“เผาไฟเป็นเถ้าถ่าน ไม่เกิดประโยชน์” เปิดใจ “พ่อเหยื่อรถทัวร์คว่ำ” บริจาค ดวงตา - ตับ - ไต ของลูกชายหลังสมองตาย ช่วยต่อได้ถึง 8 ชีวิต ครอบครัวสุดภูมิใจร่วมทำกุศลใหญ่ ได้คลายทุกข์จากความสูญเสีย เผยผู้ตายกลับมาเข้าฝันให้โชค "ซื้อเลขด้วยเด้อ 32"
1 ร่างต่อลมหายใจ 8 ชีวิต
“ตอนแรกที่รู้ว่าลูกจะเสีย คือในใจมันห่อเหี่ยว เสียใจ แต่พอบริจาคร่างกายเขาไป มันก็มีความดีใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่ยังเสียใจอยู่ แล้วมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามระยะเวลาของมัน ทุกวันนี้ก็หมดทุกข์แล้วครับ พี่น้อง ชาวบ้าน เขาก็ภูมิใจไปด้วย อนุโมทนาบุญไปด้วย เห็นเขาบอกว่าช่วยเหลือได้ 8 ชีวิต ผมก็ภูมิใจมากครับ”
แม้ สมหวัง เดิมบุรี จะยังอยู่ในห้วงอารมณ์เศร้าสลด ที่ต้องสูญเสียบุตรชายคนโตคือ “กัน - ชาคริต เดิมบุรี” วัย 27 ปี ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่ นั่นก็เพราะ 1 ชีวิตของลูกชายเขา สามารถต่อลมหายใจให้แก่ผู้ป่วยรายอื่นๆ ได้ถึง 8 ชีวิตด้วยกัน
โดยอุบัติเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ กัน ทำหน้าที่เป็นพนักงานประจำรถทัวร์ ของบริษัทเดินรถแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ในพื้นที่อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จู่ๆ ได้เกิดการเสียหลักจากฝนที่ตกลงมา ประกอบกับถนนที่ชำรุด ทำให้รถลื่นไถล ยางแตกและพลิกคว่ำ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คนและสาหัส 1 รายซึ่งก็คือ กัน อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เขามีภาวะสมองตายจากสาเหตุเลือดออกในสมอง
คุณพ่อของชายผู้บริจาคร่างกาย เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวแก่ทีมข่าว MGR Live ว่า “ไม่มีคู่กรณี คือถนนมันไม่เรียบ แล้วฝนมันตก ทีนี้รถมันลื่นก็เลยไถล คนขับแตะเบรก แล้วยางก็แตก แตกแล้วก็สะบัด กันเป็นเด็กรถครับ จริงๆ เขาไม่ได้ขึ้นรถคันนั้น พอดีคันนั้นไม่มีเด็กก็เลยไปช่วย มีผู้บาดเจ็บอีก 4-5 คน ที่หนักเหมือนกัน ก็รักษาตัวอยู่ กันมารักษาตัวที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดต่อ ร่างกายเขาไม่ตอบสนอง ไม่รู้สึกตัวอยู่หลายวัน แล้วบังเอิญเจ้าหน้าที่มาถามว่าจะบริจาคร่างกาย บริจาคอวัยวะมั้ย
ตอนนั้นผมอยู่กับน้องชายเขา ได้แต่มองหน้า แล้วก็พยักหน้าใส่กัน คือต่างคนต่างเข้าใจ เห็นตรงกัน น้องเขาบอกก็ดีนะพ่อ ดีกว่าเผาทิ้ง ให้ดวงตาเขาเป็นแสงสว่าง ก็เลยยอมรับและให้บริจาคไป ตัดสินใจไม่นาน พร้อมที่จะให้ เพราะว่าผมเองก็บริจาคร่างกายไปนานแล้วประมาณ 10 กว่าปี น้องเขาก็ต้องการจะบริจาคเหมือนกัน ก็เลยโอเค
ทางโรงพยาบาล เขาก็ไปจัดการทำความสะอาด เก็บรักษาอวัยวะต่างๆ เขาขอบคุณและมอบเงินช่วยทำศพให้ ตอนนี้ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่โคราชบ้านเกิดได้ 3 คืนแล้วครับ”
สำหรับอวัยวะของผู้เสียชีวิตที่บริจาคให้แก่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ตับ ไต 2 ข้าง และดวงตา 2 ข้าง
“ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีความคิดที่จะบริจาค ผมก็เคยบอกเขาได้กุศลเยอะนะลูก เขาบอกว่าเดี๋ยวจะทำให้แต่ไม่ได้ทำ พอมีโอกาสเข้ามาก็รีบคว้าเอา ทางภรรยาและลูกเขาก็โอเค เห็นด้วย เพราะสิ่งที่ได้ทำเขาได้บุญ แล้วอีกอย่างเขาก็คลายทุกข์ไปได้เยอะเลย จากเป็นทุกข์ที่เสียเขาไป
ก็อยากจะบอกกันไม่ต้องห่วง พ่อภูมิใจมากที่กันได้ทำบุญครั้งนี้ งานนี้จะไม่ให้เศร้า แต่บางครั้งคนเราก็มันก็มีอะนะความเสียใจ ตอนนี้ไม่เสียใจแล้ว”
ให้โชคคนอยู่ "ซื้อเลขด้วยเด้อ 32"
“เขาไปเข้าฝันบอกเพื่อน ไปตามเพื่อนบอกให้ไปงาน เขาก็บอกว่า "ซื้อเลขด้วยเด้อ 32" แล้วก็หายไปเลย บอกเพื่อนคนเดียวแต่มีการเล่าต่อๆ กัน ญาติต่อญาติ อยู่ชลบุรี อยู่ระยอง ถูกกันเยอะ ผมก็ถูกครับ ญาติพี่น้องทุกคนถูกลอตเตอรี่ เลยพากันทำบุญใหญ่โต ถวายพระ 11 เจ้าภาพ แล้วบรรยากาศตอนนั้นนะ ลั่นศาลาเลยครับ ได้เฮกัน เลยลืมโศกไปเลย”
การจากไปของกันในครั้งนี้ ไม่เพียงจะสร้างกุศลครั้งใหญ่ด้วยการบริจาคอวัยวะเพื่อต่อชีวิตผู้ป่วยคนอื่นๆ เท่านั้น คุณพ่อของเขายังได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ นั่นก็เพราะลูกชายผู้ล่วงลับได้กลับมาให้โชคคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ด้วยการเข้าฝันและให้เลข 32 จนมีคนถูกรางวัลกันเป็นจำนวนมาก
“เขาเสียไปแล้วบริจาคร่างกาย บริจาคเสร็จเขายังบอกให้ซื้อเลขได้มาทำบุญ ผมก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ถ้าถูกซัก 20 คน มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องอะไรที่ผิดปกติ แต่นี่คน 3 หมู่บ้าน สมมติคนเดียวกับกันไปมีแฟนอยู่บุรีรัมย์ เขาก็บอกเลขต่อ
ทางนู้นก็ซื้อ ญาติมีตรงไหนก็ไปเล่าให้ญาติเขาฟัง ก็ถูกกัน คนไหนได้ยินคนนั้นซื้อ ไม่เคยเจอแบบนี้ตรงๆ 32 แล้วก็ออก 32 23 ได้หมด รายจ่ายในวัดแทบไม่ต้องใช้เลยเจ้าภาพ คนที่ถูกเยอะเขาบอกว่าจะหานางรำมารำหน้าศพให้ช่วงก่อนจะเผาด้วยครับ”
นอกจากนี้ คุณพ่อสมหวัง ยังได้รำลึกถึงลูกชายผู้จากไปอีกด้วยว่า ลูกคนนี้เป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นที่รักของครอบครัวและเพื่อนๆ ทุกคน
“กันเป็นลูกชายคนโต เป็นคนที่เลี้ยงง่าย อัธยาศัยดี ไม่ถือตัว ใจเย็น เขาเคยบวชเณรมาพรรษานึง แล้วก่อนที่จะบวชเณรก็อยู่ที่วัด 2 ปี เลยซึมซับไปโดยอัตโนมัติ ลูกชายผมเป็นคนที่มีศีลธรรม เพราะว่าผมได้นำสวดมนตร์เช้า-เย็นตลอด เขาก็ซึมซับมาตลอดเหมือนกัน พอโตขึ้นมาก็ซักประมาณ ม.3 แม่เขาก็มาป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดและจากไป
กับครอบครัวเขาก็กลับมาก็ดูแลลูกกับภรรยาเขา ไม่ค่อยออกไปไหน เขาจะรักครอบครัว เพื่อนเขารัก กันเป็นคนดี ไม่มีวันลืมเลย เพื่อนเขาว่าอย่างนี้ เป็นที่รักของทุกคน”
สุดท้าย คุณพ่อของหนุ่มผู้สร้างกุศลใหญ่ ได้กล่าวถึงประเด็นความเชื่อแบบเดิมเกี่ยวกับการบริจาคร่างกาย โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่เชื่อ และอยากให้คนในสังคมช่วยกันบริจาค เพราะยังมีคนอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ
“คือคำพูดเหล่านั้นที่ว่าบริจาคดวงตาไป อวัยวะไป แล้วชาติหน้าเกิดมาจะไม่ครบ 32 อันนั้นความคิดของคนรุ่นก่อน แต่เราคนรุ่นปัจจุบันมันไม่ใช่ บริจาคปั๊บเราได้บุญ แล้วไม่ใช่บุญธรรมดา เป็นมหาบุญครับ สมมติเราได้บริจาคดวงตาให้เขา เขาจะได้ชีวิตใหม่ ได้โลกใหม่อีก สามารถมองเห็นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
อวัยวะของลูกผมอยู่กับคนถึง 8 คน แล้วผมอยากให้พวกเขาช่วยรักษาแล้วก็คิดเหมือนลูกชายผม ที่บริจาคร่างกายออกไป อยากให้ช่วยเยอะๆ เพราะคนยังรออยู่เยอะ คนลำบากกว่าเรายังมีอีกเยอะ สูญเสียไปแล้ว ไม่ได้เอาไปไหน เผาไฟเป็นเถ้าถ่าน ไม่เกิดประโยชน์ครับ ขอให้บริจาคกันเถอะ ช่วยเพื่อนมนุษย์ ก็อยากให้เป็นตัวอย่างนะครับในการบริจาคครั้งนี้”
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด”,“Tawan Thipmat” และ “กุ้ง 'จ๋าา”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **
