หากเอ่ยชื่อ “ไอซ์” ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ หลายคนคงรู้จักเขาในฐานะเจ้าของธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังของจังหวัดเพชรบุรี ที่นำโซเชียลมีเดียมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดจนกลายเป็นที่ฮือฮา เรียกความสนใจให้สื่อวิ่งรุมสัมภาษณ์กันมาแล้ว
แต่อีกด้านหนึ่งคงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าไอซ์ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “SOdA -PrintinG.com” ธุรกิจรับพิมพ์ภาพออนไลน์ที่ใช้คอนเซ็ปต์ว่า “ของขวัญแบบนี้มีชิ้นเดียวในโลก”
“ช่วงแรกๆ เราทำเป็นงานอดิเรก แต่กลับกลายเป็นว่าธุรกิจนี้พีกที่สุดเท่าที่ทำมา คือ เป็นตัวที่ทำเงิน สร้างรายได้สูงที่สุดของเรา”
ไอซ์เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการบอกถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่แทบจะไม่รู้ว่าเขาทำธุรกิจนี้ พร้อมทั้งย้อนกลับไปเล่าถึงที่มาของ SOdA - PrintinG.com ว่า
“จริงๆ แล้วผมทำ SOdA - PrintinG.com มาก่อนเจ๊กเม้งอีกนะ เพราะผมเริ่มทำธุรกิจนี้ตั้งแต่ประมาณ 10 ปีแล้ว สมัยนั้นยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แล้วพอดีจะหาของขวัญให้รุ่นพี่ ก็ไม่รู้ว่าจะให้อะไรดี จะซื้อดอกไม้หรือตุ๊กตามันก็ดูธรรมดาไป
ตอนนั้นนั่งรถผ่านเห็นป้ายในหลวงทรงพระเจริญ ก็คิดว่าถ้าทำรูปใหญ่ๆ แบบนั้นให้ คนรับน่าจะชอบ ก็เลยไปสั่งที่ร้านทำป้ายธรรมดา ขยายรูปให้ใหญ่ เข้ากรอบ แล้วเอาไปให้ คนอื่นเห็นก็ชอบ เข้ามาถามว่าไปสั่งที่ไหนเหรอ ฝากสั่งหน่อย เราก็เลยรับทำ ตอนนั้นคิดรูปละ 350 บาท เพราะเป็นงานไวนีลธรรมดา ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ
สมัยนั้นไฮไฟว์ยังไม่มี เฟซบุ๊กคนยังไม่รู้จัก เขาเล่นแค่ MSN กัน เราก็เอาไปโพสต์ตามเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่ามีบริการรับขยายภาพแล้วเข้ากรอบ ก็มีคนมาสั่ง เราก็คิดว่าดีนะ มันไม่มีหน้าร้าน แล้วตอนนั้นเราก็หาเงินจ่ายค่าเทอมเอง ก็พอมีรายได้ตรงนี้เข้ามา โดยตอนนั้นเราใช้คอนเซ็ปต์ว่า การขยายภาพ ก็ทำมาจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็กะว่าจะเลิกทำ เพราะต้องกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน เป็นโรงงานทำน้ำผลไม้สด”
หลังจากเรียนจบ แม้ไอซ์ตั้งใจจะเลิกรับให้บริการขยายภาพ แต่กลับกลายเป็นว่ายังมีลูกค้าติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็เลยจุดประกายให้เขาต้องเปลี่ยน SOdA - PrintinG.com ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ทำแล้วได้เงินตอนสมัยเรียนให้กลายมาเป็นธุรกิจอย่างจริงๆ จังๆ
“ตลาดมันไม่ได้หายไปนะ ยังมีคนโทร.เข้ามาเรื่อยๆ ผมก็เลยคุยกับน้องชายว่า งั้นเรามาวางแผนใหม่ทำให้มันจริงๆ จังๆ เลยดีไหม เมื่อก่อนเราใช้คอนเซ็ปต์ว่าขยายภาพ ทำมา 3 ปี ก็ได้ออเดอร์เดือนละ 10-20 รูป ได้กำไร 2,000-3,000 บาท
คราวนี้เรามากำหนดคอนเซ็ปต์ธุรกิจใหม่ว่า เป็นของขวัญ มันก็จะมีมูลค่าขึ้นมาทันที ดังนั้น เราขายราคาเดิมไม่ได้แล้ว เราก็เลยลองเทสต์ราคาใหม่ ถ้าราคา 700 บาท ลูกค้าซื้อไหม ซื้อ ราคา 800 ซื้อไหม ยังสั่งอยู่ ราคา 900 บาท สั่งไหม ยังสั่งอยู่ ราคา 1,000 บาท สั่งไหม ก็ยังสั่งอยู่
พอบอกราคา 1,100 บาท สั่งไหม ยังสั่งอยู่ แต่อิดออดนิดหน่อย พอบอกชิ้นละ 1,200 บาท เริ่มลังเลแล้ว บอกชิ้นละ 1,300 บาท มีต่อรอง พี่ลดหน่อยได้ไหม อะไรอย่างนี้ คราวนี้เรารู้ระดับราคาในใจเด็กมหาวิทยาลัยแล้วว่า มันควรอยู่ที่ชิ้นละ 1,000 บาท เพราะเขาสามารถไปหุ้นกับเพื่อนๆ คนละ 500 บาท มันไม่หนักเกินไป ตอนแรกเราก็จับตลาดเลยว่าเป็นของขวัญวันรับปริญญา แล้วก็ให้คอนเซ็ปต์อีกว่า เป็นของขวัญชิ้นเดียวในโลก ก็คิดคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว”
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ แค่ไอซ์เปลี่ยนคอนเซ็ปต์ธุรกิจจากการขยายภาพมาเป็นของขวัญ ก็สามารถเพิ่มยอดออเดอร์จากเดิมเฉลี่ยเดือนละ 10-20 รูป มาเป็นเดือนละ 100 รูป
สาเหตุเกิดมาจากการมุ่งจับตลาดใหญ่ อย่างตลาดงานรับปริญญาก่อน โดยไอซ์เน้นเจาะงานรับปริญญาของ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยศิลปากร
“แค่มหาวิทยาลัย Top 5 ก็มีเด็กรับปริญญาตรี โท เอก ปีละร่วมหมื่นคนต่อมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็มีลูกค้าแล้วเห็นๆ 50,000 คน ก็เริ่มจากเจาะมหาวิทยาลัยเหล่านี้ แล้วเจาะคณะที่คนหน้าตาดีๆ ก่อน เช่น บัญชี นิเทศ อักษร เหตุผลเพราะคนส่วนใหญ่อยากได้ของตามคนหน้าตาดีไง ใครเห็นก็อยากได้ สั่งที่ไหน มันก็กลับมาที่เราทั้งหมด
จากนั้นเราก็มาเซตธุรกิจให้มันมีซีซันการเล่นตลอด เพื่อไม่ให้ธุรกิจมันเป็นเส้นตรง คือ ธุรกิจมันต้องมีช่วงขายดี ช่วงโลว์ แต่ของเราจะไม่มีช่วงโลว์เลย เพราะงานรับปริญญามันมีของมหาวิทยาลัยโน้น มหาวิทยาลัยนี้ ตอนนี้เราก็เจาะไปทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ซึ่งมันก็มีงานรับปริญญาอยู่ตลอด แล้วการที่เราทำเป็นออนไลน์โดยสั่งงานผ่านอีเมล เรื่องสถานที่ไม่มีความจำเป็น เขาสามารถสั่งงานผ่านออนไลน์ได้เลย
แล้วตอนนี้เราก็มาจัดระบบคุณภาพงานใหม่ เพราะเรามีรายได้เพิ่มมาก แต่จะเอางานคุณภาพเกรดเท่าเดิมมาขายลูกค้าไม่ได้ จากเมื่อก่อนเราส่งงานให้พวกร้านพิมพ์ แล้วมันมีปัญหาว่างานผมต้องรอไปพ่วงงานคนอื่น เพราะจริงๆ งานมันชิ้นเล็ก แต่เครื่องพิมพ์มันหน้ากว้าง 3 เมตร ส่งงานไป 2 ชิ้นอย่างนี้มันก็จะเสียพื้นที่ ผมก็เลยบอกเขาว่า จะลงทุนเครื่องพิมพ์ให้ เป็นเครื่องจากญี่ปุ่น ใช้หมึกของแท้ 100% เป็นต้นทุนของผม เพราะผมขายราคาดีขึ้น
แต่พี่ช่วยดูแลเครื่องให้ผม แล้วถ้ามีงานอื่นเข้ามาก็แบ่งกำไรกัน ดังนั้นผมก็ไม่ต้องดูแลเครื่องเอง แต่ผมมีคนที่มีความถนัดทางด้านเครื่องพิมพ์คอยดูแลให้ ซึ่งพอผมลงทุนเครื่องไปปุ๊บ ก็ไม่ต้องไปรองานหน้ากว้างอะไรแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้เราพิมพ์งานได้เร็วขึ้น
ทีนี้พอเราจับตลาดเด็กมหาวิทยาลัยได้แน่นปุ๊บ เราก็หันมาเจาะช่วงเทศกาลต่างๆ งานวาเลนไทน์ งานวันเกิด ของขวัญให้แฟน ของขวัญวันแต่งงาน เราก็เล่นตามคีย์เวิร์ดของขวัญนำหน้าทั้งหมด ถ้าเสิร์ชในกูเกิล จะเจอเราอยู่ในนั้นทั้งหมด”
และเนื่องจาก SOdA - PrintinG.com เป็นธุรกิจให้บริการงานพิมพ์ภาพผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้น ตลาดของไอซ์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วเขาก็เริ่มเจาะตลาดต่างประเทศ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
“เรามองว่าการทำออนไลน์มันไม่ได้หมายความว่าเราทำธุรกิจอยู่ในอำเภอเดียว ตำบลเดียว หมู่บ้านเดียว แล้วขายแค่คนเดียวเท่านั้นนะ เราก็ดูว่าช่องทางในการส่งมันไปได้ ระบบ EMS พร้อม ระบบโอนเงินผ่าน PayPal มันมีความน่าเชื่อถือ ทุกอย่างมันตรวจสอบได้ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะทำยังไงให้คนเขาเชื่อใจเรา
ธุรกิจออนไลน์มันไม่ได้สำคัญว่าคุณต้องขายของดีหรือไม่ดีนะ แต่มันขายความเชื่อใจที่ทำให้คนยินดีจ่ายเงินคุณก่อนโดยที่เขายังไม่ได้ของ แล้วถ้าเขาจ่ายเงินปุ๊บ เขาได้ของแล้วเขาไม่แฮปปี้ คุณจะการันตรีเขายังไง
ของผมถ้าคุณไม่แฮปปี้ คุณตีงานคืนมาเลย เราคืนเงินให้เต็ม 100% คือเราออกตัวอย่างนี้เลย ข้างหน้ากล่องเขียนเลยว่า ถ้าของเสียหายระหว่างจัดส่งคุณไม่ต้องเซ็นรับ คุณตีของคืนมาเลย เราทำงานชิ้นใหม่ให้เลย คุณไม่แฮปปี้ชิ้นงานตรงไหนบอก เรายินดีคืนเงินให้ แล้วไม่คิดเงินรูปนั้นด้วย”
นอกจากจะยินดีคืนเงินหากไม่พอใจสินค้าแล้ว ไอซ์ยังสร้างความไว้วางใจแก่ลูกค้าด้วยการการันตีการรับสินค้าภายใน 3 วันทำการสำหรับในเมืองไทย และ 5 วันทำการสำหรับทั่วโลก โดยปัจจุบันมีสินค้าที่เป็นงานธรรมดาให้เลือก 3 ไซส์ คือ ไซส์ 70x50 เซนติเมตร ราคา 700 บาท ไซส์ 70x100 เซนติเมตร ราคา 1,199 บาท และไซส์ 80x80 เซนติเมตร ราคา 1,199 บาท โดยทุกไซส์คิดบริการค่าส่ง EMS ราคา 200 บาท อันนี้สำหรับตลาดในเมืองไทย
ส่วนตลาดต่างประเทศจะคิดค่าจัดส่งอยู่ที่ 1,500 บาทต่อชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่
“นอกจากงานธรรมดาแล้ว เรายังทำงานอีกเกรดหนึ่งเป็นงาน Canvas คือตอนนั้นคนไทยเพิ่งเริ่มเล่นอินสตาแกรมกันใหม่ๆ ผมก็เกิดไอเดียว่า งั้นเราทำคอนเซ็ปต์พิมพ์ภาพจากอินสตาแกรมออกมาดีไหม โดยทำเป็นโปรเจกต์ใหม่ชื่อเว็บ Soda-Instargram.com เพราะภาพจากอินสตาแกรมมันสวย
งาน Canvas จะมีให้เลือก 4 ขนาด คือ 50x50 เซนติเมตร ชิ้นละ 1,500 บาท บวกค่าส่ง 200 บาท 70x50 เซนติเมตร ชิ้นละ 2,000 บาท บวกค่าส่ง 200 บาท 70x100 เซนติเมตร กับ 80x80 เซนติเมตร ชิ้นละ 3,500 บาท บวกค่าส่ง 200 บาท ราคามันก็จะแพงขึ้นมาอีกเท่าหนึ่ง แต่กลุ่มลูกค้าที่มีเงินเขายินดีที่จะจ่าย เพราะได้งานที่เรียบร้อยกว่า
แล้วถามว่าชิ้นละ 3,500 บาท ถ้าในเมืองไทยมันแพงไหม ตอนแรกผมก็ว่าแพงนะ แต่ผมไปดูงานในเมืองนอกชิ้นละ 15,000 บาท ผมก็เลยใช้โซเชียลมีเดียในการทำตลาด เจาะเข้าเว็บโซนยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลี ผมขายชิ้นละ 7,000 บาท บวกค่าส่งชิ้นละ 2,000 บาท เป็นชิ้นละ 9,000 บาท
เขาอยู่เมืองนอก เขาสั่งงานจากเราได้รับงานภายใน 5 วันทำการ แต่ถ้าเขาสั่งงานจากคนอื่น เขาอาจจะได้งานภายใน 3 วันทำการ แต่ในราคาชิ้นละ 15,000 บาท แต่ถ้าเขาอดทนรออีก 2 วัน เขาได้งานจากเราชิ้นละ 9,000 บาท มันถูกกว่าเยอะ”
ต้องยอมรับว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจรับพิมพ์ภาพออนไลน์ของไอซ์ ทั้ง SOdA - PrintinG.com และ Soda-Instargram.com มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นเกิดจากการที่ไอซ์ใช้กลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าได้อย่างน่าสนใจ
“เราคิดว่าในการไปหาลูกค้าใหม่ มันมีต้นทุนในการสร้างลูกค้าใหม่ใช่ไหม แต่ตรงนี้เราใช้ลูกค้าเก่าเป็นฐาน ซึ่งถึงวันนี้เราผลิตงานไปแล้วกว่า 200,000 ชิ้น ภายใน 10 ปี โดยใน 7 ปีแรกผลิตงานไปประมาณ 20,000 ชิ้น แล้วหลังจากนั้นก็โตดับเบิลขึ้นมา
ถามว่าทำไมเราโตขนาดนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเรามองตลาดยังไง ตอนนี้เราจับกลุ่มลูกค้าได้แล้ว แล้วเราก็มีฐานข้อมูลลูกค้าไว้หมดแล้ว เราก็บอกเลยว่า ถ้าลูกค้าเก่าสั่งงานเข้ามาก็จะได้รับส่วนลดชิ้นละ 200 บาทสำหรับงานธรรมดา สำหรับงาน Canvas ได้ส่วนลดชิ้นละ 500 บาท แต่คุณต้องถ่ายรูปโพสต์ลงอินสตาแกรมหรือโพสต์ลงเฟซบุ๊กให้เรานะ ฉะนั้นลูกค้าจะเป็นคนโปรโมตบอกต่อให้เราตลอดเวลา
จะเห็นว่าจริงๆ แล้วมันมีช่องทางการเติบโตนะ กลุ่มลูกค้ามันขยายฐานไปได้เรื่อยๆ อย่างก่อนหน้านี้เราไปซื้อภาพวาดไลเซนส์คนที่วาดรูปลายเส้นในหลวง เสร็จแล้วช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเราก็ไปเจาะตามบริษัทใหญ่ๆ ธนาคารที่เขาต้องซื้อของขวัญแจกลูกค้า VIP ก็ให้เป็นภาพวาดในหลวงเข้ากรอบสวยงามเป็นของขวัญปีใหม่ ลูกค้ามันก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว อย่างธนาคารสั่งทีเป็นพันชิ้น
แล้วตอนนี้เราก็เจาะไปที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะบริษัท แสนสิริ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มันมีบ้าน มีคอนโดฯ ขึ้นมาเยอะมาก เราก็ดีลเป็นพาร์ตเนอร์กันว่า คนไหนจองบ้าน จองคอนโดฯ ในวันนั้นสามารถรับคูปองใช้ในการพิมพ์ภาพ ซึ่งจริงๆ บริษัทพวกนี้เขาต้องไปซื้อไอแพดแจก ซื้อโน่นซื้อนี่แจกอยู่แล้วใช่ไหม เขาก็แจกสินค้าเราได้นะ แล้วลูกค้าที่จองบ้านก็จะได้รูปภาพเขาเอาไปติดในบ้านเลย
หรืออย่างตามโรงแรม รีสอร์ตสวยๆ เราก็เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์ให้เลยว่า โรงแรมคุณมีห้องพักประมาณ 30 ห้อง พักคืนหนึ่งประมาณ 40,000-50,000 บาท เราก็ทำภาพซัปพอร์ตให้ ทำให้โรงแรมท็อปๆ ก่อน พอลูกค้าจากเมืองนอกจองห้องเข้ามาปุ๊บ ทางโรงแรมก็จะติดต่อลูกค้าว่าให้ส่งไฟล์รูปเข้ามา ตอนลูกค้าเข้ามาพักในห้องนอนก็จะเห็นรูปของตัวเองติดอยู่ในห้องเลย ซึ่งมันจะได้มูลค่ามากกว่า
และตอนที่ลูกค้าเดินทางกลับเขาก็สามารถเอารูปกลับบ้านได้เลย ข้างหลังรูปมันก็จะมีเว็บไซต์เราติดไว้ มันก็จะเป็นการขยายเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นไฮเอนด์ มันก็เป็นที่มาที่ทำให้เราได้งานพิมพ์ภาพส่งให้แกลเลอรีที่นิวยอร์กด้วยนะ
แม้กระทั่งกลุ่มช่างภาพเมืองนอกที่ใช้ไอโฟนในการถ่ายรูป พอเขาถ่ายปุ๊บบางทีมีคนชอบงานเขา เขาก็จะสั่งพิมพ์ภาพกับเรา ซึ่งราคาเมืองไทยไซส์ 50x50 เซนติเมตร เราขายอยู่ชิ้นละ 1,500 บวกค่าส่ง 200 บาท เป็น 1,700 บาท ส่วนเมืองนอกเราขายชิ้นละ 6,000 บาท แต่ถ้าพวกนี้สั่ง เราก็บอกเลยลดเหลือชิ้นละ 4,000 บาท ซึ่งมันแค่ 100 เหรียญเขา รวมค่าส่งแล้วประมาณ 130 เหรียญ แล้วเขาเอาไปขายชิ้นละ 300 เหรียญ
แต่ถ้าเขาสั่งที่เมืองนอกต้นทุนเขาคือชิ้นละ 300 เหรียญ เขาต้องเอาไปขายชิ้นละ 500 เหรียญ ซึ่งสั่งกับเรามันถูกกว่า มันก็ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าได้อีกกลุ่มหนึ่ง
นอกจากนี้ เรายังเข้าไปคุยกับมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจะเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้หลักสูตรปริญญาหาโท ปริญญาเอก ยกตัวอย่าง กลุ่มอสังหาฯ ผมก็เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้เลยว่า ตอนคุณเรียนจบปุ๊บผมพิมพ์ภาพให้คนละชิ้น ชิ้นละ 2,000 บาท พิมพ์ให้ฟรีๆ เลย แต่ขออย่างเดียวว่าวันที่เอาภาพไปส่งให้ ผมจะมีช่างภาพไปคนหนึ่ง ไปถ่ายรูปให้ทุกคนช่วยยืนถือ และทุกคนช่วยโพสต์ลงอินสตาแกรมหรือลงเฟซบุ๊กให้คนละรูป แค่นั้นพอ ตอนทำเราลงทุนโครงการหนึ่งประมาณ 200,000-300,000 บาท แต่ผมมีออเดอร์กลับเข้ามาเยอะมาก”
นี่คือตัวอย่างแนวคิดในการขยายฐานลูกค้าของไอซ์
ขณะที่ความสำเร็จของ SOdA - PrintinG.com และ Soda-Instargram.com ในวันนี้นั้น ยืนยันได้จากยอดการจัดส่งสินค้าเฉลี่ยวันธรรมดาอยู่ที่ 150-200 ชิ้นต่อวัน ส่วนวันช่วงรับปริญญาอยู่ที่ 500-700 ชิ้นต่อวัน โดยแบ่งเป็นลูกค้าไทย 70% และต่างชาติ 30%
แต่ความสำเร็จในการทำธุรกิจของไอซ์ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะที่ผ่านมาเขายังแตกไลน์ไปสู่การรับบริการวาดรูปการ์ตูนล้อ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้การให้บริการพิมพ์ภาพเลย เพราะตอนนี้ออเดอร์วาดการ์ตูนล้อของไอซ์เต็มไปถึงสิ้นปี 2557 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้เราไปอีกแนวหนึ่ง ตอนแรกมันมีปัญหา ก็คือ ลูกค้าส่งไฟล์รูปมาให้เล็กมาก ซึ่งปกติแล้วไฟล์รูปมันต้องมีความละเอียดประมาณ 700 kb เราก็เลยหาทางแก้ปัญหาให้ลูกค้าด้วยการมาวาดภาพเป็นการ์ตูนล้อ ตอนแรกผมวาดรูปไม่เป็นนะ ผมก็หัดวาดเอง ก็คิดค่าบริการหัวละ 300 บาท คือตอนนั้นเวลาว่างเยอะ ก็เลยคิดหัวละ 300 บาท แต่ตอนนี้คิดหัวละ 600 บาท บวกค่าแบ็กกราวนด์อีก 400 บาท คุณอยากได้แบ็กกราวนด์แบบไหน ถ้าเพิ่มรถชิ้นละ 500 บาท เพิ่มหมาตัวละ 500 บาท เพิ่มเปียโน 500 บาท สมมติ 1 หัว คือ 600 บาท บวกเปียโน 500 บาท บวกค่าแบ็กกราวนด์อีก 400 บาท เป็น 1,500 บาท อันนี้คือเป็นเรตราคาคนไทยนะ ถ้าเป็นราคาเมืองนอกหัวละ 100 เหรียญ
เนื่องจากออเดอร์มันเข้ามาเยอะมาก เราก็วาดไม่ทัน เราก็ไปคุยกับมหาวิทยาลัยศิลปากรให้หาเด็กที่เรียนอาร์ตมาทำ เราส่งงานให้ มีคอนเซ็ปต์ให้เรียบร้อย แล้วมาแบ่งกำไรกันครึ่งๆ เลย คือเขามีหน้าที่ทำงาน เรามีหน้าที่หาตลาดกับบริหารคิวลูกค้า
ช่วงแรกๆ ก็ดี แต่ตอนหลังๆ มีปัญหาเยอะ ได้เงินไปแล้วก็เอาไปกิน ไปเที่ยว ไม่รับผิดชอบงาน เราก็ไม่แฮปปี้ และก็เบื่อที่จะต้องคอยมาโทร.ตามงาน ก็เลยเปลี่ยนใหม่ สอนคนพิการวาดแทน ตอนนี้ก็มีคนพิการอยู่ประมาณ 15 คนที่วาดรูปให้เรา ซึ่งตอนนี้ออเดอร์วาดการ์ตูนเต็มถึงสิ้นปีแล้ว ก็ตกเดือนละประมาณ 400 รูป”
ไอซ์บอกว่า ข้อดีของบริการวาดรูปการ์ตูนล้อคือ ไม่ต้องส่งงานเป็นตัวสินค้า แต่จะส่งงานให้ลูกค้าเป็นไฟล์ ทำให้ไม่มีต้นทุนในการขนส่ง
“ลูกค้าจะเอาไฟล์ไปล้างเองก็ได้ หรือว่าเอามาขยายภาพเชื่อมกับ Soda-PrintinG ก็ได้ คือตอนแรกตั้งใจแค่เอามาขยายรูป แต่ตอนนี้มูลค่ามันมากกว่าการขยายรูปอีก โดยที่ของมันไม่ต้องมีต้นทุน เพราะเราไม่ต้องส่งของเป็นสินค้า แต่เราส่งของเป็นอากาศ”
อีกหนึ่งธุรกิจที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นคนเดียวกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง ธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ไอซ์ได้อย่างคาดไม่ถึง โดยอยู่ที่ปีละเกือบร้อยล้านบาท
@@@ข้อมูลโดย นิตยสาร SMEs Plus @@@
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *