“ไม่ใช่คำว่าลูกจะพิการไปด้วย” สาวป่วยกระดูกเปราะสุดกตัญญู ใช้งานฝีมือที่ตนเองถนัด ถักไหมพรมขายเป็นเสาหลักของครอบครัว “อยากทำบ้านให้แม่ อยากให้น้องเรียนจบเท่าที่น้องต้องการ”
โรคกระดูกเปราะคุกคาม ต้องดามเหล็กทั้งตัว!
ความพิการของคนเรา บางครั้งไม่ได้ส่งผลแค่การเคลื่อนไหว หรือใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบากเท่านั้น แต่ปฏิกิริยาของคนรอบข้างที่มีต่อผู้พิการในทางลบ ยังอาจส่งผลบั่นทอนกำลังใจในการดำรงชีวิตของผู้พิการเช่นกัน
แต่สำหรับ “ฝน-จรูญศรี ศรีมันตะ” หญิงพิการวัย 40 ปี ที่ร่างกายดามด้วยเหล็กทั้งตัวคนนี้ แม้จะเคยถูกถากถางด้วยคำพูด แต่จิตใจที่งดงามแข็งแกร่งของเธอ ก็ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค เธอยังคงเดินหน้ามุมานะด้วย 2 มือที่ยังพอมีกำลัง ด้วยการถักไหมพรมเป็นสินค้าต่างๆ หารายได้ ที่ไม่เพียงแค่เลี้ยงตนเอง แต่ยังจุนเจือครอบครัว ทั้งแม่และน้องสาวที่พิการไม่ต่างจากเธอ
ขาทั้ง 2 ข้างถูกดามด้วยเหล็ก
ฝนเล่าย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอว่า “โรคนี้เป็นตั้งแต่ 7 ขวบค่ะ เวลาอาการออกครั้งแรกจะปวดที่หลังมาก เหมือนกระดูกมันจะคดงอ คุณหมอส่งไปเอ็กซเรย์แล้วบอกว่าต้องดามเหลักไว้ไม่อย่างนั้นจะทรุดไปเรื่อย พอดามเหล็กก็มาปวดตรงโคนขา เอ็กซเรย์ดูมันก็หัก ก็ส่งลงมาจากที่โรงพยาบาลตากมาที่รามาฯ ก็ดามไว้ ขาข้างซ้ายครึ่งนึง ขาข้างขวาทั้งขาค่ะ
แล้วทีนี้ขาข้างซ้ายมาโผล่ออกตรงหน้าแข้ง ต้องผ่าเอาออกตอนประมาณ 18 ปี โผล่อยู่ตรงหน้าแข้งประมาณ 2 ปีกว่าๆ มันปวด คุณหมอเลยรีบหนีบเอาหัวเหล็กออกเพราะร่างกายอ่อนแอลง ไม่สามารถที่จะผ่าตัดได้นานๆ ก็เลยเจาะเอาหัวเหล็กออก
ผ่ามาไม่ถึง 3 เดือน เหมือนมันไม่มีตัวยึด น็อตที่หลังก็กำลังจะโผล่เพราะปี 54 ผ่าเอาเหล็กที่หลังออก มันโผล่ออกมา คุณหมอเลยตัดออกไปครึ่งท่อน เหลือน็อตแล้วก็เหล็กที่ท้ายทอยครึ่งนึง คุณหมอบอกว่าผ่าตัดใหญ่ ทำอะไรนานๆ ไม่ได้ แค่แก้ไขตรงนี้คุณหมอก็ยังช่วยปั๊มหัวใจเรา 2 รอบ ถ้าผ่าเอาออกก็ต้องดูอาการด้วย ไม่สามารถที่จะถอดอะไรได้ แต่เหล็กไม่ทำอะไรกับร่างกาย”
ฝนและน้องสาว
เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่า เคยรู้สึกท้อกับสิ่งที่ตนเองเป็นหรือไม่ เธอยอมรับตรงๆ ว่า “ท้อ” แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งบั่นทอนจิตใจให้แย่ลงไปอีก จึงเปลี่ยนมานึกถึงคนที่รักแทน เพื่อเป็นแรงในการสู้ต่อไป
“ท้อค่ะ เวลาป่วยแล้วเราตั้งใจทำงานให้ทัน พอเรานั่งนานมันก็เหนื่อย ปวดหลัง อ่อนแรง บางทีก็วูบไปเฉยๆ มีคิดว่าหรือเป็นเพราะเราที่เป็นพี่คนโต หรือเป็นเพราะเราเกิดมาลำบาก แต่คิดไปมันก็เหมือนกับทำให้จิตใจเราอ่อนแอ อ่อนแรงลง ก็ต้องคิดถึงหน้าแม่หน้าน้องไว้ เขาก็เป็นเหมือนหนู
ตอนนี้หนูส่งน้องไปเรียนที่ศูนย์คนพิการพระมหาไถ่ ให้เขาเรียนเพราะร่างกายเขาไม่ได้ดามเหล็กตรงขา ตอนนี้ร่างกายของเขาก็เห็นบอกว่าหายใจไม่ออก ต้องไปเพิ่มออกซิเจน คือเรา 2 คนจะป่วยเหมือนกันเพราะเป็นเหมือนกัน แต่ไม่อยากให้เขามาลำบากแบบเรา ถ้าเขามีการศึกษา เขาก็จะได้มีงานค่ะ”
ถักไหมพรมต่อชีวิต
“ถักไหมพรมอย่างเดียวเลยค่ะ มันเป็นผลมาจากที่ตอนนั้นนอนป่วยเพราะใส่เผือกดามหลังมั่ง ขามั่ง หมอห้ามนั่ง เขาส่งหนังสืองานฝีมือมาให้เราอ่าน มีไหมมีเข็มมีด้าย ก็หัดถัก"
แม้ร่างกายตั้งแต่หลังยาวไปถึงช่วงขา จะต้องดามเหล็กพยุงร่างกายไว้ แต่ก็ยังมีความโชคดีที่แขนทั้ง 2 ข้างของฝนพอจะใช้งานได้ เธอจึงใช้เวลาว่างระหว่างรักษาตัวจากการผ่าตัด ฝึกถักไหมพรมเรื่อยมา โดยในเวลาต่อมางานฝีมือนี้ได้กลายเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว
“เมื่อปี 54 น้ำท่วมอยุธยา ก็มีผู้ประสบภัยมาที่มหาจุฬาฯ (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) หนูก็เป็นหนึ่งในนั้น แม่ก็เป็นแม่บ้านที่นั่น แล้วทีนี้แม่บอกว่าน้ำกำลังจะเข้าตรงห้องแถวที่เช่าอยู่ มีลูกพิการอยู่ 2 คน ก็ขอรถจากศูนย์ประสบภัยไปรับหนูกับน้องมา พริบตาเดียวน้ำครึ่งห้องถ้าออกมาไม่ทัน
พอได้มาอยู่ศูนย์ผู้ประสบภัยซักพักนึง น้ำยังไม่ลด ทางพระอาจารย์และเจ้าหน้าที่ มีผู้ช่วยจิตอาสาต่างๆ หานั่นหานี่มาให้เราทำ ในนั้นมีเพาะถั่วงอก ทำถุงผ้า ถักไหมพรม หนูก็เลือกถักไหมพรมเพราะมีพื้นฐานตรงนี้ จากนั้นก็ถักนู่นถักนี้มาจนผู้ใหญ่มองเห็น ก็มีเจ้าหน้าที่ที่นั่นเมตตา บอกเอาน้องมานั่งขายตรงนี้สิ ก็เลยแนะนำหนูตั้งแต่นั้นมา 10 กว่าปีแล้ว
หนูก็จะขายเป็นหลักคือที่มหาจุฬาฯ ตั้งแต่แรกเริ่มเลย แล้วก็เฟซบุ๊ก “วิถีคน กล้า อดทนและต่อสู้” แต่ช่วงนี้ไม่มีออเดอร์เลยค่ะ 2 ปีหลังต้องเอาเงินเก็บมาใช้จ่าย ค่าเช่าบ้านค่าน้ำค่าไฟ เดือนละ 5,000 เราได้แค่เดือนละ
1-2,000 มันไม่พอ ถ้าจะกลับไปอยู่บ้านนอกก็ยิ่งไม่มีรายได้เลย”
แม้ฝนจะมีร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น แต่จิตใจที่งดงาม บวกกับความวิริยะอุตสาหะ ขยันทำงาน ก็ทำให้เธอเจอคู่ชีวิตอย่าง บัญชา สาบุญธรรม หรือ ลุงออย วัย 67 ปี ที่รักและให้เกียรติเธออย่างแท้จริง
แต่ชีวิตคนเราบางครั้งก็ไม่แน่นอน ในวันที่ลุงออยผู้เป็นสามียังแข็งแรง ยังทำงานเป็นกำลังหลักให้ฝนได้ แต่ไม่กี่ปีมานี้ สุขภาพของสามีเริ่มทรุดเพราะหลายโรครุมเร้า ทำให้กำลังหลักในการหารายได้คือฝนมากกว่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งคู่ก็สัญญาว่าจะอยู่ดูแลกันเช่นนี้ตลอดไป
“แรกๆ เลยหนูก็ไม่อยากจะมีแฟนหรอกค่ะ เขาก็ทำงานอยู่แถวนั้น เขาก็บอกให้แนะนำสาวให้หน่อยเพราะหนูมีเพื่อนเยอะ ก็เลยแนะนำให้ แต่แกก็มารู้จักกับหนู ก็มาตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมา คนรอบข้างตั้งแต่แรกๆ อยู่ด้วยกันมีกับสามีว่าเขาจะดีกับเราเหรอ แต่แกก็ดี ทำงานได้เงินเดือนมาก็ให้หนูหมด
แต่มีอยู่ช่วงนึงแกยังไม่ได้เป็นมากขนาดนี้ ความดันยังไม่ขึ้น ยังไม่เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ก็เอาผลไม้มาขาย ผลไม้ดองด้วย น้ำดื่มด้วย ก็ขายดีนะคะ แต่รถมันเสียบ่อย ขับไปเหมือนแกเบลอ บังคับรถไม่ได้ หนูก็เลยเอาแค่ขายของงานฝีมือไปก่อน ไม่ไหวจริงๆ ค่อยกลับภูมิลำเนา”
ทางด้าน สามีของฝน กล่าวเสริมว่า “อยู่กันมา 10 กว่าปีแล้ว ประทับใจมาก เป็นคนสู้ชีวิต สู้งานไม่ย่อท้อ ฉลาดด้วย คนอื่นถามว่าลูกสาวเหรอ ผมบอกแฟนผม ไม่ได้อายใคร อายทำไม ไม่คิดว่าเขาเป็นภาระในชีวิตเลย ต่างคนต่างหาช่วยกันไป”
ขอใช้เวลาที่เหลืออยู่กับทุกคนที่รัก
ปัญหาเรื่องสุขภาพของฝนไม่เพียงแค่โรคกระดูกเปราะที่รุมเร้าเท่านั้น แต่ยังมีผลข้างเคียงจากการผ่าตัดคืออาการปอดแฟบ ส่งผลกระทบถึงการหายใจ และอาจอันตรายถึงชีวิต!
“พอดีไปผ่าตัดเจาะเอาเหล็กที่ขาออกแล้วดมยาสลบไป ทำให้ปอดเราแฟบ ผ่าตัดบ่อยปอดก็จะแฟบ ก็จะแห้ง ต้องให้บริหารและดูดยาพ่น
ระยะยาวคุณหมอบอกว่าถ้าเป็นอย่างนี้หนูก็อายุไม่ยืน เพราะเสี่ยงกับการที่เราหลับแล้วขาดออกซิเจนโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ว่าหนูก็รู้สึกตัวอยู่ว่าสะอึกปุ๊บ หนูก็ต้องลุกขึ้นมานั่ง ทำให้ตัวเองมีสติ เฝ้าระวังเวลาหลับ”
สำหรับเป้าหมายในชีวิตตอนนี้ ฝนไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้เห็นคนที่ตนเองรักมีความสุข พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคนที่กำลังท้อแท้ ก็ให้ดูการสู้ชีวิตของเธอเป็นแบบอย่าง
มีชีวิตอยู่เพื่อแม่ น้องสาวและสามี
“อยากทำบ้านให้แม่ใหม่ ไม่อยากเห็นแกนอนแช่น้ำเวลาฝนเข้า เพราะว่าละแวกบ้านเขาถมที่สูง แม่กับหลานต้องลุกขึ้นมาวิดน้ำตอนกลางคืน อยากให้น้องเรียนจบเท่าที่น้องต้องการ แค่นี้ อยากอยู่กับเขานานๆ เท่าที่จะเราจะฝืนร่างกายได้
เป็นความที่เราเกิดเป็นลูก ถ้าเราพิการแล้วเราจะไม่ดูแลแม่มันก็ไม่ใช่ เพราะเราได้เป็นลูกของแม่ ไม่ใช่คำว่าลูกจะพิการไปด้วย ภูมิใจด้วยซ้ำที่ลูกคนนึงได้ดูแลแม่ แต่หน้าที่ของเรา แม่ไม่เคยร้องขออะไรจากหนูเลย มีเงินให้แม่เราก็ภูมิใจ ภาระสำหรับน้องสาวคือรู้ว่าพ่อห่วงน้อง เรารับปากกับพ่อเราก็ต้องทำให้ได้ จนกว่าเราจะหมดลมหายใจก็คือจบ
สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ อยากจะฝากบอกว่า ดูหนูเป็นแบบอย่างนะคะ ภาระมีทุกคน อยู่ที่ว่าเราจะสู้หาช่องทางให้ตัวเองได้มั้ย การมีหนี้สินเราก็ต้องขยันทำงาน ไม่ว่าอะไรหนูก็เอา เก็บขยะหนูก็ยังทำ การไม่มีหนี้และเข้มแข็งดีที่สุด ให้กำลังใจครอบครัวและตัวเองค่ะ”
การมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดความเข้มแข็ง ซึ่ง ฝน สาวที่ร่างกายพิการที่สู้ชีวิตคนนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความพิการไม่ได้หมายความว่าจะต้องอ่อนแอหรือรอรับความช่วยเหลือเสมอไป เพราะเธอนั้นมีพลังใจที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากเหล็กที่พยุงร่างกายไว้แม้แต่น้อย …
สัมภาษณ์ : รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียง : MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “วิถีคน กล้า อดทนและต่อสู้”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **