่าสุด เขายังเล่าให้ฟังอีกว่า กำลังรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อพิสูจน์เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริง พร้อมเป็นอีกหนึ่งเสียงของทุกคนที่ไม่กล้าออกมาพูดว่าเคยเผชิญเรื่องเหล่านี้มาเช่นกัน

 “ผมพยายามรวบรวมข้อมูล หลักฐานทุกอย่าง คือ ประเด็นหลัก ผมไม่มีบาดแผล บาดเจ็บจากเขากระชากหัว คือ ตอนนี้ไม่ได้เจ็บ มันไม่ได้มีบาดแผลอะไรแล้ว คือ ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันตรงนั้น ผมก็จะหาหลักฐานอันอื่น ที่จะมาประกอบว่าได้มีการเจอเขาจริง และเรื่องที่เราเล่านี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้เป็นเรื่องที่เราแต่งขึ้นมาให้เป็นกระแส”


สุดท้าย หลังจากผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาได้ เขาได้ช่วยสะท้อนการนัดเจอคนแปลกหน้าผ่านแอปฯ ต่างๆ และฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ฟัง ถึงอีกมุมนึงของแอปพลิเคชันสมัยนี้ มีความน่ากลัวถึงชีวิต


“ปัจจุบันนี้ ผมคิดว่าเกย์หรือผู้หญิง ผู้ชายก็ใช้แอปฯ เป็นตัวเชื่อมในการเจอกันมากขึ้น ผมก็เลยออกมาสะท้อนอุทาหรณ์ให้เห็น เพราะว่าเผื่อจะมีคนไปเจอในรูปแบบเดียวกับที่เราเจอ เพราะว่ามันก็มีหลายเคสที่ผมเพิ่งจะได้รับรู้มา หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ แล้วมีคนส่งข้อความมาหาผม

คือ มันค่อนข้างอันตราย ผมคิดว่า ไม่ว่าคุณจะเรียกคนแปลกหน้ามาหาที่ห้อง หรือคุณจะไปหาที่ห้องเขา คือ มันอันตรายทั้งคู่ ควรจะคุยกันในระยะนึง ที่รู้โปรไฟล์กันดีขึ้น มีข้อมูลกันและกันมากขึ้น และเชื่อใจได้ในการพาตัวเองไป และไม่เป็นอันตราย

ไม่ใช่ว่าคุยปุบปับเหมือนเคสของผม มันคุยกันไม่ได้นาน แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แล้วพร้อมเจอกันแล้ว และมีเรื่องราวที่อาจจะทำให้เสี่ยงอันตรายได้”


ข่าวโดย :ทีมข่าว MGR Live 

** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น