“ยิ่งมากันได้ทั้งประเทศ ยิ่งดี!!” ถ้อยคำปลุกใจอย่างกับการชุมนุมประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ แต่ไม่ใช่! มันคือคำเชิญจากปาก “เจ้าสัวบุญชัย” ญาติธรรมไฮโซวัดธรรมกาย ที่ออกโรงชวนผู้ร่วมลัทธินับล้านมาร่วมใช้ท่า “ขัดสมาธิ” ประดิษฐ์ป้อมปราการโล่มนุษย์เพิ่ม หลังปฏิบัติการคั่นระหว่างหน่วยบุกจับพิเศษ “ดีเอสไอ” กับ “ธัมมชโย” ได้สัมฤทธิ์ผล บรรดากองทัพศิษยานุศิษย์สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า หวังรอดพ้นข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ฝั่งรัฐบาลเปรยรู้ทัน แต่ยังไม่อยากใช้ไม้แข็งแค่นั้นเอง!!
เตรียมรับข้อหา ปลุกม็อบสมาธิ! สร้างปราการขัดขวางโดยสงบ!!
[ประกาศรวมพลศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ-ทั่วโลก!!]
"สวัสดีครับ ลูกพระธรรม ลูกคุณครูแม่ใหญ่ทั่วโลก วันนี้ผมมาเชิญชวนทุกท่าน ให้มาร่วมกันปฏิบัติธรรม กลั่นใจใสๆ แผ่เมตตา ผมก็เชื่อว่า ทุกท่านได้เห็นจากข่าวที่ออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็คิดว่าพลังที่เราจะมาร่วมกันนับล้าน เพื่อปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้กับสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ให้มันหายไป”
บุญชัย เบญจรงคกุล เจ้าสัวหมื่นล้าน ผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจสื่อสาร โทรคมนาคม “ดีแทค” ศิษย์หัวแถวบุญทุ่มสังกัดธรรมกาย ประกาศผ่านรายการ "ข่าวเคลียร์ เคลียร์ข่าวชัด วัดพระธรรมกาย" ซึ่งออกอากาศให้ลูกศิษย์สังกัดจีวรบินได้ดูผ่านสถานีโทรทัศน์ดีเอ็มซี (www.dmc.tv)
ถ้อยคำดังกล่าว เป็นไปเพื่อปลุกพลังนักธรรมสายทุนสายเดียวกันจากทั่วประเทศและทั่วโลก ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ “พระเทพญาณมหามุนี” หรือ “พระธัมมชโย” โดยใช้หลักอหิงสาเข้าอ้างเพื่อขัดขวาง หลังเจ้าอาวาสไม่ยอมเข้ามอบตัว จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” ต้องเดินทางมารวบตัวไปดำเนินคดีในข้อหา “สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร” จนถึงถิ่น
“หลวงพ่อมีความหมายต่อเรามากครับ ถ้าไม่มีหลวงพ่อก็ไม่มีเรา หลวงพ่อเปรียบประดุจเหมือนแสงสว่างให้กับชาวโลก สันติสุขของโลกจะเกิดขึ้นได้ถ้าทุกคนนั่งขัดสมาธิและนั่งตรึกนึกถึงศูนย์กลางกาย สิ่งเหล่านี้จะหายไปหมดเลยครับ ถ้าเกิดมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา
จึงเรียนเชิญทุกท่านนะครับที่นั่งดูอยู่ว่า ถ้าท่านเดินทางมาได้ เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรมกับผม กับพี่น้องของเราอีกจำนวนมากนะครับ ยิ่งมากันได้ทั้งประเทศก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ เริ่มตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ มากันให้หมดนะครับ เราไม่ต้องรอ เรื่องพวกนี้ คราวนี้คงไม่ต้องรอหรอกครับ
เรียนเชิญมาปฏิบัติธรรมครั้งใหญ่ของเรานะครับ เพื่อให้พลังแห่งสันติสุขมันเกิดขึ้น นำความสันติสุขมาสู่ประเทศไทยของเราอีกครั้งหนึ่ง ไอ้เรื่องที่เข้าใจผิด เป็นเรื่องที่มองข้ามไป ได้เป็นที่ประจักษ์ ให้หลวงพ่อเราท่านได้รับความยุติธรรม ให้พ้นมลทินจากที่ถูกใส่ร้าย
อานิสงส์ผลบุญที่เรามาร่วมกันเป็นจำนวนล้าน ก็จะทำให้เราอยู่ในวงบุญของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกภพทุกชาติไป ตราบจนถึงที่สุดแห่งธรรม เรียนเชิญนะครับ ผมจะรอคอยทุกท่านอยู่"
[คำเชิญชวนของ "เจ้าสัวบุญชัย" ผ่านสถานีโทรทัศน์ธรรมกาย]
ในเมื่อออกโรงป้องธัมมชโยเต็มกำลังกันแบบนี้ มีหรือเจ้าหน้าที่ผู้เข้าดำเนินการจับกุมจะไม่รู้ ถึงแม้เหล่าศิษยานุศิษย์นุ่งขาวห่มขาวทั้งหลายจะอ้างว่าเดินทางมาปฏิบัติธรรมตามปกติกันก็ตาม แต่การกระทำทุกอย่างกลับขัดแย้งและดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
[รมว.ยุติธรรม บอกเลยรู้ทัน แต่ยังไม่อยากเล่นไม้แข็ง/ ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก "Kritsada Wiset"]
“ดูจากการตระเตรียมก็รู้อยู่แล้วครับว่า มันเป็นเหตุจงใจชัดเจน มีการคลุมหน้า ปิดตา ก็แสดงว่าจงใจที่จะไม่ได้มาปฏิบัติธรรม แต่จงใจที่จะมาขัดขวางการจับกุมด้วยองค์ประกอบที่มันมีอยู่ ถ้าทำโดยความบริสุทธิ์ใจ ถามว่าท่านจะต้องปิดหน้าปิดตาทำไม แสดงว่ารู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะทำผิดกฎหมายอยู่
ยิ่งข้ออ้างที่ว่ายังไม่สามารถให้จับกุมได้ ต้องรอให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อน มันแสดงให้เห็นว่ากำลังพยายามผูกปัญหาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองว่า รัฐบาลนี้บริหารและจัดการกับผู้ต้องหารายนี้ด้วยความรุนแรง อยากให้ภาพแบบนั้นกลับมาอีก แต่มันยังไม่พัฒนาไปถึงจุดนั้นไง”
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันแน่นหนักว่า ยังไม่มีนโยบายให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับทางธรรมกาย เช่น ใช้กำลังพลเข้าปิดล้อม หรือตัดน้ำ ตัดไฟ แต่ประการใด แต่มีความผิดในมาตรา 189 ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่เตรียมแจกให้บรรดาพลพรรคนุ่งขาวห่มขาวผู้ขัดขวางการทำงานโดยอ้างท่าทีแห่งความสงบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
[บรรยากาศวัน "ดีเอสไอ" บุกจับ "ธัมมชโย" ถึงแหล่ง]
“มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ส่วนผู้ตั้งตนชักนำระดมกองพล ไม่ว่าจะเป็นการรวมพลไปเพื่อการใด อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในมาตรา 116 ฐาน “ยุยง ปลุกปั่น ปลุกระดม” ด้วยเช่นกัน การกระทำของเจ้าสัวกระเป๋าหนักระดับประเทศที่ประกาศผ่านรายการโทรทัศน์ออกไป จึงอาจถือว่าเข้าข่ายได้เหมือนกัน
เห็นแก่ “โล่มนุษย์” แต่อย่าให้เผลอแล้วกัน!!
“ตอนนี้จับไม่ได้เพราะประชาชนยังเป็นโล่มนุษย์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระอุเอาไว้ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็จำเป็นจะต้องข่มใจรับกับผลการจับกุมที่ไม่สัมฤทธิผล เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเดินทางไปบุกจับธัมมชโย ครั้งที่แล้วมา
"จับได้เมื่อไหร่ก็จับตอนนั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดก็ออกมามอบตัว แค่นั้นก็จบแล้ว มันไม่มีข้อโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น ท่านจะคิดอะไร ทำอะไร ก็ตามใจท่านก็แล้วกัน แต่กฎหมายเขาเขียนไว้ว่ายังไง ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายที่มีขั้นมีตอนของมันอยู่ ถ้ามัวแต่มารอรัฐบาลประชาธิปไตย แล้วที่ผ่านมามีไหมล่ะประชาธิปไตย แล้วถามว่าคดีนี้เกิดขึ้นในสมัยนั้นหรือเปล่า
บอกแค่ว่าตอนนี้ยังจับไม่ได้ เพราะประชาชนยังห้อมล้อมอยู่ จับไปก็เสียหาย มีอันตรายต่อคนอื่น ถ้าจะจับก็ต้องตีกัน หรือถ้าอยากจะให้จับจริงๆ ก็ให้ไปด้วยกัน ไปเป็นพยานให้ด้วยว่า ใครเป็นคนใช้อาวุธหรือใช้กำลังก่อน
การที่ทหาร ตำรวจ ใช้กำลังเข้าไป เขาก็มีความเสี่ยง เขาไม่ได้อยากทำหรอก แต่เขาต้องถือกฎหมาย เขาก็เป็นคนไทยพุทธเหมือนกัน จะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อเป็นคนไทยพุทธเหมือนกัน"
[นายกฯ พยายามข่มใจ เห็นแก่ "โล่มนุษย์" ในท่าขัดสมาธิ]
ลองมองผ่านมุมมองคนในในอดีตอย่าง ดร.นพ.มโน เลาหวณิช อดีตกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาและอดีตผู้บริหารวัดพระธรรมกาย จะเห็นบทวิเคราะห์ในอีกมิติที่น่าสนใจ
"ผมว่าดีเอสไอคงมองลึกไปกว่าการวางแผน 'กบิล 59' ตอนเข้าจับกุมครั้งที่แล้ว ผมคิดว่าเขาคงจะคิดอยู่แล้วว่าคงจะไม่ได้ตัวออกมา และถึงจะบุกเข้าไปถึงข้างในก็ไม่เจอตัว ที่เป็นอย่างนี้ เพราะเขามีระบบที่สลับซับซ้อนมาก การบริหารงานของวัดพระธรรมกายเป็นการบริหารงานที่ทุกคนจะรู้แค่เสี้ยวเดียว นอกนั้นจะให้คนบอกต่อๆ ส่งข้อมูลต่อๆ กันไป เช่น ให้คนเชื่อว่า หลวงพ่อป่วยหนัก อาพาธจนเดินไม่ได้ หรือให้เชื่อว่าหลวงพ่อบริสุทธิ์ ส่วนดีเอสไอคือฝ่ายที่ไม่บริสุทธิ์ บอกต่อๆ กันไป แล้วทุกคนก็จะพูดแบบนี้เป็นเสียงเดียวกันทั้งวัด
ปัจจุบันประชาชนทั้งประเทศได้เห็นแล้วว่า นี่คือยุทธการแบบ 'ศรีธนญชัยเรียกพี่' พระคุณเจ้าบอกว่ายินดีให้เข้ามาในธรรมกายได้ตลอด ให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่ให้เจ้าหน้าที่คุยกับทางญาติโยมเอง ในเมื่อพระไม่ยอมพูดให้ญาติโยมเขาขยับ แล้วเขาจะขยับกันได้ยังไง ของแบบนี้เขาเตรียมกันไว้เรียบร้อยแล้ว”
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอ ได้เผยความคืบหน้าล่าสุดเอาไว้ว่า อยู่ในกระบวนการเตรียมดำเนินคดีกับเหล่าศิษยานุศิษย์ธรรมกายเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ทุกคนจะสวมหน้ากากเพื่ออำพรางใบหน้าเอาไว้ก็ตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพและสืบค้นจนทราบชื่อผู้ร่วมกระบวนการสำเร็จแล้ว เตรียมส่งรายละเอียดให้แก่ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
“ดีเอสไอยังดำเนินการสืบสวนและประเมินสถานการณ์โดยตลอด เพื่อรอความพร้อมในการเข้าจับกุมตัวอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะสามารถไปขอหมายค้นวัดพระธรรมกายจากศาลอีกวันไหน ตอนนี้ได้ชี้แจงรายละเอียดคดีให้ทางอัยการพิเศษเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรออัยการว่าจะสั่งคดีให้ออกมาแบบไหน ส่วนการจัดการกับผู้ขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ จะค่อยๆ ดำเนินการไปทีละคน”
[การ์ตูนล้อเลียนบนโลกออนไลน์]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754