จากสองมือที่ควบคุมเส้นทางการบิน สู่การจับตะหลิวลวกเส้น! เจ้าของร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเรือกัปตัน” หลังชีวิตประสบวิกฤต “สายการบิน” ไม่จ่ายเงินเดือน ล่าสุด หันมาเป็นพ่อค้าสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว เจ้าตัวเปิดใจ ไม่เกี่ยงงาน เพราะทุกอาชีพมี “คุณค่า” เท่ากันหมด แถมใจดีให้คนตกงานกินฟรีอีกด้วย!
จาก “นักบิน” สู่ “พ่อค้า” ก๋วยเตี๋ยว
“ช่วงแรกของการตกงานมันจะรู้สึกเคว้งเหมือนกันนะ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า แต่เราจะต้องเอาชนะตรงนั้นให้ได้ ต้องรีบกลับมาเข้มแข็ง กลับมาตั้งสติ และหาทาง หาวิธีที่จะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้”
กัปตันนาวาตรี “ราชิต สันป่าแก้ว” เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังชีวิตพลิกผันจากนักบินสู่พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว เหตุจากสายการบินประสบวิกฤตการเงินบกพร่อง ทำให้ได้เงินเดือนไม่ครบจำนวนเป็นเวลาร่วมหลายเดือน ล่าสุด หันมาหาอาชีพใหม่เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหารายได้เลี้ยงครอบครัว
“ผมบินอยู่ที่สายการบินแห่งหนึ่ง ทางบริษัทเกิดปัญหา คือ ขาดทุนจึงงดจ่ายเงินเดือนมาสักพักหนึ่งแล้ว ผมก็เลยว่าง ไม่ได้ไปบิน จึงตัดสินใจมาหาอาชีพที่คิดว่าพอเลี้ยงครอบครัวได้ในช่วงที่เราไม่มีงานก็เลยมาขายก๋วยเตี๋ยวครับ
จริงๆ มันมีปัญหาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วครับ ให้เงินเดือนไม่เต็มเดือน เริ่มให้เดือนละ 3-4 หมื่นบาท เป็นปัญหาอย่างนี้มาพักหนึ่ง ช่วงหลังก็ไม่ได้ให้เงินเดือนมาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว
ซึ่งเงินเดือนของผมอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าบาทในตอนที่ทำงานเป็นกัปตัน ตอนนี้เขาให้งดปฏิบัติการบินอยู่ครับ ผมบินครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมิถุนายน (ปี 62)
ถามว่าทุกคนมีความรู้สึกว่าตกงานแล้วท้อแท้ ผิดหวัง ทุกคนมีครับ ผมก็มีเหมือนกัน แต่เราต้องคอยหากำลังใจ จากลูก จากภรรยา จากพ่อแม่ของเราเอง สร้างเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไปครับ
จากนั้นผมก็เริ่มหาลู่ทาง ตอนแรกมาขายส่งเสื้อผ้านำเข้าจากจีน แต่ว่าต้องใช้ทุนพอสมควร และคู่แข่งเยอะ พอดีมีพี่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าที่พัก เขาก็หยุดบ้าง ขายบ้างก็มีลูกค้ามาถามประจำ
ผมเลยขอซื้อกิจการต่อมาขายก๋วยเตี๋ยวแทน เพราะเป็นอะไรที่คนก็ต้องทานข้าว ถ้าเราทำอะไรที่มีรสชาติที่อร่อย สะอาด คัดวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ ก็คิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับลูกค้า”
เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากสมาคมนักบินไทย พบว่า ปัจจุบันมีอัตราการว่างงานของนักบินไทยที่จบใหม่มากถึง 600 คน ซึ่งกัปตันราชิตเองก็ได้สะท้อนถึงปัจจัยการว่างงานที่เกิดขึ้นด้วยว่า เกิดจากตลาดสายการบินเติบโตไม่เพียงพอต่อการรองรับนักบินที่จบใหม่ที่นับวันยิ่งมากขึ้น
“ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ และอัตราการเจริญเติบโตของสายการบินไม่ได้รองรับนักเรียนที่เรียนการบินจบมา มันไม่สอดคล้องกัน คิดว่าอย่างนั้น ผมก็อยากคุยกับน้องๆ นักบินที่ตกงานอยู่ตอนนี้ หรือว่ายังไม่เคยได้บินสายการบิน เพิ่งจบใหม่ ก็เป็นจังหวะดีของน้องๆ อยากให้คิดแบบนั้นนะ
ช่วงนี้แหละที่เราว่างมีเวลาค้นหาตัวเอง ลองทำอย่างอื่น มันอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในตอนแรก แต่ว่าอย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ ลองทำดู ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
อย่าไปคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะรับ เราก็จะท้อ ลองหาอย่างอื่นทำ เมื่อไหร่ที่สายการบินมันเจริญเติบโต สายการบินต้องการนักบิน ต้องการบุคลากร วันนั้นก็จะเป็นวันของเรา แต่ช่วงเวลาว่างอยากให้หาอะไรทำก็ได้ให้มีประโยชน์ อาจจะค้นพบตัวเองก็ได้ สู้ต่อไปครับ”
ทุกอาชีพมี “คุณค่า” เท่ากันหมด!
“ผมเป็นคนที่ไม่ยึดติดนะว่าเราเคยเป็นกัปตัน เคยบินรับส่งผู้โดยสาร พอมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ได้ยึดติดว่าจะมาทำไม่ได้นะ คือเราให้ความสำคัญกับทุกอาชีพ ขายก๋วยเตี๋ยวมันก็เป็นอาชีพที่น่าทำนะ ไม่ใช่แค่ขายไป แต่มันได้อะไรมากกว่าสิ่งที่เป็นมูลค่า”
ระยะเวลากว่า 15 ปีที่โลดแล่นในเส้นทางการเป็นนักบิน แม้ปัจจุบันจะผันตัวมาเป็นพ่อค้าสวมผ้ากันเปื้อนทำอาหารให้ลูกค้า แต่เจ้าตัวเชื่อเสมอว่าทุกอาชีพล้วนให้ประสบการณ์ดีๆ ที่ไม่คาดคิด แม้รายได้จะแตกต่างแต่ความสุขที่ได้รับนั้นไม่ต่างกัน
“ผมได้เจอลูกค้า ได้เจอเพื่อนฝูงที่มาให้กำลังใจ เจอคนที่ไม่รู้จักมาพูดคุย มาถามไถ่ มันก็ได้ประสบการณ์ ได้ทัศนคติ ได้อะไรหลายๆ อย่าง ที่มากกว่ามูลค่า มากกว่าสิ่งที่เราขายอยู่ มันได้มากกว่านั้น แต่หากพูดถึงมูลค่า หรือผลตอบแทน ยอมรับว่ามันก็ต่างกันอยู่
เพราะการเป็นอาชีพกัปตัน นักบิน ต้องลงทุนกว่าจะมาเป็นนักบินได้ มันก็ต้องใช้ต้นทุนสูงพอสมควร และความรับผิดชอบมันต่าง เขาก็เลยให้เงินเยอะ แต่พอเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว ผมคิดว่ามันไม่ใช่แค่ค่าตอบแทนว่าชามละกี่บาท คิดว่ามันได้หลายอย่างที่มากกว่านั้น
คิดว่าอะไรคือความสุข คือจุดที่เราอยู่ตรงไหน ถ้าคิดว่าทำแล้วมีความสุข ก็ทุกที่ก็มีความสุข ไม่ว่าผมจะบินอยู่ ขณะที่ทำการบินก็สนุกกับงาน ได้ต้อนรับผู้โดยสาร ได้เจอผู้คน ได้ไปที่ใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
พอมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว ผมก็มีความสุข ได้พบเจอผู้คนเยอะ ทั้งที่รู้จัก หรือคนที่ไม่เคยมาเจอกัน 10 ปีก็ได้มาเจอกัน คนไม่รู้จักก็มาถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยก็ได้มิตรภาพ มีความสุขทั้งสองอาชีพเลยครับ”
สำหรับ “ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือกัปตัน” แม้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ลูกค้าก็เข้าร้านอย่างหนาแน่น เจ้าตัวบอกว่าไม่ยึดติดความสำเร็จในอดีตมาบั่นทอนตัวเอง เพราะอาชีพที่ทำอยู่ถือว่ามีความสุขดี และมีเกียรติ รวมถึงเขายังใจดีให้ผู้ที่ว่างงานกินก๋วยเตี๋ยวฟรีอีกด้วย เหตุผลก็เพราะเคยมีประสบการณ์ตรงจึงเข้าใจความรู้สึก
“ไม่เคยมีใครมาดูถูกนะ ส่วนใหญ่จะถามว่าจะกลับไปบินอีกไหมแค่นั้นเอง แต่ไม่เคยมีคนมาดูถูก เพราะทุกอาชีพผมคิดว่ามีคุณค่า ทุกอาชีพมีเกียรติเท่ากัน ไม่มีอาชีพไหนสูงกว่า หรืออาชีพไหนต่ำกว่า อย่างตอนที่ได้นับเงินจากการขายก๋วยเตี๋ยว ผมรู้สึกดีด้วยซ้ำ เราได้จับเงินสด ได้นับเงินจริง แบงก์ร้อย แบงก์พัน
แต่ตอนเป็นนักบิน มีแต่ตัวเลขว่าเงินเข้าเท่านั้น เท่านี้ มันมีความสุขต่างกันนะ แต่ถ้าเราไปคิดเยอะว่าเมื่อก่อนเราเคยได้เงินเท่านี้ ตอนนี้ได้เท่านี้ ก็ทำให้เรารู้สึกท้อแท้มากกว่า ทำอะไรอยู่จุดไหน ขอให้เรามีความสุขกับจุดที่ทำ ชีวิตก็มีความสุขนะ
ผมเปรียบอาชีพคนเราก็เหมือนหลอดไฟ ถ้าทั้งบ้านมีหลอดไฟแค่ดวงเดียว วันหนึ่งไฟดับ หลอดไฟมันขาด ทั้งบ้านก็จะมืดหมดเลย แต่ถ้าเรามีหลอดไฟสัก 3-4 หลอด วันหนึ่งมันดับไป 1 ดวง เรายังมีอีก 3 ดวงที่ส่องสว่างอยู่ เหมือนอาชีพเรา ถ้ามีอาชีพเดียวแล้วอยู่ดีๆ อาชีพนั้น เราไม่สามารถทำงานต่อได้
ถ้าเขาเลิกจ้าง แล้วเราไม่มีอาชีพสำรองเลย เราก็จะดับวูบ เหมือนที่ผมเคยสัมผัสมา แต่ถ้าเรามีอาชีพสำรอง ก็ยังเหลืออาชีพที่รองรับ ยังดูแลครอบครัวได้อยู่ ตรงนี้คิดว่าขายก๋วยเตี๋ยวนี้แหละเป็นอาชีพสำรองที่วันใดวันหนึ่ง ถ้าเราตกงานอีก ก็มีร้านของเราอยู่ที่ดูแลครอบครัวได้ คงทำต่อไป
ส่วนร้านนี้ผมก็ให้คนตกงานทานฟรีนะ เรื่องของเรื่องคือช่วงที่ตกงานใหม่ๆ รู้เลยว่าการตกงานความรู้สึกเป็นยังไง ก็เลยมีแนวคิดว่าอยากช่วยเหลือคนที่ตกงาน แต่ตั้งแต่เปิดมา คนตกงานด้วยกันมากินก็ไม่มีใคร (ยอมกินฟรี) แต่อย่างน้อยก็ได้มาพูดคุย มาให้กำลังใจกันมากกว่าครับ”
สุดท้าย กัปตันราชิตยังกล่าวทิ้งท้ายถึงผู้ที่ว่างงาน หรือประสบปัญหาในชีวิตขณะนี้ด้วยว่า ให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ทบทวน และค้นหาตัวเอง
“คนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว กว่าพ่อแม่จะฟูมฟัก กว่าเราจะโต ทุกคนที่เราได้รู้จัก ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตมีแต่สิ่งดีๆ อยากให้คิดแบบนี้ เราแค่ตกงาน ไม่มีงาน ทำไมต้องมาท้อแท้กับชีวิต มันยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายที่เราทำได้
เราอาจยังไม่รู้ว่าเราทำอะไรเก่ง อยากให้ไปลองทำดูก่อน ทำอะไรก็ได้สักวันหนึ่งอาจจะเจอสิ่งที่เราถนัด อาจจะไม่ต้องสวยหรู แต่เป็นสิ่งที่เราชอบ อาจไปค้นหา ค้นเจอในช่วงที่เราเจอวิกฤตแบบนี้ก็ได้ อย่าไปคิดว่าตกงาน แต่อยากให้คิดว่าเรากำลังเรียนจบใหม่และมาหางานดีกว่าครับ”
ข่าวโดย MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **