จากกินเบียร์แค่ขวดเดียว นำมาสู่อันตรายถึงชีวิต ด้วย “โรคตับแข็ง” สังคมตั้งข้อสงสัย ตับแข็ง=ดื่มหนัก ไม่ใช่หรือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเปิดใจ เคสหายาก ไม่เคยพบ เป็นไปไม่ได้ที่ป่วยเฉียบพัน!!
เพราะดื่มเบียร์ = ตับแข็ง!!?
“หลายคนสงสัยว่าผมป่วยเป็นโรคอะไร ผมเป็น “โรคตับแข็ง” ครับ เกิดขึ้นได้หลายอย่าง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่า ตัวผมเองจริงๆ เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ตั้งแต่เด็กยันเข้ามหา’ลัยเลย ซึ่งตัวผมเองมีร่างกายที่แข็งแรงมากๆ แทบไม่เคยป่วยหรือเป็นอะไรเลย
ทุกคนมักคุ้นชินกับคำว่าเป็นโรคตับแข็งต้องกินเหล้าหนักแน่ๆ ซึ่งไม่เสมอไปนะครับ การที่จะกินเหล้าแล้วเป็นโรคตับแข็งนั้นต้องเป็นคนที่กินหนักมากๆ และกินติดต่อกันเป็นเวลานาน 10-20 ปี เอ๊ะเรา
เป็นตับแข็งเพราะไวรัสตับรึป่าว ซึ่งก็จริงที่ไวรัสตับเป็นเรื้อรังนานๆ เข้าจะทำให้เป็นโรคตับแข็งได้ แต่ผลตรวจร่างกายของผมออกมา ผมไม่ได้เป็นไวรัสตับอะไรเลยด้วยครับ อ้าว..แล้วเกิดจากอะไรล่ะ”
ข้อความสุดสะเทือนใจ ที่ถูกเขียนไว้ก่อนเสียชีวิตบนเฟซบุ๊กของ “Rit Chatcharit” นักกีฬาว่ายน้ำ วัย 24 ปี
กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึง สำหรับการจากไปด้วยโรคตับแข็ง หลังรักษาตัวมานานกว่า 6 ปี
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน เขายังใช้ชีวิตตามปกติ ร่างกายแข็งแรง แต่หลังเมื่อเดินทางกลับมาบ้านที่ จ.กาญจนบุรี เกิดนอนไม่หลับ จึงหยิบเบียร์มาดื่ม 1 ขวด ตื่นเช้ามารู้สึกท้องอืด พอช่วงบ่ายถ่ายออกมามีกลิ่นแรงมาก กลิ่นคาวและมีสีดำเหมือนยางมะตอย เมื่อพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อเช็กอาการ ก็ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที
แต่หลังจากผลตรวจร่างกายออกมาก็พบว่าไม่เป็นอะไร หมอหลายคนก็ยังไม่ทราบ และเป็นเคสที่หมอหลายคนสนใจมาก เพราะถือเป็นเคสตัวอย่าง
หลังจากนั้นได้ถูกส่งตัวมาที่ รพ.ราชวิถี คุณหมอได้ทำการตรวจใหม่หมด และพบว่าโรคตับแข็งที่เจ้าตัวเป็นเกิดจาก “เส้นเลือดฝอยในตับอุดตัน” ซึ่งหมอก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร
อย่างไรก็ดี การสูญเสียในครั้งนี้ นำมาสู่การตั้งคำถามของสังคมที่ว่าเพียงเพราะเขาดื่มเบียร์เข้าไป จึงทำให้เกิดตับแข็งจริงหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นเคสที่พบเจอได้ไม่บ่อยนัก
เพื่อยืนยันคำตอบของเรื่องนี้ “นพ. ธรณัส กระต่ายทอง” แพทย์อายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหารและโรคตับ คลีนิกศูนย์แพทย์พัฒนา เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่า โรคตับแข็งถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว ในกรณีน้องที่เสียชีวิต ถือเป็นเคสที่ไม่ค่อยพบเท่าไหร่ รู้สึกมันแปลกๆ เหมือนกัน
“ส่วนมากไม่ค่อยเจอนะครับ แต่ว่าเขาน่าจะมีอะไรบางอย่างที่มันเฉียบพลันขนาดนี้ คือปกติโรคตับแข็งมันไม่เป็นเฉียบพลันไงครับ มันจะเป็นเรื้อรัง แล้วเป็นมาเรื่อยๆ เจ้าตัวเขาต้องรู้ก่อนว่าเขาเป็นตับแข็ง
คือถ้าคนเป็น ไม่น่ากินเบียร์ปุ๊บ แล้วมีอาการปั๊บ อันนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ยกเว้นอย่างเดียวว่าจะเป็นโรคอย่างอื่นเช่น เส้นเลือดในตับ มันมีการแตกในอะโนลิซึม คือมีกระบอกในเส้นเลือดแล้วมันแตกออกในช่องท้องอันนี้ผมไม่ทราบเพราะอะไร
เพื่อถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ไม่ประมาท ลองถามหมอรายนี้ว่า เป็นไปได้มั้ยที่ดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ จึงเป็นตับแข็ง หรือการดื่มมันเป็นตัวกระตุ้น ทำให้ยับยั้งโรคไม่ได้ เขาให้คำตอบว่าไม่จริง มันอาจจะบังเอิญกันพอดี แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าตับแข็งสาเหตุหลักๆ ร้อยละ 80 มาจากกินเหล้า และที่เหลือคือมาจากสาเหตุอื่นๆ
“ไม่เกี่ยวครับ คือเรื่องของการดื่ม มันมีส่วน แต่อย่างที่ผมบอกว่าการดื่มเหล้า จะเป็นไม่เป็นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าดื่มมานานแค่ไหนอย่างเดียว มันขึ้นกับว่าชนิดแอลกอฮอล์ที่ดื่มเยอะแค่ไหน แต่ถ้าเกิน 10 กรัมต่อวัน มีความเสี่ยงมากกว่า 10 ปี ที่จะเป็นภาวะตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ซึ่งพัฒนาต่อเป็นตับแข็งได้
จริงๆ แล้วกลไกหลัก มันเป็นโรคของทางกรรมพันธุ์ด้วย คือการกินเหล้า สังเกตว่าทำไมบางคนกินเกล้าไม่เป็น บางคนกินเหล้าก็เป็น มันก็ไปโยงเกี่ยวกับเรื่องพันธุกรรมบางอย่างที่ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน
คนไหนที่มีตัวเจเนซิส ไมโคนี่ ไม่สามารถสร้างเอมไซน์ที่ไปสลายแอลกอฮอล์ได้ดี มันก็จะเกิดภาวะตับอักเสบ แล้วพัฒนาต่อเป็นตับแข็งได้
แต่ถ้าบางคนกินเหล้ามาตลอด แล้วไม่เห็นว่าเป็น ก็เนื่องจากตับเขาอาจจะดี สามารถกำจัดแอลกอฮอล์ โดยใช้เอมไซน์ที่ร่างกายสร้างขึ้นมากำจัดออกไปได้ เขาก็ไม่ได้เป็นตับอักเสบ ไม่ได้เป็นตับแข็ง แต่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้มีการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหล้า เรื่องไวรัส B ไวรัส C เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องสำคัญ”
อัตราป่วยตับแข็ง เสี่ยงมะเร็งตับ!!
แน่นอนว่าเคสที่พบนั้น พบได้ยาก ซึ่งหลังจากมีการแชร์เรื่องราวออกไป นำมาซึ่งการสนใจเกี่ยวกับโรค ซึ่งคำถามที่หลายคนสงสัย คือเราจะสังเกตอาการที่แสดงออกมาได้หรือไม่ รวมทั้งจะรักษาให้หายขาดจากโรคนี้ได้มั้ย นพ.ธรณัส ก็อธิบายให้ฟังว่าตับแข็งแบ่งเป็น 3 ระยะ เป็น A, B, C สามารถรักษาหายได้ แต่อยู่ที่สาเหตุว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
“ระยะแรก คือ ระยะ A จะไม่มีอะไรที่บอกอาการ แต่ว่าตรวจเจอจากการทำอัลตราซาวนด์ หรือการตรวจไซโคสแกน อันนี้จะเร็วมาก จะบอกก่อนตั้งแต่ยังไม่มีอาการใดๆ ยังมีหน้าตาปกติ ไซโคสแกนก็จะอ่านคะแนนลงมา มีค่าผังพืดมันสูง แสดงว่าเริ่มมีผังพืดมาก หรือเป็นตับแข็ง
พอเข้าระยะ B คนไข้จะมีปัญหา คือเริ่มมีน้ำในท้อง เริ่มมีท้องโต เริ่มมีขาบวม เป็นระยะที่อาการเริ่มเห็นชัด และมีอาการอ่อนเพลีย
แต่พอเข้าระยะ C เริ่มตัวเหลือง ตาเหลือง อย่างที่เราเห็นคนที่กินเหล้าเยอะๆ แล้วเป็นตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต ขาบวม เหนื่อย มือสั่น สับสน ถ้าเป็นมากๆ ระยะ C ท้ายๆ คือของเสียมันก็จะคลั่ง ก็เริ่มจะซึมลง สับสน แบบนี้ต้องนอนโรงพยาบาล
รักษาหายได้มั้ย ต้องอยู่ที่สาเหตุ เช่น คนไข้กินเหล้ามา ถ้าหยุดเหล้าปุ๊บ มันอาจจะถอยหลังลง จากระยะ A กลับไปเป็นเกือบปกติ แต่ว่ายังมีพังผืดมากอยู่ มันถอยหลังได้
แต่ว่าเราเชื่อว่าเรื่องของตับแข็งเป็นระยะสุดท้ายของตับ แต่อย่าลืมมันมีหลายระยะ แล้วก็มาจากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น ไวรัส C บางคนเป็นแล้วรักษาหาย ก็ถอยกลังจากการเป็นตับแข็งมา เป็นปกติ เลยก็มี เพราะฉะนั้น รักษาหายได้ แต่อยู่ที่สาเหตุ ว่าสาเหตุจากอะไร”
นอกจากนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังทิ้งท้ายถึงวิธีดูแลตัวเองในเบื้องต้นด้วยว่า เริ่มจากการสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย และควรตรวจสุขภาพทุกครั้ง
อันดับแรกคือเรื่องสุรา เรื่องเหล้า คือยังไงต้องพยายามงด หรือแม้ที่บอกว่ากินน้อยๆ ไม่เป็นไร เพราะเราไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวร่างกายเรา สามารถที่จะทำลายพิษของแอลกอฮอล์ได้ดีแค่ไหน
2.เรื่องของยา บางคนกินยาแปลกๆ เช่น สมุนไพร แล้วไม่รู้ มันก็อักเสบ เวลามันอักเสบไม่ได้ปวดท้อง แต่อักเสบเรื้อรัง การอักเสบเรื้อรังทำให้เกิดภาวะผังพืด หรือตับขึ้นมา เพราะฉะนั้นมันก็พัฒนาต่อจากผังพืด กลายเป็นตับแข็งได้
3.ถ้ามีเรื่องโรคประจำตัว เช่นมไวรัสตับอักเสบชนิด B ชนิด C ควรได้รับการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้มันเข้าสู่ระยะตับแข็ง ที่สำคัญคนที่เป็นตับแข็ง ประมาณ 5-10% ต่อปี มันจะกลายเป็นมะเร็งตับ เพราะฉะนั้นอันนี้สำคัญ คือต้องคอยติดตามการรักษา
สุดท้าย คือการตรวจร่างกายประจำปี ถามว่าได้ประโยชน์มั้ย ได้ประโยชน์ ในแง่ของการทำอัลตราซาวนด์ จะเป็นตัวช่วยบอก เป็นไกด์สั้นๆ ว่าเรามีไขมันพอกตับมั้ย ลักษณะของตับเป็นยังไง ถ้าอัลตราซาวนด์แล้วอาจเป็นตับแข็ง แสดงว่าเป็นเยอะแล้ว
เพราะว่าตับมันเริ่มจะตะปุ่มตะป่ำ ตับมันเริ่มจะมีการ contract (ติดเชื้อ) ของตัวเนื้อตับแล้ว แต่ถ้าจะให้ไวกว่านั้น ในกรณีที่เราสงสัย ว่าเรามีไขมันสูง เรามีภาวะอ้วน ต้องควรมีการตรวจไซโพสแกน เพื่อยืนยันว่าเรามีไขมันพอกตับเยอะ หรือว่ามีผังพืดเยอะแค่ไหน อันนี้จะช่วยได้ค่อนข้างเร็ว”
ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **