เปิดชีวิตล่าสุด!! พระเอกชื่อดัง น้ำ-รพีภัทร กับชีวิตนอกจอ สู่ยูทูบเบอร์บ้านนา ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ติดดิน แต่ได้ค่าตอบแทนหลักล้าน จากความชอบตั้งแต่เด็กสู่ฟาร์มไก่เงินล้าน พร้อมเปิดความน่ารักสอนลูกไม่ให้ติดโทรศัพท์ เลี้ยงไก่-ควาย-ม้า ปลูกฝังให้รู้จักแบ่งปัน มีใจเมตตา
ยูทูบเบอร์บ้านนา สร้างกิจกรรมไม่ให้ลูกติดโทรศัพท์
“ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันพอดี ไม่ต้องรวยมาก ลูกเมียไม่ได้อด ไม่ได้ลำบาก แต่ถ้าถามว่ารวยมากไหม ผมไม่ได้รวยมากกว่าใครหรอก แต่ผมคิดว่ามันลงตัว ทุกคนมีความสุข คุณภาพชีวิตดี อากาศดี แค่นั้นแหละครับ”
เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก พระเอกหนุ่มหล่ออารมณ์ดี อย่าง น้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล พระเอกแห่งวิกหมอชิต วัย 34 ปี ที่เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อมากความสามารถ ซึ่งก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงจากการได้รับตำแหน่ง Dutchie Boy ปี 2001
ในมุมการแสดงที่ไม่ว่าจะเล่นละครเรื่องไหนก็ครองใจคนดูได้ทุกเรื่อง แม้จะอยู่ในวงการมานานกว่า 18 ปีแล้วก็ตาม ด้วยความเป็นกันเองน่ารักกับแฟนคลับเสมอ ทำให้มีแฟนคลับติดตามอย่างเหนียวแน่นเสมอมา
แต่วันนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งบทบาท กับการเป็นยูทูบเบอร์ ที่มีคนติดตามทะลุเกือบ 20,0000 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นการนำเสนอความน่ารักที่เป็นกันเองตามสไตล์หนุ่มอารมณ์ดี พร้อมกับวิถีพอเพียง แต่ได้ค่าตอบแทนหลักล้าน
“ละครผมเองก็อาจจะไม่ได้อัดแน่น ไม่ได้มีตลอดเวลา มีช่วงเว้นออกอากาศบ้างไม่ได้มีเห็นหน้าบ่อยๆ สำหรับใครที่นึกถึง คิดถึงกันก็ไปติดตามได้ในช่องยูทูบ “Nam Rapeepat” ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมคิดว่ามันเป็นตัวผม แล้วผมก็พยายามจะนำเสนอวิถีที่ผมใช้ ผมอยากทำ หรือบางกิจกรรมผมไม่เคยทำ แต่แฟนคลับอยากให้ทำ ผมก็จะสนองนีดให้กับแฟนคลับที่เขาติดตามและก็คอมเมนต์เข้ามาได้
ก็ลองดู มันก็ไม่ได้ผิด ตอนนี้มันยุค 4G แล้ว เป็นยุคที่ทุกคนสามารถมีช่องของตัวเองได้ ก็นั่นแหละครับก็ทำไปในสิ่งที่เราอยากทำ ทำสนองนีดตัวเอง นำเสนอที่มันเป็นเรา บางครั้งคนเรามันจะเป็นคนอื่นได้นานแค่ไหน ผมก็ยังคิดอยู่ สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นตัวเอง อยากทำอะไรที่มันเป็นตัวเราเอง เรานำเสนอในรูปแบบของคนอื่นมาเยอะแล้ว นำเสนอที่เป็นตัวเองดูบ้างมันจะเป็นยังไง มันจะดีหรือไม่ดีอะไรก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อยมันก็ได้เป็นตัวของตัวเอง”
โดยเฉพาะความน่ารัก มีคนแชร์และพูดถึงเป็นอย่างมาก หลังจากมีการโพสต์ภาพผ่าน อินสตาแกรมส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “namrapeepatekpankul” คือให้น้องมารีนลูกสาวคนเล็กหัดเลี้ยงไก่ พร้อมระบุแคปชันว่า “เด็กเลี้ยงไก่ประจำฟาร์มครับ”
“กิจกรรมก็จะวนเวียนกันไป ให้ลูกเลี้ยงควายบ้างเลี้ยงไก่บ้าง ให้เขาได้อยู่กับชีวิตแบบนี้ เขาก็สนุกกับกิจกรรม สนุกแบบเด็ก แต่ยังไม่รู้ว่าเขาชอบแบบไหน ให้เขาเลือกดูอีกที รอให้เขาเอ่ยปากบอกเอง อย่างพาโอเชี่ยนมาที่อุดรฯ เขามีประกวดควายเผือกพรรคพวกผมก็ให้ไปจูงควายเผือกลงสนามประกวดก็ถือว่าโอเค ให้ความร่วมมือดี เขาก็สนุกของเขา ให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่
[สอนน้องมารีน ลูกสาวคนเล็กเลี้ยงไก่]
อย่างหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เด็กยุคนี้ยังไงก็อยู่กับโทรศัพท์ อย่าว่าแต่เด็กยุคนี้เลย เราเด็กยุคก่อนเรายังก้มหน้ากับโทรศัพท์เลย แต่บางครั้งหากิจกรรมอะไรก็ได้ให้ลูกได้เงยหน้าออกจากโทรศัพท์บ้างแค่นั้นก็พอ เพราะว่าถ้าเราไม่ตั้งกฎอะไรเลย เขาก็จะก้มอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราหากิจกรรมให้เขาได้ทำ สุดท้ายเขาก็จะเงยหน้าจากโทรศัพท์มาทำกิจกรรม สุดท้ายจะไปก้มอีกสักแป๊บก็โอเค
เวลาผิดก็บอก ดีแล้วก็ชื่นชม ก็แค่นั้น ลูกเรามันก็จะไปยากอะไร ผิดอะไรก็เตือนก็สอนเดี๋ยวนั้น เพราะว่าเขายังเด็ก ด้วยความที่เขายังเด็กเราปลูกฝังเขาแล้วผิดต้องรีบบอก ถ้าทำถูกดีงามก็ต้องชื่นชมเพื่อเป็นกำลังใจ ไม่ใช่จะดุอย่างเดียวก็ไม่ถูกต้อง”
ไม่เพียงเท่านี้ หนุ่มน้ำยังชอบพาครอบครัวไปมอบสิ่งของให้ผู้ที่ขาดแคลนอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่านอกจากใช้ชีวิตติดดินแล้ว ยังชอบช่วยเหลือคนอื่นอีกด้วย
“ก็มีไปเรื่อยๆ ครับ มีไปตลอด จะมีพรรคพวกคอยส่งข่าวว่าตอนนี้เขาขาดแคลนอะไร กลุ่มที่ผมอยู่ก็จะเป็นกลุ่มคนเลี้ยงไก่ชน เลี้ยงไก่ชนด้วย ชอบทำบุญด้วย ก็จะจับกลุ่มกันไปคนละนิดละหน่อยก็ช่วยกันไป พวกผมก็เป็นแค่สะพานบุญที่ส่งข่าวบอกต่อแล้วก็พาบุญของแต่ละคนให้ไปถึงที่หมายแค่นั้นเอง
ล่าสุดไปที่น่านครับ ก็ไปมอบของใช้ที่จำเป็นต่างๆ เครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้ง แบตเตอรี่ที่ต้องใช้ เพราะบางที่บางจุดเขาไม่มีไฟฟ้าใช้ เดินทางลงมา ขับขึ้นไปเนี่ยถ้าไม่ใช่โฟร์วิล ไม่ใช่กระบะยกสูงก็ลำบาก ไปให้เราสัมผัสเอง พาลูกไปพาทุกคนไปให้เขารู้ว่า”
คุณพ่อลูกสองยังเล่าอีกว่า พยายามปลูกฝังลูกให้ซึมซับ รู้จักการแบ่งปันจากกิจกรรมที่ร่วมกันทำ ถือเป็นการสอนลูกไปในตัว อย่างการเลี้ยงสัตว์ก็สอนให้มีใจเมตตาด้วย
“มันเหมือนเป็นการสอนลูกไปในตัวด้วยว่า เวลาที่เราคิดว่าเราแย่ไม่มีอะไรไปดูคนที่แม่งไม่มีอะไรมากกว่าเรามันจะยิ่งรู้สึกว่าเราเนี่ยมันสบายแล้วนะ ได้กินอิ่ม ได้นอนอุ่น เพราะฉะนั้นอย่าไปเครียดเลย อย่าไปเครียดให้กับชีวิตให้มันมากมาย คนที่เขาควรจะเครียดมากกว่าเรามีอีกเยอะแยะ ก็สอนลูกไปในตัว สอนให้เขาแบ่งปันไปในตัว
[น้องโอเชี่ยนลูกชายคนโต มอบของช่วยเหลือ พร้อมสอนให้แบ่งปัน]
อย่างการเลี้ยงสัตว์ก็ให้รู้สึกว่ามีใจเมตตามันก็สอนไปในตัว วิธีการสอนลูกของผมไม่มีอะไรเลย สอนในสิ่งที่เราทำ ไปไหนก็พยายามพาเขาไปด้วยตลอด ไปกันแบบครอบครัว กระเตงๆ กันไป ปีนี้โอเชี่ยนก็ 7 ขวบ มารีนก็จะ 2 ขวบแล้วครับ”
[ครอบครัวเอกพันธ์กุล]
จากพระเอกดังสู่ “ชีวิตบ้านนา”
เปิดชีวิตนอกจอ กับอีกมุมหนึ่งของพระเอกชื่อดัง กับวิถีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและติดดินแบบสุดๆ ตามความฝันในวัยเด็กที่บ้านเกิดจังหวัดนครนายก ถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับใครหลายคนได้เลยทีเดียว
“ผมมีความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า ยังไงสุดท้ายปลายทางชีวิตผมก็กลับไปอยู่ต่างจังหวัดแน่นอน ก็คือกลับไปอยู่บ้านเกิดผมเอง เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่ได้มาจากคนเมือง ผมมาจากคนต่างจังหวัด วันหนึ่งผมก็อยากจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ที่มันเป็นจังหวะชีวิตที่มันสบายกว่าการที่อยู่ในเมืองอยู่แล้ว
ผมไม่ใช่คนเมืองที่มีความคิดอยากออกไปอยู่ต่างจังหวัด แต่เป็นคนต่างจังหวัดที่เคยใช้ชีวิตในเมือง แล้วเรายังคงรักกับการที่ใช้ชีวิตต่างจังหวัดมากกว่าการอยู่ในเมือง
ผมว่าพื้นฐานของคนหลายคนคือเขาจะเป็นเหมือนผม คือเขาเป็นคนต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ ได้คลุกคลีบรรยากาศต่างจังหวัดเหมือนผม ผมว่าก็มีหลายๆ คนที่มีความคิดคล้ายๆ กัน เราคงไม่ใช้ชีวิตในเมืองจนสิ้นอายุขัย วันหนึ่งเราก็อยากกลับไปอยู่บ้านเรา บรรยากาศที่เป็นบ้านเรา
ผมก็แค่รู้สึกว่า ผมก็เหมือนกับทุกๆ คนที่มีความคิดว่า ผมคนต่างจังหวัด คุณก็คนต่างจังหวัด วันหนึ่งก็อยากกลับไปอยู่บ้านเรา ที่ใช้ชีวิตแบบเนิบๆ เหมือนอย่างที่เราเคยใช้ แค่ผมสามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมแค่นั้นแหละ”
2 ปีกว่าที่ตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านเกิด หนุ่มน้ำก็ยอมรับว่าชีวิตเขานั้นเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นชีวิตดีๆ ที่ลงตัวเลยก็ว่าได้
“สิ่งที่มันแตกต่างจากเดิม คือจังหวะการใช้ชีวิต ผมยังคงเล่นละครอยู่ปกติ แต่ว่าการทำงานคิวไหนที่ต้องมีถ่ายละคร ถ้ามีหลายวันผมก็อยู่ในกรุงเทพฯ ก็ยังคงมีบ้านในกรุงเทพฯ ที่ซื้อเอาไว้ ถ้าไม่หลายวันมาก โลเกชันส่วนใหญ่เราจะเป็นรอบนอก ปทุมธานี นนทบุรี ครบุรี ซึ่งผมก็ใช้เส้นทางที่มันไม่ต้องผ่านเมือง
ก็เดินทางใช้ระยะเวลาไม่ได้แตกต่างจากตอนที่ผมอยู่ในกรุงเทพฯ เพราะว่าสถานที่ที่ผมอยู่มันอยู่แถวเลียบทางด่วนรามอินทรา กว่าจะแหวกรถติดออกมามันก็ใช้เวลาในการเดินทางต่อ 1 วัน เฉพาะขาไปก็ประมาณชั่วโมงกว่าเกือบ 2 ชั่วโมง อยู่แล้ว
[บ้านที่จังหวัดนครนายก]
ผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่เข้ามาต่อสู้ พลัดถิ่นมาอยู่ในเมือง ก็คิดว่าให้มันเห็นเป็นรูปธรรม แต่ว่าทุกอย่างทำไปตามกำลังและงบประมาณที่เราสามารถจะทำได้
จริงๆ แล้วคนบางคนไม่ต้องเข้ามาในเมืองเลยก็ได้ สามารถเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เข้าเมืองเลยก็ได้ แต่เราก็ทำแค่ตามกำลังนะ แต่ว่าทุกอย่างมันต้องใช้ความเอาใจใส่กับมัน แค่นั้นแหละผมว่ามันอยู่ที่ว่าเราเอาจริงกับมันมากแค่ไหนเท่านั้นเอง
อีกอย่างหนึ่งคือต้องหาในสิ่งที่ชอบ หาตัวเองให้เจอ เพราะหาสิ่งที่ตัวเองรักเจอมันก็จบ ต้องหาหัวใจ หาสิ่งที่ตัวเองรักให้เจอ แล้วมันก็จะสามารถอยู่กับมันได้ แล้วก็มีความสุข”
ปัจจุบันหนุ่มน้ำนั้นได้เปิด ธุรกิจฟาร์มไก่ ที่ชื่อว่า “รพีภัทรฟาร์ม” ที่ลงมือลงแรงสร้างมากับมือ จากความชอบตั้งแต่เด็กสู่ธุรกิจที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ หรืออาจจะบอกว่าเขาเป็นเศรษฐีฟาร์มไก่ชนเงินล้านก็คงไม่ผิดมากนัก นอกจากเลี้ยงไก่ชนแล้วยังขุดบ่อเลี้ยงปลา แถมล่าสุดทุ่มซื้อควายกว่า 1 ล้านบาท มาเลี้ยงเพื่ออนุรักษ์อีกด้วย
นอกจากนี้พระเอกดังวัย 34 ปี ก็ได้แต่งงานมีลูก 2 คน ชาย 1 คน ชื่อน้องโอเชี่ยน และหญิง 1 คน ชื่อน้องมารีน และยังถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่รักสัตว์ รักธรรมชาติ และรักชีวิตแบบพอเพียงอีกด้วย
จากความชอบตั้งแต่เด็ก สู่ฟาร์มไก่เงินล้าน
“ผมชอบเลี้ยงไก่มาตั้งแต่ผมสมัยเด็กๆ ครับ เมื่อก่อนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในชีวิตของเด็กต่างจังหวัดมันไม่มีอะไร ขี่จักรยาน กระโดดน้ำคลอง ตีไก่ กัดปลา ร้านเกม มันก็วนๆ กันอยู่ประมาณนี้
จากความชอบตั้งแต่เล็ก สู่ฟาร์มไก่เงินล้าน ลองผิดลองถูกลงมือลงแรงด้วยตนเอง มานานกว่า 8 ปี และฟาร์มไก่ชนถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หนุ่มน้ำย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด เนื่องด้วยอยากทำฟาร์มไก่ แต่ด้วยพื้นที่ไม่เพียงพอจึงเกิดปัญหาหลายๆ อย่าง สุดท้ายลงตัวที่นครนายก
“ฟาร์มไก่ไม่เงินล้านหรอกครับ รายจ่ายในฟาร์มก็ถือเยอะเดือนหนึ่งเป็นหลักแสนครับสำหรับผมเองก็มีรายจ่ายแทบตลอดแหละ มันก็ไม่ได้เงินเยอะ ซื้อมาขายไปเน้นขายคุณภาพ
คิดดูผมขายลูกไก่ไปได้เกือบ 2 ล้าน ยังมีคนยังอยากจะซื้อผมในราคาที่ให้กำไรผมอีก เพราะว่าเราเน้นขายคุณภาพ คนที่มาซื้อต่อผมเขาก็ไม่ใช่คนโง่หรอกเพราะสุดท้ายแล้วเขาก็สามารถถอนทุนคืนได้อยู่ดี
ไก่ผมซื้อมาขายไป ถ้าเป็นตัวแชมเปียนแล้วก็อยู่หลักหลายแสนนะครับ อย่างผมซื้อไก่มา 600,000 บาท หุ้นกับพี่ชายผมที่ทำไก่เหมือนกัน แล้วก็ขายลูกแบ่งกันคนละประมาณ ล้านกว่าเกือบสองล้าน แล้วผมก็ขายตัวเขาต่อไปอีกที่ซื้อมา 600,000 บาท ขายไป 700,000 บาท
ไก่เราก็มีเยอะครับในฟาร์ม ในฟาร์มผมมันเหมือนโชว์รูม มีที่ผลิตหลายโรงงาน เช่นจังหวัดสระบุรีมีโรงงานหนึ่ง นครนายกมีอยู่ 2 โรงงาน ปราจีนมีอีกโรงงาน โคราชมีอยู่ 3 โรงงาน ผลิตปุ๊บป้อนส่งมาที่อ.บ้านนา จ.นครนายกที่ผมอยู่ เพื่อเป็นโชว์รูมในการขาย นั่นแหละครับ ผมไม่ได้ขายอะไหล่ ผมไม่ได้ขายหน้าโรงงาน ผมจะมาขายเฉพาะที่หน้าโชว์รูม นั่นคือ วิธีการของผม
เวลาผมแบ่งสายพันธุ์ สายพันธุ์ไก่หนุ่มคัดผ่านผมแบ่งตัวละ 5,000 บาทขึ้นไป ไก่ตัวเมียสำหรับไก่สาวพร้อมนำไปผสมพันธุ์สายเลือดดีเริ่มต้นที่ 3,000 บาทขึ้นไป ไม่รวมค่าจัดส่งเพราะว่าค่าจัดส่งอย่างน้อยก็กล่องละ 500 บาท”
หากใครตั้งข้อครหาว่า เป็นการพาไก่ไปชนแบบผิดกฎหมายหรือไม่นั้น หนุ่มน้ำก็ได้ให้คำตอบกับเราถึงข้อนี้ว่า ไก่ชนที่ตนพาไปชนนั้น มีพื้นที่ให้แข่งขันถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างเช่นเดียวกับการแข่งกีฬา
คือไก่เราเป็นไก่นักกีฬา การที่จะพาไก่ไปชน มันก็มีสนามที่ได้รับอนุญาตถูกกฎหมายครับ มันไม่แตกต่างจากสนามมวยที่ถูกกฎหมายหรอกครับ ถูกต้องเหมือนกัน
ในฟาร์มก็มีไปชนเรื่อยๆ ถ้าผมทำฟาร์มแล้วแพ้ทั้งปีใครจะมาซื้อไก่ผม มันก็มีแพ้มีชนะแหละครับ แต่ว่าชัยชนะจะเยอะมากกว่าแพ้ มีไฟต์ชนะติดตัวมาเพื่อเป็นการพัฒนาต่อไปในสายพันธุ์ อีกอย่างราคาค่าตัวไก่ชนตอนนี้สูงสุดน่าจะอยู่ที่ 4-5 ล้านบาท การขยายพันธุ์เขาก็จะซื้อสายพันธุ์ที่เป็นแชมเปียน
อย่าคิดว่าไก่ชนเลี้ยงเพื่อเป็นการพนันเท่านั้น อาชีพเลี้ยงไก่ชน ถือเป็นเกษตรทางเลือก ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกรอีกด้วย
อาชีพเลี้ยงไก่ชนก็สามารถยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ แต่ผมอยากบอกเลยอย่างหนึ่งคือ อย่าคิดเรื่องตัวเงินเป็นหลัก อย่างที่ผมบอกว่าทำอะไรก็แล้วแต่ ทำจากใจรัก เริ่มจากอะไรที่เรารักมันจะอยู่กับมันได้นานที่สุด
บางคนพอจับไก่ เห็นว่ามันเป็นตังค์ อย่าไปคิดเรื่องตังค์เป็นที่ตั้ง จับควายเดี๋ยวดูเป็นตังค์ อย่าไปจับควายว่าเป็นตังค์ จับควายแล้วรู้สึกว่ารักแค่นั้นพอ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่ได้นำเสนอว่าเป็นไก่เป็นควายอย่างที่ผมทำนะ ทำอะไรก็แล้วแต่ที่เราลงไปจับต้องมันแล้วรู้สึกรักมัน
ผมเชื่อว่าทั้งควายและไก่ มันเป็นสัตว์ที่ไม่ต้องใช้น้ำเยอะ อย่างต้นไม้บางประเภทใช้น้ำเยอะ ต้นไม้บางประเภทปลูกกับดินแบบนี้ได้ ปลูกกับดินอีกแบบหนึ่งไม่ได้ อยู่อากาศที่ร้อนได้ อยู่อากาศหนาวไม่ได้ แต่ไก่ชนมันเกิดที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศเราที่มันอยู่ได้ดี แทบจะเพาะพันธุ์ได้ทั่วทั้งประเทศ
นอกจากภาคใต้ที่จะมีปัญหาหน่อยที่หน้าฝนจะเยอะนิดนึง แต่นอกนั้นพื้นที่อีสาน กลาง ตะวันออก ตะวันตก สามารถจะเลี้ยงไก่ชนได้ ผมก็คิดว่าเป็นเกษตรทางเลือกอีกทางหนึ่ง สร้างมูลค่าให้กับเกษตรกรนะครับ
ตลอดระยะเวลาที่ผมทำมา ผมคิดว่ามันสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรคนอื่นที่เขากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการเพาะปลูกในพืชอย่างอื่น หรือพืชเชิงเดี่ยวได้
ตอนนี้กลับกลายว่าการเลี้ยงไก่ชน กับเพาะส่งไก่พันธุ์กลายเป็นอาชีพเสริม บางคนทำเป็นอาชีพหลักให้กับครอบครัวเขาได้แล้ว ก็คิดไว้เป็นทางเลือก อย่าไปซีเรียสมองมันด้านเดียวเรื่องของการทรมานสัตว์ การพนัน อย่าไปมองอย่างนั้น ให้มันเป็นเกษตรกรที่มันเป็นทางเลือก อีกอย่างไก่ชนมันสร้างมูลค่าได้นะ ถ้าเราคิดด้านนั้นก็แล้วแต่ คนเราเหรียญมันมีหลายด้าน”
นอกจากนี้ หนุ่มน้ำยังช่วยสะท้อนให้กับเกษตรกรถึงปัญหาการส่งออกไก่ ที่นับว่าเจอปัญหาหนักอยู่ไม่น้อยตั้งแต่ครั้งเกิดโรคระบาดไข้หวัดนก ทำให้กลไกการส่งออกยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น
“ปัญหาการส่งออกไก่มันยังมีปัญหาพอสมควรครับ เพราะว่ามันมีช่วงหนึ่งที่มันมีเรื่องไข้หวัดนกที่มันเป็นปัญหายาวนานมา จนตอนนี้มันยังไม่มีอะไรสามารถแก้ปมนั้นได้ ปัญหาการส่งออกไก่ก็เลยเกิดขึ้น ทำให้กลไกในการที่จะส่งออกไก่มันมากขึ้น แต่ว่าตลาดความต้องการของไก่บ้านเราเยอะไหม เยอะมากนะ โคตรเยอะด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา และลาว พื้นที่โดยรอบอยากได้ไก่บ้านเรา
มันเป็นปัญหาของเกษตรกร ไม่มีผู้ใหญ่ใครเข้ามา มันไม่ได้ขับเคลื่อนฟันเฟืองขนาดใหญ่ แต่เพียงแค่เกษตรกรต้องดิ้นรนกันเอง แต่ไม่มีใครกระตุ้นที่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้ ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน เพราะว่าผลประโยชน์มันไม่ถึงใคร ผลประโยชน์มันขึ้นโดยตรงกับเกษตรกร ที่ไม่มีใครกระตุ้นให้แค่นั้นเอง”
แม้จะเปิดฟาร์มไก่ชน แน่นอนว่าพระเอกหนุ่มหล่อ ก็ไม่ทิ้งงานในวงการบันเทิง ยังยึดอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลัก เพราะยังสนุกและชื่นชอบ
“ฟาร์มไก่ชนไม่ใช่อาชีพหลักของผม อาชีพของผมคือเป็นนักแสดง อาชีพรองผมนายแบบ (หัวเราะ) งานอดิเรกผมร้องเพลง วันว่างผมเลี้ยงไก่แค่นั้นเอง
พอเราทำไปเรื่อยๆ ก็สนุกกับมันไปเรื่อยๆ ก็สนุกกับอาชีพนักแสดงด้วยนะครับ การเป็นนักแสดงเราก็อยู่ในตัวละครตัวนั้นที่มันไม่ใช่เรา แต่วันหนึ่งเราก็อยากเป็นเรา”
ควักเงินล้าน ซื้อควายเพื่ออนุรักษ์
นอกจากมีฟาร์มไก่ชนแล้วนั้น ล่าสุดพระเอกหนุ่มหล่ออารมณ์ดี ควักเงินล้านซื้อควายเผือกมาเลี้ยง แม้หลายคนจะมองว่าราคาแพงพอๆ กับรถหรู แต่ถือว่าคุ้มค่าที่ซื้อมา เพราะควายสามารถออกลูกได้ทุกปี
“ด้วยการจั่วหัวมันอาจจะดูรุนแรง ควายผมซื้อมันมาเป็นคู่แม่ลูก แม่ควายเผือกกับลูกควายสีดำที่เขาติดกันมาด้วย 2 ตัว คู่นี้ผมซื้อมา 1 ล้านบาท แต่ว่าในท้องแม่ควายเผือกตัวนี้เขาได้ตั้งท้องอีก 1 ตัว เท่ากับผมซื้อ 3 ตัว ในราคา 1 ล้านบาท
เป็นควายไทยที่มีสายพันธุ์มาจากจังหวัดอุทัยธานี เป็นควายงาม มีรูปร่างสูงใหญ่ เป็นต้นกำเนิดของควายยักษ์ที่เขาใช้ในเวทีการประกวดควายสวยงามอยู่แล้ว ก็เป็นควายอนุรักษ์ ความตั้งใจคือขยายพันธ์ต่อ และเพื่ออนุรักษ์ อีกอย่างก่อนที่จะตัดสินใจซื้อมาประมาณ 1 ปี ผมก็ได้ศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว ราคานี้มันเป็นราคาในท้องตลาดนะ
ถ้าถามว่าเรื่องของการซื้อคุ้มค่าไหม สำหรับผมเองผมคุ้มค่าสำหรับการซื้อ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งควายที่ผมซื้อมันเป็นควายที่เกรดและคุณภาพมันสมควรกับราคาที่มันควรจะเป็น”
นอกจากควายเผือกคู่แม่ลูก หนุ่มน้ำยังแอบทุ่มเงินอีก 500,000 บาท ซื้อควายอีก 1 ตัว ล่าสุดพาลงสนามไปประกวดที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับย้ำถึงความตั้งใจจริงอีกว่าอยากให้ควายไทยอยู่กับลูกหลานคนไทย ไม่อยากให้ลืมรากเหง้าของตัวเอง
“ผมมีควายอีก 1 ตัว ผมซื้อไว้ 500,000 บาท ชื่อน้องดวงดาว เลี้ยงไว้ที่มหาสารคามก็จะมีทีมงานที่เขาเป็นมือเลี้ยงมืออาชีพดูแลให้ ล่าสุดผมไปอุดรฯ พาน้องดาวไปประกวด ก็ได้ที่ 4 ครับ ควายเราเพิ่งประมาณ 1 ปี 6 เดือน แต่ตัวอื่นเขาประมาณ 2 ปีนิดๆ เราก็เหมือนมากระโดดข้ามรุ่นแต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์เพราะค่าตัวควายแต่ละตัวในรุ่นของผมไม่ต่ำกว่า400,000-700,000บาทอยู่แล้ว
รางวัลตอบแทนก็ไม่มีอะไรนะครับ มันก็แค่เป็นงานทางการพัฒนา รางวัลก็มี รางวัลที่ 3 3,000 บาท ที่ 2 5,000 บาท ที่ 1 7,000 บาท แต่ว่ามันเป็นแค่กำลังใจสำหรับการพัฒนาเฉยๆ เราก็อยากพัฒนาต่อยอดไปเพื่ออนุรักษ์ให้ควายไทยมันอยู่กับลูกหลานคนไทยให้เราไม่ลืมรากเหง้า ตอนนี้ก็นับว่ามีควาย 4 ตัว”
นอกจากควายทั้ง 4 ตัวนี้ หนุ่มน้ำยังมีความตั้งใจต่อจากนี้คือ อยากจะซื้อควายมาเลี้ยงเพิ่มให้ได้ 10 ตัว เพื่ออนุรักษ์ต่อไปเรื่อยๆ
“ความตั้งใจอยากจะมีให้ได้สัก 10 ตัว ก็ดูไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้รีบเพราะว่าควายดีๆ ก็ดูไม่เรื่อยๆ เราไม่ต้องรีบ เราก็ศึกษาของเราไปเรื่อยๆ แต่ว่าก็ต้องเน้นโครงสร้างที่สูงใหญ่ พันธุกรรมดี
ก็ศึกษานานอยู่เหมือนกันที่ตัดสินใจซื้อมาเลี้ยง อีกอย่างเราต้องเริ่มจากความรักมันก่อนนะ ทำในสิ่งที่เรารักมันก็ดีทุกอย่าง ต้องลองสัมผัสก่อนว่า เรารักจริงไหม นั่นแหละครับค่อยซื้อมาเลี้ยง
ผมโชคดีที่ได้ควาย 2 ตัวนี้ แม่ควายเผือกที่ชื่ออั่งเป่า แล้วลูกควายที่ชื่อน้องหยกมณี ผมสัมผัสแล้วมันเป็นควายนิสัยดี เราหลงรักเขาได้ง่ายมาก ก็เลยเป็นที่ต่อยอดมาจนถึงตอนนี้”
นอกจากเลี้ยงไก่ เลี้ยงควาย ยังมีม้าอีก 1 ตัว ที่เจ้าตัวซื้อไว้ พร้อมทิ้งท้ายว่าอนาคตอยากซื้อวาฬมาเลี้ยง
“มีม้าตัวเดียวชื่อเศรษฐี มันเป็นความสนองนีดของผมด้วยแหละ (หัวเราะ) เป็นม้าสายพันธุ์ไทย ทนสภาพดินฟ้าอากาศได้ ตั้งใจส่งไปฝึกเต้นเวลาแห่นาค ส่วนอนาคตอยากซื้อวาฬมาเลี้ยงครับ แต่ผมว่าแค่นี้กำลังสวยงามแล้ว พอแล้วไม่มีอะไรอยากจะเลี้ยงแล้ว มีวัว ควาย ไก่ หมา ม้า ปลา แค่นั้นพอแล้ว”
สำหรับใครที่รอผลงานทางหน้าจอของหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ หนุ่มน้ำก็ฝากบอกว่า ปีหน้ามีละครถึง 2 เรื่องให้ติดตาม อย่างแน่นอน
สัมภาษณ์: ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “Nam Rapeepat” ,อินสตาแกรม “namrapeepatekpankul”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **