ชายพิการใจดี แจกแซนวิชฟรีวันเกิด เพื่อคืนกำไรลูกค้า พลิกชีวิตจากขอทานฝ่าฟันอุปสรรค เจอคนใจดีให้เงินทุนสองพัน ตั้งหน้าตั้งตาประกอบอาชีพสุจริตขายแซนวิช พร้อมหยิบยื่นน้ำใจแก่คนหาเช้ากินค่ำ
ช่วยแม่ขอทานตั้งแต่เด็ก
“ผมเกิดมาตอนแรกแขนขาลีบไปทั้งตัวเลย แต่แม่พาไปรักษา หมอบอกรักษาสุดความสามารถแล้ว ตอนนี้บางทีก็ล้มนะ ลักษณะเหมือนมีใครเตะตัดขา ขนาดมีไม้เท้าก็ยังล้ม มันไม่มีแรง” ต้น - ทิน บุญมี เล่าย้อนอดีตเมื่อวัยเด็ก
“จำความได้ตอน 4 ขวบก็จะเริ่มขอทานตามสะพานลอย แม่นั่งจุดหนึ่ง ผมนั่งจุดหนึ่ง ช่วยแม่ เป็นขอทานตั้งแต่ 4 ขวบ ยัน 20 กว่า ก็เจอคนดูถูก ล้อเลียนบ้าง แต่ก่อนมีคนล้อเคยคิดจะต่อยนะ แต่หลวงตาบอกว่า เราอย่าเอาไฟมาใส่ตัวเรา เขาเป็นไฟ เราจะเป็นไฟเหมือนเขาทำไม เราก็เดินไปที่อื่น เดินไปเล่นกับใครที่เป็นน้ำก็ได้ ปล่อยให้เขาเป็นไฟอยู่
ผมเคยเป็นลูกศิษย์วัด ตอนแรกขอทานอยู่สะพานลอย ต่อมาไปขอทานตลาดบางซื่อ ตอนนั้นนั่งรถไฟจากหอวังไปบางซื่อ ก็รู้จักหลวงตา ให้ปัจจัย มีอยู่วันหนึ่ง เขาถาม บ้านอยู่ไหน บ้านผมไม่มี ผมนอนใต้สะพานบางบัว กับแม่ กับน้อง
หลวงตาก็ถาม พูดจริง พูดเล่น ตอนแรกก็ไม่เชื่อวันหนึ่งก็ไปเห็นกับตาตัวเอง หลวงตาก็ให้เงิน วันไหนผมหาไม่ได้ หลวงตาก็ให้มา ร้อยหนึ่ง บางทีก็สองร้อย เลี้ยงดูช่วยเหลือปัจจัยในการดำรงชีวิต หลวงตาก็บอก หาได้ก็ขยันเก็บออมไว้ พอผมเก็บได้ ขาดเงินประมาณ 200 กว่าบาท ก็ไปหาบ้านเช่า ตอนนั้นเดือนละ 550 บาท”
เก็บหอมรอมริมเงินจนสามารถหาบ้านเช่าได้ แต่เขาก็ยังยึดอาชีพขอทานต่อ ตระเวนเดินสายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
“เคยอยากเลิกขอทานตั้งแต่อายุ 14-15 ตอนนั้นวัยรุ่นก็คิดแล้ว จะหาเงินที่ไหนขายของ อายเพื่อน เพราะเพื่อนบางคนรู้ บางคนไม่รู้ ถามทำงานอะไร เราก็บอกทำงานล้างจานอะไรก็พูดไป เขาก็บอกไม่เคยเห็นเลยผ่านแถวนั้น เราก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องปิดบังความจริง รู้สึกผิดตลอดเวลา เราไม่อยากโกหก แต่เลือกไม่ได้ ผมเคยไปขอเขาล้างจาน เขาไม่รับ โอกาสไม่เปิดให้ผมเลย
ผู้ใหญ่ใจดี เปลี่ยนชีวิต
“วันหนึ่งผมเห็นคนอุ้มลูกขอตังค์ตามไฟแดง ผมก็คิด เราลองขอตามไฟแดงดู ผมเคยคิดว่าถ้าวันนึงฟลุ๊กไปเจอผู้ใหญ่ใจดี เปิดโอกาส นั่นคือความโชคดีของผม ที่มาเจอพี่เจี๊ยบ แต่เขาให้คนขับรถให้เงินผมร้อยนึง
มาวันนึงเขาหยุด เขาเลยเรียกคนขับ พาผมไปคุยหลังป้อมตำรวจ ซึ่งเป็นพื้นหญ้านั่งเล่นได้ ก็นั่งคุยกัน ก็ถาม ขอทานนานหรือยัง เคยคิดไหมว่าอยากจะทำอย่างอื่น ก็บอกว่าเคย แล้วอยากเลิกไหม อยากออกจากที่นี่มั้ย เหมือนถ้าเขาจะพาออกจากที่นี่จะไปมั้ย เขาก็ถามว่าอยากทำอะไรขายของ ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ผมคิดในสมอง น่าจะ 2,000 บาท เขาบอก ถ้าเขาให้ รับปากอย่างลูกผู้ชาย จับมือถ้าให้เงินแล้ว จะไม่เห็นว่านั่งขอทานแล้วนะ ถ้าขอนี่คือจบ เขาไม่คุยด้วยแล้ว ก็เลยรับปาก เขาให้มาวันนั้น 2,000 บาท
ผมก็กราบเท้า คือมันดีใจ โอกาสผมมาแล้ว ผมกำลังเห็นภาพว่า ประตูสวรรค์กำลังเปิดให้ผม หลังจากที่ผมอยู่ในวงการนี้มา 23 ปี ถ้าผมไม่รีบออกตอนนี้ ผมยังนึกภาพว่า เมื่อไหร่จะได้ออก”
หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้นเขาก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่เจี๊ยบทันที
“ตอนแรกก็ลงทุนขายน้ำส้มก่อน ซื้อน้ำส้มสำเร็จเลยแล้วมาขายปลีก ภรรยาก็ช่วยเตรียมของอยู่ที่บ้านเพราะตอนนั้นลูกยังเล็กอยู่
ขายน้ำส้มได้ประมาณ 3 ปีกว่า เข้าปีที่ 4 ทราบข่าวว่า พี่เจี๊ยบเสียชีวิตแล้ว เขาเคยบอกว่า ถ้าเขาอยู่ เขาจะเปิดร้านให้
ผมขายน้ำส้มปีที่ 6 ลูกค้าผมเริ่มหายไป พอไม่มีลูกค้าก็คิด ว่าต้องทำอะไรต่อ มีอยู่วันหนึ่งแฟนผมไปกินข้าว แล้วได้ยินลูกค้าพูด หลังๆน้ำส้มทำยังไงไม่รู้กินแล้วเจ็บคอ
ไม่เหมือนอย่างแซนวิช เราผลิตเอง ทำเอง เน้นอะไรบ้าง ใส่อะไรบ้าง ควบคุมคุณภาพได้ รสชาติอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น
แซนวิชของผมจะมีไส้แฮมไก่ ปูอัด โบโลน่า สลัดทูน่า หมูหยอง ส่วนราคาไม่เท่ากัน ปกติราคา 30 บาท แต่ถ้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำจะขาย 25 บาท ถ้าบางคนไม่ต่อราคา ผมจะลดราคาให้เอง”
สำหรับที่มาขอชื่อ “แซนวิชต้นบัว” คือชื่อของตนเอง “ต้น” และลูกสาว “น้องใบบัว” รวมกันนั่นเอง
เสี่ยงตาย ขายแซนวิชบนท้องถนน
“บางทีหลบรถทัน บางทีหลบไม่ทันก็มี บางทีลูกค้าให้แบงก์ร้อย แบงก์พัน เราทอนไม่ทัน ไฟเขียวพอดี แต่เดี๋ยวนี้ถ้าแบงก์ใหญ่ผมจะปฏิเสธเลย
เคยเจอลูกค้าไม่ให้เงินแต่เอาทั้งขนมปังไปทั้งตะกร้าก็มี เขาบอกว่าเหมาหมดเลย ผมก็ดีใจ แต่เขาบอกให้รออีกฝั่งหนึ่ง เดี๋ยวจะไปกดเงินมาให้ แล้วเขาก็ไปเลย
ผมก็คิดว่า ชาติที่แล้วผมคงไม่เอาของเขามา ก็ถือว่าหายกัน ชาติหน้าเราจะได้ไม่ติดค้างกัน ผมคิดอย่างนี้จึงมีความสุข สบายใจ
แต่ก็มีช่วงท้อแท้นะ แต่พอนึกถึงพ่อหลวง 70 ปีที่ผ่านมา ท่านเจอปัญหามากกว่าเรายังทำได้ ทำไมแค่นี้ผมทำไม่ได้”
อย่างไรก็ดี ลูกค้าใจบุญก็มีให้บนท้องถนนให้ชื่นใจมากเช่นกัน
บางทีมีคนให้ตังค์ผมมา แล้วก็บอกว่า เอาแซนวิชไปให้มอเตอร์ไซค์วิน ให้เด็กกินก็ได้ ซื้อผม 200 แล้วฝากไปให้คนอื่น
“เขาเป็นคนยังไงก็ได้ มีเรื่องอะไรเขาจะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ นอกจากจะถามเขาถึงจะตอบ ที่เลือกอยู่กับเขา เพราะเขาขยัน ทำมาหากิน เป็นคนดี” สุดารัตน์ เทพบุตร ภรรยา ภรรยาของต้น เผยถึงคู่ชีวิต แพ้ความดีจึงทำให้อยู่ร่วมกันมา
คืนกำไรลูกค้า วันเกิดแจกฟรี
“แจกแซนด์วิชฟรีในวันเกิดครับ” ป้ายข้อความคืนกำไรให้ลูกค้าของเขาที่ทำให้โด่งดังในโลกออนไลน์ เนื่องจากมีผู้โพสต์ข้อความและภาพ ชื่นชมหนุ่มพิการใจดี แจกแซนวิชฟรีแก่ผู้คนบนท้องถนน
“รู้สึกประทับใจ คนเราเกิดมาต้นทุนไม่เท่ากัน ทั้งฐานะ หรือแม้กระทั่งร่างกาย แต่สิ่งที่คนเรามีเหมือนกัน คือความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตใจที่ดีงาม นึกถึงเพื่อนมนุษย์คนอื่น แม้ตัวเองจะมีน้อยก็ตาม ส่วนตัวเราก็ขออวยพรผ่าน Facebook นี้ ขอให้พี่เค้ามีแต่ความสุข สุขที่ได้รับรอยยิ้มของผู้อื่นขอให้พี่มีแต่ความเจริญ สุขภาพแข็งแรง ตลอดไป ปล.เราไม่ได้วิ่งเส้นนั้น (แค่วันนี้ไปเที่ยว) ถ้าใครใช้เส้นทางผ่านแยกนวลจันทร์ ฝากช่วยอุดหนุนพี่เค้าด้วยนะคะ หรือช่วยแชร์ก็ได้”
โดยเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มียอดแชร์เกือบ 30,000 ครั้ง และมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นอวยพรวันเกิดชายพิการพร้อมชื่นชมและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม
“วันนั้นคุยกับแฟนว่า จะคืนกำไรให้ลูกค้า แจกแซนวิชฟรี เจอที่ไหนแจกหมด ตั้งแต่ออกมาจากบ้าน ทำสดใหม่ด้วย ญาติพี่เจี๊ยบก็โทร.มา บอกว่า ดีแล้วทำดีต่อไปพี่เจี๊ยบจะรับรู้ พี่เจี๊ยบเขามองเห็นเราอยู่ ทำดีต่อไป ช่วยเหลือคนที่ไม่มี
ผมอยากขอบคุณพี่เจี๊ยบ ญาติพี่เจี๊ยบ และผู้ใหญ่หลายๆคน ที่เขาช่วยเหลือผมมาตลอด ก่อนพี่เจี๊ยบ ก็มีพี่บอยที่ช่วยเหลือผมมาตลอด ถ้าชาตินี้ผมตอบแทนได้ ผมจะตอบแทน
สุดท้าย ถามว่า ชีวิตที่ผ่านมานี้ อะไรที่ทำให้มีความสุข เขาตอบชัดว่า
"ความดี ทำดีแล้วมีความสุข มันพูดไม่ถูก แต่รู้ว่า ข้างในมันมีความสุข ไม่แน่วันนึง สวรรค์เปิดทางให้เราผ่อนบ้าน หรือผ่อนคอนโด ผมจะตั้งใจผ่อน วันหนึ่งเราแก่ลง เราจะไม่ต้องกังวล บ้านเรามีที่ซุกหัวนอน
อยากจะฝากผู้ที่กำลังท้อแท้ว่า ยามมีปัญหาอย่าเครียด ค่อยๆปล่อยวาง ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ แล้ววันหนึ่งจะผ่านไปได้ อย่าให้สมองเครียด ความเครียดฆ่าคนตายมากมาย
ใครอยากอุดหนุนชิม “ต้นบัวแซนด์วิช” สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 090-273-5202 หรือสนใจสั่งซื้อที่ แฟนเพจเฟซบุ๊ก แซนวิชต้นบัว
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **