xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: ปารีสระทึก! มือปืนมุสลิมควงอาก้าถล่มสื่อน้ำหอม “ชาร์ลี เอ็บโด” แค้นหมิ่นอิสลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สเตฟาน ชาร์บอนนิเยร์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชาร์ลี เอ็บโด ซึ่งเสียชีวิตในเหตุกราดยิง
กลายเป็นข่าวใหญ่ช็อกวงการสื่อทั่วโลก เมื่อกลุ่มมือปืนติดอาวุธได้บุกเข้าไปสังหารหมู่กองบรรณาธิการนิตยสารแนวเสียดสี “ชาร์ลี เอ็บโด” (Charlie Hebdo) ในกรุงปารีสเสียชีวิตรวม 12 ศพ เมื่อวันพุธที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังสื่อมวลชนฉบับนี้สร้างความขุ่นเคืองแก่ชาวมุสลิมมาช้านาน ด้วยการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด นับเป็นเหตุนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดของฝรั่งเศสในรอบกว่า 4 ทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการจู่โจมดังกล่าวกลับได้รับการยกย่องจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก และซีเรีย ที่มองว่ามันเป็นการแก้แค้นต่อผู้ที่ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม

นักวาดการ์ตูนชื่อดัง 3 คน รวมถึง สเตฟาน ชาร์บอนนิเยร์ หัวหน้าบรรณาธิการ ถูกคนร้ายจู่โจมและกราดยิงด้วยปืนอาก้าระหว่างนั่งประชุมอยู่ภายในสำนักงาน ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบของเมืองหลวงฝรั่งเศส ขณะที่ตำรวจเผยปากคำจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า กลุ่มมือปืนตะโกนว่า “เรามาแก้แค้นให้ศาสดามูฮัมหมัด” และ “พระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่”

ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันทีที่ได้ทราบเรื่อง พร้อมกับตราหน้าการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “การก่อการร้าย” ก่อนประกาศให้วันพฤหัสบดีที่ 8 ม.ค. เป็นวันไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นการไว้อาลัยแห่งชาติครั้งที่ 5 ในรอบ 50 ปี

ภาพถ่ายจากตากล้องสมัครเล่นพบเห็นชายสวมหน้ากาก 2 คน ซึ่งแต่งกายด้วยชุดคล้ายทหารสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า เดินออกมาจากอาคารสำนักงาน ก่อนจ่อยิงใส่ตำรวจนายหนึ่งอย่างเลือดเย็น จากนั้นจึงกลับขึ้นรถยนต์ซีตร็องสีดำและขับออกไป

ตำรวจและรถฉุกเฉินจำนวนมากพากันรุดไปยังจุดเกิดเหตุท่ามกลางฝูงชนที่หลั่งไหลมายืนมุงดูตามท้องถนน ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พบเห็นกระจกหน้าต่างมีรอยกระสุนและผู้ได้รับบาดเจ็บบางส่วนถูกหามขึ้นเปลแบกออกมา

กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ระบุว่า มีมือปืน 3 คน ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนอัยการยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต 12 คน ในนั้นมีตำรวจรวมอยู่ด้วย 2 นาย และบาดเจ็บ 11 คน สาหัส 4 คน ขณะที่ทางการก็สั่งยกระดับเตือนภัยขั้นสูงสุดในทันที

ต่อมาไม่นาน ตำรวจฝรั่งเศสได้เผยแพร่ภาพถ่าย เชรีฟ กูอาชี วัย 32 ปี และ ซาอิด วัย 34 ปี ชาย 2 พี่น้องที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นมือปืนที่ก่อเหตุสังหารหมู่ทีมงาน ชาร์ลี เอ็บโด ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ฮามิด มูราด วัย 18 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม เดินทางมามอบตัวต่อตำรวจเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. หลังเห็นชื่อของตนเองแพร่สะพัดในสื่อออนไลน์

หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ของอังกฤษ รายงานว่า มือปืนสองพี่น้องมีเชื้อสายแอลจีเรีย และได้รับการฝึกฝนจาก “นักรบอัลกออิดะห์ในเยเมน” โดยเฉพาะ เชรีฟ กูอาชี เคยถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ในข้อหาให้การช่วยเหลือกลุ่มที่พยายามก่อการร้าย แต่ในท้ายที่สุดชายผู้นี้ถูกลงโทษจำคุกเพียงแค่ 18 เดือน

เชรีฟ กูอาชี เคยรับสารภาพว่า มีแผนโจมตีเป้าหมายชาวยิวในแผ่นดินฝรั่งเศส และพยายามที่จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมเป็นนักรบญิฮาด และมีรายงานว่าชายผู้นี้ได้ช่วยเหลือให้คนที่ต้องการเป็นนักรบญิฮาดเดินทางจากฝรั่งเศสเพื่อเข้าไปยังอิรัก

กอรีน เรย์ นักวาดการ์ตูนหญิงคนหนึ่งของ ชาร์ลี เอ็บโด ออกมายอมรับกับหนังสือพิมพ์ L'Humanité ว่า เธอเป็นผู้ “กดรหัสเปิดประตู” ให้กลุ่มชายฉกรรจ์ปิดหน้าบุกเข้าไปสังหารทีมงาน 12 คนภายในสำนักงาน แต่ที่ทำไปเพราะมือปืนข่มขู่จะทำร้ายตนเองและลูกสาว

ในช่วงค่ำวันพุธ (7) ชาวฝรั่งเศสนับแสนคนได้รวมตัวกันที่กรุงปารีสและเมืองอื่นๆ เช่น ลียง และ ตูลูส เพื่อไว้อาลัยแก่เหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ขณะที่มวลชนทั่วโลกทั้งที่มอสโก วอชิงตัน ลอนดอน และโตเกียว ก็ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับ ชาร์ลี เอ็บโด ซึ่งเป็นสื่อที่กล้าเผชิญหน้าท้าทายกับกลุ่มอิสลามิสต์มานาน
ภาพเหตุการณ์ขณะ 2 มือปืนบุกถล่มสำนักงาน ชาร์ลี เอ็บโด เมื่อช่วงสายของวันที่ 7 ม.ค.
เหตุโจมตีระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสและเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ทั่วยุโรปมีความกังวลด้านความปลอดภัยอย่างสูง สืบเนื่องจากสงครามในอิรักและซีเรีย หลังพบว่ามีพลเมืองยุโรปหลายร้อยคนเดินทางออกไปร่วมสู้รบเคียงข้างพวกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)

สัญญาณความตึงเครียดเริ่มปรากฏชัด เมื่อสำนักงานของ พริซา มีเดีย กรุ๊ป เจ้าของหนังสือพิมพ์ El Pais ที่มีผู้อ่านกว้างขวางที่สุดในสเปน ต้องอพยพผู้คนกันจ้าละหวั่นหลังมีข่าวการโจมตีสื่อเมืองน้ำหอมออกมาได้เพียง 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีชายลึกลับนำพัสดุต้องสงสัยที่มีสายไฟอยู่ภายในมาส่งที่บริษัท แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่พบอันตรายใดๆ

ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ออกมาประณามเหตุสังหารหมู่กอง บก. ชาร์ลี เอ็บโด โดยกล่าวว่า “เราระลึกถึงและภาวนาแก่เหยื่อของการก่อการร้าย รวมถึงประชาชนชาวฝรั่งเศสในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้” พร้อมระบุว่าวอชิงตันพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ ขณะที่คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระบุว่า มันเป็นการโจมตีอย่างไร้ยางอายต่อเสรีภาพในการแสดงออก ณ ดินแดนใจกลางยุโรป ส่วนองค์กรนักข่าวไร้พรมแดนเรียกเหตุโจมตีครั้งนี้ว่า “วันแห่งความมืดมน”

นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ส่วน อังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ใช้คำว่า “เลวทราม” อันสะท้อนถึงความรู้สึกอ่อนไหวในเมืองหลวงต่างๆ ทั่วยุโรป ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แถลงว่า ผู้นำรัสเซียขอประณามพฤติกรรมก่อการร้ายในทุกรูปแบบ

นอกจากนี้ ยังมีเสียงประณามจากประเทศมุสลิมต่างๆ รวมถึงสันนิบาตอาหรับ และมหาวิทยาลัย อัล-อัซฮาร์ ศูนย์กลางการเรียนรู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ในอียิปต์ที่เรียกมือโจมตีว่าเป็นพวกอาชญากร

ชื่อของ ชาร์ลี เอ็บโด เริ่มดังกระฉ่อนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 เมื่อมีการนำการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของศาสนาอิสลามมาตีพิมพ์อีกครั้ง หลังจากที่เคยถูกตีพิมพ์ครั้งแรกโดย “จิลลอง โพสเทน” หนังสือพิมพ์ของเดนมาร์ก จนสร้างความโกรธแค้นให้กับโลกมุสลิมเป็นอย่างมาก

อาคารสำนักงานของ ชาร์ลี เอ็บโด เคยโดนโจมตีด้วยปืนและระเบิดมาแล้วในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 หลังจากตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดที่ตั้งชื่อว่า “ชารีอะห์ เอ็บโด”

แม้จะเคยถูกฟ้องฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ แต่หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับนี้ยังคงเดินหน้าตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดาของชาวมุสลิมอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งมาเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้นในที่สุด
เชรีฟ กูอาชี วัย 32 ปี (ภาพซ้าย) และ ซาอิด กูอาชี วัย 34 ปี
ชาวแคนาดาออกมาร่วมกันจุดเทียนที่หน้าศาลาว่าการเมืองมอนทรีออลเพื่อไว้อาลัยแก่ทีมงาน ชาร์ลี เอ็บโด ที่ถูกสังหาร

ขัดสมาธิกันเถอะโยม! “โล่มนุษย์ธรรมกาย” จงใจขัดขวางเจ้าหน้าที่!!? [ชมคลิป]
ขัดสมาธิกันเถอะโยม! “โล่มนุษย์ธรรมกาย” จงใจขัดขวางเจ้าหน้าที่!!? [ชมคลิป]
“ยิ่งมากันได้ทั้งประเทศ ยิ่งดี!!” ถ้อยคำปลุกใจอย่างกับการชุมนุมประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ แต่ไม่ใช่! มันคือคำเชิญจากปาก “เจ้าสัวบุญชัย” ญาติธรรมไฮโซวัดธรรมกาย ที่ออกโรงชวนผู้ร่วมลัทธินับล้านมาร่วมใช้ท่า “ขัดสมาธิ” ประดิษฐ์ป้อมปราการโล่มนุษย์เพิ่ม หลังปฏิบัติการคั่นระหว่างหน่วยบุกจับพิเศษ “ดีเอสไอ” กับ “ธัมมชโย” ได้สัมฤทธิ์ผล บรรดากองทัพศิษยานุศิษย์สวมหน้ากากปกปิดใบหน้า หวังรอดพ้นข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ฝั่งรัฐบาลเปรยรู้ทัน แต่ยังไม่อยากใช้ไม้แข็งแค่นั้นเอง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น