xs
xsm
sm
md
lg

เจาะไอเดียร้านดัง สู้โควิดด้วย “ฉากกั้นโต๊ะกินข้าว” สุดเจ๋ง ราคาหลักสิบ [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


[ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก “Nation Photo”]



DIY ราคาถูก ส่งต่อให้ “ร้านรถเข็น”

หลังจากเริ่มมีการผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานที่ร้านได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม Social Distancing พร้อมทั้งต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรค เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายร้านเริ่มกลับมาเปิดให้บริการด้วยการนั่งกินที่ร้าน แต่ร้านที่ได้รับความสนใจในขณะนี้นั่นก็คือร้าน “จิวลูกชิ้นปลาเยาวราช” ร้านขายก๋วยเตี๋ยวบนถนนศรีย่าน ที่สร้างฉากกั้นให้แก่ลูกค้าที่มานั่งรับประทานในร้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค

ทีมข่าว MGR Live จึงติดต่อไปยัง ปิยะ อนุพงษ์องอาจ วัย 55 ปี เจ้าของร้าน เล่าว่า ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดนำมาเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม และติดพลาสติกใส สำหรับกั้นบนโต๊ะให้ลูกค้าที่มาด้วยกันสามารถมองเห็นหน้ากันผ่านช่องได้

หากลูกค้าที่ไม่ได้มาด้วยกันก็สามารถนั่งร่วมโต๊ะกันได้ ซึ่งมีระยะห่างระหว่างบุคคลประมาณ 1 เมตร โดยต้นทุนต่อหนึ่งอันตกอยู่ที่ประมาณ 50 บาทเท่านั้น




“ก็ใช้ฟิวเจอบอร์ดสำเร็จรูป 65x50 ซม. แล้วก็เจาะแผ่นตรงกลางให้มันมีช่องว่าง ใช้แผ่นพลาสติกเหมือนหน้าปก แผ่นละ 5 บาทก็ปิดไป แล้วเราก็ใช้ท่อพีวีซีไฟฟ้ามายึดให้มันเป็นขา ก็ใช้ได้

คือความตั้งใจเพื่อให้คนอื่นเห็นด้วยว่าดีไอวายมันสามารถใช้งานได้จริง และประหยัด เพื่อให้แม่ค้ารถเข็นเอาไปใช้ได้ เพราะตอนนี้อย่างคนอื่นทำออกมา มันก็เป็นอะคริลิก พวกนี้ต้องใช้ต้นทุนสูง อันนี้ต้นทุนต่อหนึ่งอันก็ 50 บาท

ท่อสีเหลืองร้อยสายไฟฟ้าเส้นหนึ่งความยาว 4 เมตร เราก็ตัดพอดี 40 ซม. มันก็จะได้ 10 ท่อน ก็จะใช้งานได้ทั้งอัน ไม่ต้องเหลือเศษอะไรเลย มันเป็นท่อพีวีซีไฟฟ้าที่เขาเอาไว้ใช้ร้อยสายไฟฟ้า ถ้าเป็นท่อพีวีซีสีฟ้าที่เราเห็นกันแบบนั้นมันใหญ่เกินไปสำหรับมาตั้งโต๊ะ มันก็เกะกะ”


โดยไอเดียนี้ยอมรับว่าดัดแปลงมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงปิดเมือง ผ่านการดูข่าวทางโทรทัศน์ จึงเริ่มลงมือทำ พร้อมดัดแปลงให้เหมาะสมกับการใช้งานในร้านมากที่สุด

“ผมเห็นแบบนี้จากบุรีรัมย์ วันนั้นที่เขาออกข่าวเรื่องเขาจะเปิดเมืองปิดเมืองอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วเขาจะทำเป็นศูนย์อาหารอะไรสักอย่างหนึ่ง วันนั้นที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ออกมา มีศูนย์อาหาร เขาทำแผงกั้นเป็นกระดาษลูกฟูก ต้นทุนสูง เราก็เลยมาคิดว่าเราจะทำยังไงกับร้านเรา

ก็ลองมาคิดดู แต่ไม่ใช่แบบเขา เพื่อให้มันได้ในราคาที่ถูกลง ความตั้งใจคืออยากจะให้คนอื่นได้ใช้ เพราทุกวันนี้ผมก็คิดว่าคนก็เอาเหมือนอย่างผมไปทำ อาจจะไป adapt ไปทำเป็นอย่างอื่น ทำเป็นแบบใส่พลาสติก เขาใช้ท่อสีฟ้าพลาสติกใสกั้น มันก็แล้วแต่เขาจะคิดกัน แต่ว่าเราเป็นคนจุดประกายเท่านั้น มันก็จะได้ทำให้คนออกมาเยอะๆ”


แม้จะสร้างความมั่นใจด้วยการทำฉากกั้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคให้แก่ลูกค้าที่มานั่งรับประทานที่ร้าน แต่ก็ยังไม่ได้รับผลตอบรับดีเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ที่มานั่งกินก็จะเป็นเพียงลูกค้าประจำ

“เพราะคนก็ยังกลัวอยู่ ลูกค้าประจำเขาไว้ใจเราก็จะเข้ามากิน เขาไว้ใจเรา เขาก็รู้ว่าร้านเราสะอาดอยู่แล้ว เขามั่นใจในตัวเรา คือการที่เข้ามากิน เขาต้องมั่นใจในตัวเราก่อน ถึงจะเข้ามากินได้ เป็นลูกค้าประจำส่วนใหญ่ แล้วลูกค้าจรที่เห็นก็มี อันนี้แปลกดี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ และส่วนใหญ่ซื้อกลับ take home 95% มี 5% เท่านั้นที่มานั่งในร้าน

สร้างความมั่นใจให้เขา เราทำตามมาตรการรัฐทุกอย่าง มีทุกอย่างพร้อมที่รัฐต้องการให้เราทำยังไง เราก็ทำตาม แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ลูกค้าก็ยังไม่เข้าทาน หรือว่าช่วงนี้อาจจะเป็นวันหยุดด้วย มันก็เลยยังไม่ตอบสนอง แต่ก็จะทำต่อไปจนกว่ามันจะเลิกกันข้างหนึ่ง จนกว่าเราจะประกาศชัยชนะกับโควิดได้แล้ว”


ต้องสู้กันต่อไป เมื่อรายได้ยังลดฮวบ!!

“มีเจลให้ ทำความสะอาดโต๊ะด้วยแอลกอฮอล์ ตอนลูกค้าลุกไปแล้วเราก็ฉีดทำความสะอาด ห้องน้ำก็ล้างวันละ 2-3 ครั้ง ตามมาตรการรัฐ”

นอกจากสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยการสร้างฉากกั้นระหว่างโต๊ะ สิ่งสำคัญที่ทางร้านยึดถือมาโดยตลอด คือ ความสะอาดที่ต้องคำนึงเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าจะช่วยหยุดการแพร่ระบาดได้

พร้อมปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค โดยมีเจลแอลกอฮอล์บริการลูกค้าก่อนเข้าร้าน ทำความสะอาดร้าน ไม่ว่าจะเป็นเช็ดโต๊ะด้วยแอลกอฮอล์ ล้างห้องน้ำให้บ่อยขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่มานั่งรับประทานอาหารภายในร้าน


“ก็ดีใจที่คนชื่นชม ไม่คิดว่ามันจะได้ขนาดนี้ จริงๆ เราไม่ได้หวังว่าจะต้องออกสื่อ หวังว่าให้คนแถวนี้เห็นแล้วเขาก็นำไปใช้งานได้ หรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นแล้วเอาไปใช้ที่บ้านเขานะ อะไรอย่างนี้มากกว่า คิดแค่นี้เองจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องออกสื่อได้เยอะขนาดนี้

เราก็ทำตามมาตรการของรัฐไป บางคนไม่ยอมทำตามมาตรการรัฐ เอาแต่ตามใจตัวเองเกินไป ที่ออกข่าวว่านั่งใกล้กัน นั่งชิดกันนั่นก็คือเขาไม่คืนกำไรให้กับสังคม เราก็ต้องช่วยสังคมไปก่อนตอนนี้ ช่วยไรได้ก็ช่วยไป มีกำลังแค่ไหนช่วยแค่นั้น ถึงเราจะไม่มีตังค์เราก็ช่วยอย่างนี้ได้”


เช่นเดียวกันนี้ยังฝากไปถึงร้านค้าทั่วประเทศ หากเปิดให้นั่งกินที่ร้านแล้วต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทำตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสอย่างเข้มงวด และอยากให้ทุกคนสู้กับโรคนี้ไปด้วยกัน

“ก็อยากจะให้ร้านค้าทั่วไป อยากจะให้เปิดร้านให้เยอะที่สุด เพราะตอนนี้ไม่มีใครกล้าเปิดร้านให้ลูกค้าเข้ามานั่ง เปิดเพื่อที่จะให้คนเข้ามานั่งกัน เพราะฉะนั้นก็ปิดกันอยู่แบบนี้ มันก็จะอยู่กันแบบนี้

ออกมาสักครึ่งหนึ่งของคนก็ยังดี 50% ของคนทั่วไปก็ยังดี เพราะตอนนี้คนออกมาข้างนอกแค่ไม่เกิน 10% จะได้ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย ผ่านตรงนี้ไปให้ได้ แล้วเขาก็จะได้มีแรงสู้ต่อ

ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะปิด หยุดกิจการกันไปหมดเพื่อรอเวลา ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องแย่ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้เขาสู้ขึ้นมา ถ้าไม่สู้เขาก็อยู่อย่างนี้ ถ้าไม่สู้กับโรค ต้องทำให้เขาตายให้ได้ โควิดต้องตายไปก่อน ไม่ใช่เราตายก่อน”


นอกจากนี้ เจ้าของร้านรายเดิมยังเผยอีกว่า ตั้งแต่มีประกาศเคอร์ฟิว ทางร้านก็ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงไปถึง 70% แต่ก็รู้สึกดีใจขึ้นที่ตอนนี้สามารถกลับมาขายได้อย่างเดิมแล้วบ้าง ถึงแม้อาจจะไม่เหมือนเดิม 100%

“อาทิตย์แรกของเคอร์ฟิวก็น็อกไปเลย ยอดขายลดลง 70% แต่พอลูกค้าค่อยๆ ปรับตัวได้ อาทิตย์ที่ 2 เขาก็เริ่มกลับมา แล้วก็ค่อยๆ เขยิบบ้างเหลือขายได้ 50%

ทุกวันนี้ก็ขายได้ประมาณ 70% แล้ว เพราะแถวศรีย่านไม่มีร้านปิดเยอะ ศรีย่านเป็นสถานที่ที่คนเดินเยอะมาก ร้านอาหารเยอะ คนก็มารวมกินอาหารที่นี่ เพราะที่อื่นปิดร้านกัน

แต่มันก็ยังไม่เสถียร ขายได้ 70% เป็นบางวัน บางวันก็เหลือ 50% มันไม่แน่นอน ไม่มีอะไรที่แน่นอน 50% บ้าง 40% บ้าง”






ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “จิวลูกชิ้นปลา”, “Nation Photo”
ข่าว : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : อิสสริยา อาชวานันทกุล




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


กำลังโหลดความคิดเห็น