“ไต.จง.พัง” เป็นอินโฟกราฟฟิกที่ถูกแชร์ระเบิดในโลกโซเชียลฯ ก่อให้เกิดข้อถกเถียงว่าอาหารญี่ปุ่นเกาหลีเป็นต้นเหตุทำให้คนไทยเป็นโรคไตจริงหรือ? อาหารไทยเราออกจะรสชาติจัดจ้านหนักเค็มมากกว่ามั้ง?!?
เพจเฟซบุ๊ก Infographic MOVE เพิ่งโพสต์อินโฟกราฟฟิกชุดใหม่ล่าสุดลงเมื่อคืนวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าด้วย “ไต.จง.พัง อาหารญี่ปุ่น-เกาหลีกำลังเป็นที่นิยม พร้อมกับกระแสการกินแบบบุปเฟต์” ได้รับความสนใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มียอดคนกดแสดงอารมณ์ความรู้สึก 2 พันอัพ แชร์ต่อเหยียบหมื่น
โดยมีเนื้อหาใจความว่าในส่วนผสมของอาหารสัญชาติญี่ปุนเกาหลีมักต้องหมักเนื้อสัตว์ และมีองค์ประกอบเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงน้ำซุป และที่ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำจิ้ม ล้วนมีโซเดียมมาก เพราะทำมาจากผงชูรส โชยุ และเกลือ
ปริมาณโซเดียมที่คนเราควรได้รับต่อวันคือ 2,000 มิลลิกรัม ประมาณเกลือ 1 ช้อนชา, โชยุ 5 ช้อนชา แต่จากผลสำรวจปรากฎว่าคนไทยบริโภคโซเดียมวันละ 4,000 มิลลิกรัม เท่ากับเกินมาตรฐาน 2 เท่า ซึ่งการได้รับโซเดียมมากเกินไป ทำให้เกิดโรคความดัน โรคหัวใจ โรคไต และอัมพาต
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไตในไทยกว่า 7 ล้านคน ซึ่งต้องฟอกไตปีละ 10,000 ราย
“อาหารญี่ปุ่นโซเดียมสูง เป็นโรคไต แต่คนญี่ปุ่นกลับมีอายุเฉลี่ยอันดับต้นๆ ของโลก โดยที่เค้าก็ทานเป็นอาหารหลัก ... งงเนอะ“
ชาวเน็ตงง เนื่องจากไม่เชื่อว่าอาหารญี่ปุ่นเกาหลีเป็นสาเหตุให้คนไทยเป็นโรคไตกว่า 7 ล้านคน
“ตัวเลข 7 ล้านโรคไตมาจากกินอาหารญี่ปุ่นเหรอ”
“ตัวเลขพวกเป็นข้อมูลเชิงสถิติ หากอยากรู้ข้อมูลเชิงลึก ลองสอบถามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติครับ หรือไม่ก็สอบถามจากผู้ป่วยทีละคนจบครบ 7 ล้านดูเอาครับว่ากินอะไรมาบ้างตลอดช่วงชีวืตที่ผ่านมานะครับ”
“อินโฟของกราฟฟิกนี้ทำให้ mislead ไปนิดนะคะ ไม่น่าจะเป็นเพราะอาหารญี่ปุ่น-เกาหลีนะที่โซเดียมเยอะ เพราะโซเดียมมีอยู่ในอาหารทุกประเภท เครื่องปรุงเกือบทุกชนิด”
จำนวนคนที่เป็นโรคไตกว่า 7 ล้านคนนั้น ย่อมไม่ใช่มาจากการกินอาหารญี่ปุ่น-เกาหลีอย่างเดียว สาเหตุโรคไตมีหลายอย่าง หลักๆ อาจมาจากการกิน ซึ่งอาหารสัญชาติไหนก็ก่อให้สะสมเป็นโรคไตได้ถ้าหนักเค็ม
“อาหารญี่ปุ่นไม่ได้ทำให้ไตพัง แต่พฤติกรรมการกินอาหารญี่ปุ่นต่างหากครับทำให้ไตพัง ถ้าเวลาจิ้มชอบจุ่มลงไปชุ่มๆ แบบนั้นครับไตจะพัง”
เวลาคนญี่ปุ่นกินซูชิก็ดี ปลาดิบก็ดี เค้าจะทาวาซาบิในปริมาณที่เหมาะสมบนซูชิหรือเนื้อปลา ไม่ใช่คีบเนื้อปลาทั้งชิ้นหรือซูชิทั้งก้อนลงไปจุ่มในน้ำจิ้มโชยุที่ละลายวาซาบิไว้แล้วแบบพี่ไทยเรา
“คนญี่ปุ่นเขาไม่ได้เอาซูชิไปแช่โชยุแล้วกินเหมือนคนไทยนะครับ”
“คนไทยชอบเอาวาซาบิไปละลายโชยุแล้วเอาซูชิไปจิ้มชุ่มๆ”
“จริงๆ ซูชิ คนญี่ปุ่นเข้าคว่ำหน้าที่เป็นเนื้อปลาลงแล้วแตะๆ กับโชยุนะ แต่ไหงคนไทยแตะลงข้าวซะงั้น”
ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่าอาหารไทยเราเองแหล่ะตัวดี เนื่องจากลิ้นคนไทยติดกินรสเข้มข้นจัดจ้าน
“บ้านเราก็โหดใช่ย่อย พวกส้มตำ ยำ น้ำพริก เกลือ อะไรพวกนี้ เห็นบางเจ้าตักผงชูรสกันเป็นช้อนๆ โหดสุดๆ แต่ก็กิน มันอร่อย 555”
“อาหารไทยเติมทั้งรสดี น้ำปลา ซีอิ้วขาว ไม่พอแถมน้ำมันหอย ไม่พอแถมผงชูรสอีก ไปว่าอาหารเค้า ดูอาหารบ้านเราก่อนนะ ลองดูจำนวนคนตายในแต่ละปีด้วยใครสูงกว่า อายุประเทศเค้าก็อยู่ยืนกว่านะ”
“อาหารไทยหนักกว่าเยอะ ทั้งไต เบาหวาน ความดัน เค็มๆ หวานๆ มันๆ เผ็ดๆ”
“ไม่ต้องไปอ้างอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี อาหารไทยๆ เราก็มีโซเดียมมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาเค็ม ปลาร้า ปูดอง ไข่เค็ม สุกี้ เย็นตาโฟ ผัดซีอิ้ว ส้มตำ อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กสำเร็จรูป ลูกชิ้น ไส้กรอก แคบหมู ขนมถุงกรุบกรอบ อาหารหมักดองเค็ม ผลไม้ดอง/แช่อิ่ม อาหารตากแห้งทั้งหลาย และขนมผงฟู เค้ก คุกกี้ ขนมปัง แต่ละมือแต่ละวัน มีใครได้นับคำกิน นั่งคำนวณปริมาณโซเดียมกันหรือเปล่า”
“เดี๋ยวนี้คนไทยปรุงอาหารรสเข้มเค็มมากมาย ใส่เครื่องปรุงเกินพอดี อย่าว่าแต่อาหารญี่ปุ่นเกาหลีเลยค่ะ ตั้งแต่ส้มตำยันเมนูสิ้นคิดอย่างผัดกระเพรา น้ำมันหอย ซอสปรุงรส ซีอิ๊วดำ บางคนใส่น้ำปลาอีก ออกมาค่อนข้างเค็มเยอะค่ะ.ทานทีดื่มน้ำเป็นขวดๆ”
ปริมาณโซเดียมในน้ำปลาสูงทีเดียว กล่าวคือ 1 ช้อนโต๊ะเท่ากับ 6 กรัมแล้ว ยิ่งอาหารไทยเราต้มยำทำแกงล้วนเน้นปรุงรสด้วยน้ำปลาอย่างหนักมาก แถมพี่ไทยเวลากิน ก็ต้องมีพริกขี้หนูน้ำปลาอีก
“อาหารไทยนี่สาดน้ำปลา เกลือ ผงชูรส เช่น ก๋วยเตี๋ยวมีเกลือเยอะมาก พอกินยังสาดน้ำปลาอีก”
“ผัดต่างๆ มีน้ำปลาอยู่แล้ว แต่พอกินสาดน้ำปลาพริกใส่อีก”
“มันอยู่ที่คนไทยติดเค็มต่างหาก”
จริงๆ แล้ว คนญี่ปุ่นสมัยก่อนก็ติดกินเค็มเหมือนคนไทย แต่ทว่า 30 ปีหลังมานี้ ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันค่อยๆ ปรับลดโซเดียมในโชยุและเครื่องปรุงต่างๆ จนกระทั่งโชยุที่วางขายในปัจจุบันลดโซเดียมลงไปถึง 50-60% โดยค่อยๆลด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน
“คนญี่ปุ่นในอดีตเค้าก็มีปัญหาโรคไต แต่เค้าแก้ไขค่อยๆ ลดเค็ม จนลิ้นคุ้นชินกับรสที่ไม่จัด” ชาวเน็ตช่วยกันให้ข้อมูล
“ตอนนี้โชยุ ก็มีสูตรลดเค็มนะคะ ฝาสีเขียว ใช้อยู่ค่ะ”
เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากตอนนี้เคยมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น และสอยอาหารการกินบ้านเค้า ต่างรู้สึกชัดเลยว่ารสชาติอาหารของเค้า ไม่ว่าตามร้านอาหาร หรือจำพวกสำเร็จรูป ล้วนมีรสชาติค่อนไปทางจืดแต่กลมกล่อม
นอกจากไม่เค็มแล้ว ยังไม่หวานเว่อร์แบบพี่ไทยเราด้วย อย่างเครื่องดื่มชาเขียว กาแฟสำเร็จรูปประเภท 3 อิน 1 และขนมกรุงกรอบยอดฮิตในหมู่คนไทย-โตเกียวบานาน่า
“ผมว่ามันต้องมีการเข้ามาควบคุมดูแล หรือรณรงค์ให้ลดโซเดียมในร้านอาหารนะ เหมือนที่ญี่ปุ่น เมื่อก่อนก็กินเค็มจัด แต่ร้านอาหารทุกร้านเค้าร่วมมือกับรัฐบาล ค่อยๆ ลดความเค็มลง จนปัจจุบันอาหารที่ญี่ปุ่นไม่เค็มเลย ที่ไทยเรานึ่เค็มหนักมาก”
“เมื่อก่อน คนญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาเป็นโรคหัวใจกับไตเหมือนกันนะ ตอนนี้รู้สึกเค้าจะรณรงค์ให้ผู้ผลิตลดโซเดียมลงมา ได้ผลอยู่นะ จริงๆ ตอนนี้เมืองไทยมีผลิตภัณฑ์ลดโซเดียมจากสูตรปกติอยู่แต่น้อยรายมากค่ะ น่าทำนะ เป็นทางเลือกที่ดี กะกลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพด้วย”
“อยากให้เข้าถึงปัญหาจริงต้องประเภทขนมถุง มาม่า อาหารแช่แข็งพร้อมอุ่นกินได้เลย ของพวกนี้ราคาไม่แพง เข้าถึงทุกชนชั้น แต่แฝงด้วยยาพิษ อาหารญี่ปุ่นราคาแพง ต้องไปกินที่ร้านอาหาร คนธรรมดาต่างจังหวัดคงมีโอกาสไม่มากที่จะทานบ่อยๆ จนไตพัง”
...ฝากถึงภาครัฐหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการภาคเอกชน ขอให้หันมาใส่ใจเห็นความสำคัญและช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ แต่กระนั้นพวกเราผู้บริโภคเองต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ พยายามกินอาหารรสชาติอ่อนลงถ้าไม่อยากให้ไตลำบาก...
ขอบคุณภาพจาก FB: Infographic MOVE, goldealer.com, eve.com, guymeetswok.blogspot.com
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754