เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดตัวนวัตกรรมยางมะตอยใหม่ล่าสุด Shell Bitumen FreshAir โดยสาธิตให้เห็นของจริงจากกิจกรรมทำถนนภายในบริษัท ว่าช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยช่วยลดการปล่อยก๊าซต่างๆ และฝุ่นละอองที่เกิดจากการผสมยางมะตอยในขั้นตอนการผลิตและระหว่างการปูผิวทางได้ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับยางมะตอยทั่วไป
ปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลก เชลล์ให้การสนับสนุนด้านพลังงาน โดยเน้นกลยุทธ์ด้านพลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม ให้กับผู้ขับขี่ ลูกค้าพันธมิตรของเชลล์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควบคู่กับการร่วมมือพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจ 4.0 ซึ่งมีความท้าทายด้านพลังงานและความต้องการด้านพลังงานที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นวัตกรรมยางมะตอย Shell Bitumen FreshAir เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นย้ำแนวทางในการดำเนินธุรกิจของเชลล์ และเป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการใช้งานด้านก่อสร้างถนน รองรับการเติบโตของเมือง และมีส่วนช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศได้อีกทางหนึ่ง”
ด้าน ธเนศร์ รัชตะปีติ ผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจยางมะตอย ภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง บริษัท
เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า “โครงสร้างพื้นฐานถนนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน การขยายตัวของเมืองหลวง การขนส่งที่หนาแน่นขึ้น และกิจกรรมของอุตสาหกรรมต่างๆ เองก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศด้วย เชลล์มีความเข้าใจถึงความต้องการของอุตสาหกรรมการก่อสร้างถนนและโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง จึงสนับสนุนให้มีความร่วมมือกันในการพัฒนาแนวทางการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาเติบโตของเมือง กลุ่มธุรกิจยางมะตอยเชลล์เชื่อมั่นว่า Shell Bitumen FreshAir นี้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของภาครัฐ อาทิ กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี”
Shell Bitumen FreshAir ประกอบด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมสารเติมแต่งที่ได้รับการพัฒนาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกของเชลล์ที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย โดยสารประกอบที่ใช้ในการยับยั้งโดยตรงกับสารประกอบซึ่งเป็นแหล่งที่มาของก๊าซต่างๆ ฝุ่นละออง และโมเลกุลที่ปล่อยกลิ่น โดยปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้น ณ แหล่งกำเนิดในระดับโมเลกุลจะช่วยลดก๊าซและฝุ่นละออง หรือช่วยลดการระเหยของก๊าซและฝุ่นละอองดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่การลดผลกระทบทางคุณภาพอากาศได้ในที่สุด
เป้าหมายของเชลล์ เปิดตัวนวัตกรรมยางมะตอยใหม่ล่าสุด Shell Bitumen FreshAir สู่ท้องตลาด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบของคุณภาพอากาศ ในระหว่างการผลิตและปูผิวทาง โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซต่างๆ และฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นจากการผสมยางมะตอยในขั้นตอนการผลิตและระหว่างการลาดยางเฉลี่ย 40% เมื่อเทียบกับยางมะตอยทั่วไป เชลล์คือผู้ผลิตยางมะตอยรายแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศนี้
ผลิตภัณฑ์ Shell Bitumen FreshAir ได้ทำการทดสอบแล้วกับทั้งผู้ก่อสร้างถนนและผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศ ในสถานที่จริง ในแปลงทดสอบใน ประเทศฝรั่งเศส ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศไทย และ สหราชอาณาจักร
สำหรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เชลล์ได้ดำเนินการศึกษาทดสอบยางมะตอยหลากหลายเกรดจากหลากหลายภูมิภาคกว่า 20 ตัวอย่างภายในห้องปฏิบัติการของทีมวิจัยและพัฒนาระดับโลกของเชลล์เพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์คุณภาพ โดยการทดลองในห้องปฏิบัติการนั้นได้จำลองการประยุกต์การใช้งานยางมะตอยตั้งแต่กระบวนการการจัดเก็บยางมะตอย การขนส่ง การผสมยางมะตอย และการบดทับ ไปจนถึงช่วงเริ่มต้นของการใช้งานถนน เพื่อตรวจสอบผลกระทบของยางมะตอย Shell Bitumen FreshAir ต่อคุณภาพอากาศในสภาวะที่แตกต่างกัน
ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ได้แก่
•การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของตัวชี้วัดด้านคุณภาพอากาศ ได้แก่ ซัลเฟอร์ออกไซด์ (SOx) ไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) ฝุ่นละออง (PM) สารประกอบอินทรีย์ระเหย (TVOC ) และ สารประกอบที่ทำให้เกิดกลิ่น
•Shell Bitumen FreshAir สามารถลดก๊าซและฝุ่นละอองชนิดต่างๆ ที่เกิดระหว่างการผสมยางมะตอยได้เฉลี่ยสูงถึง 40%
การเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ยางมะตอย Shell Bitumen FreshAir จะมีผลต่อการลดอนุภาค PM10 เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของการปลูกต้นไม้ 16 ต้น หรือเทียบกับการลดไนโตรเจนออกไซด์ เท่ากับการงดใช้รถยนต์ถึง 40 คัน ต่อกิโลเมตรของการปูยางมะตอยต่อปีผลการทดสอบดังกล่าวอ้างอิงการเปรียบเทียบระหว่างยางมะตอยทั่วไป และ Shell Bitumen FreshAir
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Shell Statistics and Data Science เมืองไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยผลลัพธ์ข้างต้นนำมาจากข้อมูลห้องปฏิบัติการที่ระดับความมั่นใจ 95 เปอร์เซ็นต์
ผลการทดสอบภาคสนาม การทดสอบภาคสนามครั้งแรกในเอเชียได้ถูกทดสอบขึ้นที่ประเทศไทย บริเวณถนนเลี่ยงเมืองสระบุรีฝั่งตะวันออก ตำบลตะกุด อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ซึ่งการทดสอบดังกล่าวนี้ ปฏิบัติตามแนวทางการตรวจสอบโดยสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) และ สำนักงานสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป (EEA)
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.shell.com/business-customers/bitumen/about-shell-bitumen.html